“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

II. การจัดแบ่งแผ่นดินแก่เผ่าต่างๆ

แผ่นดินที่ยังยึดไม่ได้a

13 1เมื่อโยชูวาแก่ชรามีอายุมากแล้ว พระยาห์เวห์ตรัสกับเขาว่า “ท่านแก่ชราและมีอายุมากแล้ว แต่ยังมีแผ่นดินอีกมากที่จะต้องยึดครอง 2แผ่นดินที่ยังเหลืออยู่คือ

‘ดินแดนทั้งหมดของชาวฟีลิสเตียb และของชาวเกชูร์ 3ตั้งแต่ห้วยชีโคร์ ซึ่งเป็นเขตแดนกับอียิปต์ ไปจนถึงพรมแดนเมืองเอโครนทางเหนือ ซึ่งเป็นของชาวคานาอัน เขตแดนของผู้ปกครองชาวฟีลิสเตียห้าคนคือ เมืองกาซา อัชโดด อัชเคโลน กัทและเอโครน เขตแดนของชาวอัฟวิม 4ทางใต้ แผ่นดินทั้งหมดของชาวคานาอันตั้งแต่เมืองอาราห์cซึ่งเป็นของชาวไซดอนจนถึงเมืองอาเฟก และจนถึงพรมแดนของชาวอาโมไรต์ 5แผ่นดินของชาวเกบาลและแคว้นเลบานอนทั้งหมดทางตะวันออกตั้งแต่เมืองบาอัลกาดเชิงภูเขาเฮอร์โมนไปจนถึงช่องเขาคามัท 6รวมทั้งทุกคนที่อาศัยอยู่บริเวณแถบภูเขา ตั้งแต่แคว้นเลบานอนจนถึงเมืองมิสเรโฟทมายิม และชาวไซดอนทุกคน เราจะขับไล่ชนชาติเหล่านี้ให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล ท่านจะต้องจัดแบ่งแผ่นดินนี้ให้เป็นมรดกแก่ชาวอิสราเอลตามที่เราได้สั่งท่าน 7บัดนี้ จงแบ่งแผ่นดินนี้ให้เป็นมรดกแก่ชนเก้าเผ่า และครึ่งเผ่ามนัสเสห์ ท่านจะต้องให้แผ่นดินตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลใหญ่ทางตะวันตกแก่เขา ทะเลใหญ่จะเป็นเขตแดนของเขา’”d

ก. เผ่าทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนe

สภาพทั่วไป

8ชนเผ่ารูเบน ชนเผ่ากาด และชนเผ่ามนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าfได้รับมรดกในส่วนของตนแล้ว ตามที่โมเสสเคยมอบแก่เขาทางฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดนด้านตะวันออก เป็นส่วนที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบให้เขา 9คือตั้งแต่เมืองอาโรเออร์ริมแม่น้ำอารโนน และตั้งแต่เมืองที่อยู่ในหุบเขาตามแม่น้ำ และที่ราบทั้งหมดตั้งแต่เมืองเมเดบาจนถึงเมืองดีโบน 10ทุกเมืองของกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ซึ่งทรงปกครองที่เมืองเฮชโบนจนถึงพรมแดนของชาวอัมโมน 11แคว้นกิเลอาด ดินแดนของชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ เทือกเขาเฮอร์โมนทั้งหมดและแคว้นบาชานทั้งหมดจนถึงเมืองสาเลคาห์ 12ในแคว้นบาชาน อาณาจักรทั้งหมดของกษัตริย์โอกผู้ทรงปกครองเมืองอัชทาโรทและเอเดรอี พระองค์ทรงเป็นชาวเรฟาอิมคนหนึ่งในกลุ่มสุดท้าย โมเสสได้ชนะและยึดครองแผ่นดินของชนชาติเหล่านี้ 13อย่างไรก็ตาม ชาวอิสราเอลไม่ได้ขับไล่ชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ ดังนั้น ชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์จึงยังคงอยู่ในหมู่ชาวอิสราเอลมาจนถึงทุกวันนี้

14ชนเลวีเพียงเผ่าเดียวเท่านั้นที่โมเสสไม่ได้ให้แผ่นดินเป็นมรดก เพราะเครื่องเผาบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล เป็นมรดกของเขาg ดังที่พระองค์ตรัสกับเขา

