II. ความรุ่งเรืองของกษัตริย์ซาโลมอน

 

. พระปรีชาญาณของกษัตริย์ซาโลมอน

 

สถานการณ์ทั่วไป

3 1กษัตริย์ซาโลมอนทรงเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์ฟาโรห์aแห่งอียิปต์ ด้วยการอภิเษกสมรสกับพระธิดาของกษัตริย์ฟาโรห์ พระองค์ทรงนำพระนางมาอยู่ในนครของกษัตริย์ดาวิด จนกระทั่งทรงสร้างพระราชวัง พระวิหารของพระยาห์เวห์ และกำแพงรอบกรุงเยรูซาเล็มสำเร็จ 2เวลานั้น ประชาชนยังคงถวายเครื่องบูชาตามสักการสถานบนที่สูง เพราะยังไม่ได้สร้างพระวิหารถวายแด่พระนามพระยาห์เวห์ 3กษัตริย์ซาโลมอนทรงรักพระยาห์เวห์และทรงปฏิบัติตามข้อกำหนดของกษัตริย์ดาวิดพระบิดา แต่ทรงถวายเครื่องบูชาและทรงเผากำยานตามสักการสถานบนที่สูง

 

พระสุบินของกษัตริย์ซาโลมอน

4ครั้งหนึ่ง กษัตริย์ซาโลมอนเสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องบูชา เพราะที่นั่นมีสักการสถานสำคัญมาก กษัตริย์ซาโลมอนทรงเผาสัตว์หนึ่งพันตัวเป็นเครื่องบูชาบนพระแท่น 5คืนนั้น พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์แก่กษัตริย์ซาโลมอนในพระสุบินbที่เมืองกิเบโอน พระเจ้าตรัสว่า “จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน” 6กษัตริย์ซาโลมอนทูลตอบว่า “พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงยิ่งใหญ่ต่อดาวิดพระบิดาข้ารับใช้พระองค์ เพราะพระบิดาทรงดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์ ความชอบธรรมและด้วยใจซื่อตรง พระองค์ยังทรงรักษาความรักมั่นคงยิ่งใหญ่นี้ต่อพระบิดา โดยประทานให้บุตรคนหนึ่งได้สืบพระบัลลังก์ ดังที่เป็นอยู่ในวันนี้

7บัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากดาวิดพระบิดา แต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร 8ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องปกครองประชากรที่ทรงเลือกสรร ซึ่งเป็นประชากรจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน

9ขอประทานความเข้าใจcแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะได้ปกครองประชากรของพระองค์อย่างยุติธรรม และรู้จักวินิจฉัยแยกความดีจากความชั่ว ถ้าพระองค์ไม่ประทาน ใครเล่าจะปกครองประชากรจำนวนมากเช่นนี้ของพระองค์ได้ 10พระยาห์เวห์พอพระทัยที่กษัตริย์ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ 11พระเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เพราะท่านได้วอนขอเช่นนี้ แทนที่จะวอนขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่ง หรือขอให้เราทำลายชีวิตของศัตรู แต่ได้ขอความเข้าใจเพื่อจะตัดสินอย่างถูกต้อง 12เราจะทำตามที่ท่านขอ เราจะให้ความเข้าใจและปรีชาญาณในการตัดสินอย่างที่ผู้ใดไม่เคยมีมาก่อน หรือจะมีในภายหลัง 13สิ่งที่ท่านไม่ได้ขอ เราก็จะให้ด้วย คือความมั่งคั่งและเกียรติยศอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเคยมีd 14ถ้าท่านดำเนินชีวิตในหนทางของเรา ปฏิบัติตามข้อกำหนดและบทบัญญัติของเรา ดังที่ดาวิดบิดาของท่านเคยปฏิบัติมาแล้ว เราจะให้ท่านมีชีวิตยืนยาว” 15กษัตริย์ซาโลมอนทรงตื่นบรรทมและทรงทราบว่าพระเจ้าตรัสในพระสุบิน พระองค์เสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม ทรงยืนอยู่ต่อหน้าหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ ทรงถวายเครื่องบูชาและศานติบูชา แล้วพระราชทานเลี้ยงแก่บรรดาข้าราชบริพารทั้งหลาย

 

คำพิพากษาของกษัตริย์ซาโลมอน

16วันหนึ่ง หญิงโสเภณีสองคนมาเฝ้ากษัตริย์ซาโลมอน ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ 17หญิงคนหนึ่งทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าและหญิงคนนี้อยู่ในบ้านเดียวกัน ข้าพเจ้าคลอดบุตรคนหนึ่งขณะที่นางอยู่ในบ้านด้วย

18หลังจากที่ข้าพเจ้าคลอดบุตรแล้วสามวัน หญิงคนนี้ก็คลอดบุตรด้วย ข้าพเจ้าทั้งสองคนอยู่ในบ้าน ไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย มีเพียงข้าพเจ้าทั้งสองคนเท่านั้น 19คืนหนึ่ง บุตรของหญิงคนนี้ตาย เพราะบังเอิญถูกเขานอนทับ 20เขาลุกขึ้นกลางคืนนั้น นำบุตรมาวางไว้ข้างตัวข้าพเจ้า 21เมื่อข้าพเจ้าลุกขึ้นตอนเช้าเพื่อให้บุตรกินนม ก็