เผ่ารูเบน

15โมเสสเคยมอบแผ่นดินส่วนหนึ่งแก่ชนเผ่ารูเบนตามตระกูล 16เขาได้เขตแดนตั้งแต่เมืองอาโรเออร์ที่ริมแม่น้ำอารโนนและเมืองที่อยู่ในหุบเขา ไปจนถึงเมืองเมเดบา คือที่ราบสูงทั้งหมด 17เมืองเฮชโบนกับเมืองบริวารทุกเมืองบนที่ราบสูง ได้แก่ เมืองดีโบน บาโมทบาอัล เบธบาอัลเมโอน 18ยาหาส เคเดโมท เมฟาอาท 19คีริยาทธาอิม สิบมาห์ และเศเรธชาคาร์ บนภูเขาเหนือหุบเขา 20เบธเปโอร์ เชิงเขาปิสกาห์ เบธหะเยชิโมท 21ทุกเมืองบนที่ราบสูง และอาณาจักรทั้งหมดของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ซึ่งทรงปกครองที่เมืองเฮชโบน โมเสสเคยปราบพระองค์พร้อมกับเจ้านายชาวมีเดียนซึ่งเคยอยู่ในแผ่นดินและเป็นประเทศราชของกษัตริย์สิโหน คือ เอวี เรเคม ศูร์ คูร์และเรบา

22ชาวอิสราเอลยังได้ใช้ดาบฆ่าบาลาอัมผู้ทำนาย บุตรของเบโอร์ พร้อมกับคนอื่นๆ ที่เขาได้ฆ่า

23เขตแดนของชนเผ่ารูเบนคือแม่น้ำจอร์แดนและแผ่นดินบริเวณนั้น

เมืองและหมู่บ้านต่างๆ เหล่านี้เป็นมรดกของชนเผ่ารูเบนตามตระกูล

เผ่ากาด

24โมเสสเคยมอบแผ่นดินส่วนหนึ่งแก่ชนเผ่ากาดตามตระกูล 25ดินแดนของเขาคือบริเวณเมืองยาเซอร์ เมืองต่างๆ ของแคว้นกิเลอาด ดินแดนครึ่งหนึ่งของชาวอัมโมนไปจนถึงเมืองอาโรเออร์ที่อยู่หน้าเมืองรับบาห์ 26และจากเมืองเฮชโบนจนถึงเมืองรามาทมิสเปห์และเบโทนิม จากเมืองมาหะนาอิมไปจนถึงแผ่นดินโลเดบาร์ 27และในหุบเขาคือเมืองเบธฮาราม เบธนิมราห์ สุคคทและศาโฟน ส่วนที่เหลือของอาณาจักรกษัตริย์สิโหนแห่งเมืองเฮชโบน แม่น้ำจอร์แดนเป็นเขตแดนไปจนถึงทะเลสาบคินเนเรท ทางฟากโน้นด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

28เมืองและหมู่บ้านต่างๆ เหล่านี้เป็นมรดกของชนเผ่ากาดตามตระกูล

ครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์

29โมเสสเคยมอบแผ่นดินส่วนหนึ่งแก่ชนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าhตามตระกูล 30ดินแดนของเขาเริ่มต้นตั้งแต่เมืองมาหะนาอิม คือแคว้นบาชานทั้งหมด อาณาจักรทั้งหมดของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน หมู่บ้านทั้งหมดของยาอีร์ในแคว้นบาชาน จำนวนหกสิบเมือง 31ครึ่งหนึ่งของแคว้นกิเลอาด เมืองอัชทาโรทและเอเดรอีซึ่งเป็นเมืองของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน เป็นมรดกของลูกหลานมาคีร์บุตรของมนัสเสห์ คือลูกหลานครึ่งหนึ่งของมาคีร์ตามตระกูล

32นี่คือดินแดนที่โมเสสเคยมอบเป็นมรดกเมื่ออยู่ในที่ราบโมอับ ทางฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดน ทิศตะวันออกตรงข้ามกับเมืองเยรีโค 33แต่โมเสสไม่ได้มอบแผ่นดินส่วนใดเป็นมรดกแก่ชนเผ่าเลวี พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงเป็นมรดกของเขา ดังที่พระองค์เคยตรัสไว้

 

13 a ดินแดนเหล่านี้ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลเลย แม้ชาวอิสราเอลจะจัดไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ในอุดมการณ์ (1:4) และใน กดว 34:1-12 ก็ตาม คือ ทางใต้ ได้แก่ ดินแดนของชาวฟีลิสเตียและชาวเกชูร์ (ดู 1 ซมอ 27:8) รวมทั้งชาวอัฟวิม (ดู ฉธบ 2:23) ทางเหนือ ได้แก่ ดินแดนของชาวไซดอน หรือชาวฟีนีเซีย ข้อความใน 13:1-7 เป็นข้อความของผู้เรียบเรียงให้เป็นบทนำเอกสารด้านภูมิศาสตร์ที่จะอ้างถึงต่อไป

b ตามที่มีเขียนไว้ใน ฉธบ 2:23; ยรม 47:4ฯ; อมส 9:7 ชาวฟีลิสเตียอพยพมาจากคัฟโทร์ ซึ่งอาจหมายถึงเกาะครีตมากกว่าแคว้นเอเชียน้อย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่กล่าวถึงนี้เป็นเพียงช่วงเดียวของการอพยพย้ายถิ่นของชนพวกนี้ ซึ่งเราไม่ทราบแน่ชัดว่ามาจากไหน ชนพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของชนหลายชาติที่อพยพย้ายถิ่นฐานในสมัยนั้น และมีชื่อรวมๆ กันว่า “ประชาชาติชาวทะเล” กษัตริย์ฟาโรห์รามเสสที่ 3 ทรงสะกัดกั้นชนพวกนี้ไม่ให้เข้าในอียิปต์ ตอนต้นศตวรรษที่ 12 ก่อนคริสตกาล เมื่อเข้าอียิปต์ไม่ได้ ชาวฟีลิสเตียก็มาตั้งหลักแหล่งอยู่ตามบริเวณที่ราบชายฝั่งของปาเลสไตน์ (ชื่อ “ปาเลสไตน์” ก็มาจาก “ฟีลิสเตีย” นั่นเอง) การที่พระคัมภีร์กล่าวถึงชนชาตินี้ใน ปฐก 21:32-34; 26:1-8; และ อพย 13:17 เป็นการกล่าวผิดเวลาก่อนที่ชาวฟีลิสเตียจะมาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นั่น รายชื่อในข้อ 4 เป็นชื่อเมืองหลักของชาวฟีลิสเตีย (ดู วนฉ 3:3; ยอล 4:4) ชาวฟีลิสเตียไม่ใช่ชนเผ่าเซมิติกและไม่เข้าสุหนัต เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของชาวอิสราเอลในสมัยผู้วินิจฉัยและสมัยกษัตริย์ซาอูล ต่อมา กษัตริย์ดาวิดสามารถผลักดันชาวฟีลิสเตียให้ถอยกลับไปอยู่ในเมืองของตนตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

c ”ตั้งแต่เมืองอาราห์” บางคนแปลว่า “และเมืองเมอาราห์”

d “ท่านจะต้องให้แผ่นดินตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลใหญ่ทางตะวันตกแก่เขา ทะเลใหญ่จะเป็นเขตแดนของเขา” ตามต้นฉบับภาษากรีก ไม่มีในต้นฉบับภาษาฮีบรู

e เนื้อหาสำคัญของข้อความตอนนี้มาจาก กดว 32 และ ฉธบ 3:12-17 โดยเพิ่มชื่อสถานที่ต่างๆ แต่ไม่อธิบายรายละเอียดของดินแดนของเผ่าเหล่านี้ต่างกับคำอธิบายถึงเผ่าต่างๆ ในแผ่นดินคานาอัน ชาวอิสราเอลเองไม่แน่ใจนักเกี่ยวกับลักษณะพื้นที่ของชนเผ่าเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้นชนเผ่ารูเบนและกาดมักจะถูกกล่าวถึงเป็นกลุ่มเดียวกัน (1:12; กดว 32:1ฯ; ฉธบ 3:12) ต่อมาไม่ช้า ชนสองเผ่านี้จะสูญเสียดินแดนส่วนหนึ่งให้แก่ชาวอัมโมนและโมอับที่ขยายอาณาเขตเข้ามา (ดู ปฐก 49:3-4; ฉธบ 33:6 สำหรับรูเบน และ ปฐก 49:19 สำหรับกาด) เราไม่ทราบว่าทำไมมีการแบ่งเผ่ามนัสเสห์ออกเป็นสองส่วน ดูเหมือนว่าชนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งหนึ่งเข้ายึดครองดินแดนแคว้นกิเลอาดตอนเหนือไม่ใช่ในสมัยแรกนี้ (ดู กดว 32:1 เชิงอรรถ a)

f “ชนเผ่ามนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า” แปลตามต้นฉบับภาษากรีก

g “เครื่องเผาบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์...เป็นมรดก” ต้นฉบับภาษากรีกย่อว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นมรดก”

h “เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า” ต้นฉบับภาษาฮีบรูยังเพิ่มว่า “และนี่เป็นของครึ่งเผ่าของบุตรหลานมนัสเสห์” คงจะเป็นการเขียนซ้ำของผู้คัดลอก ต้นฉบับภาษากรีกไม่มี

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก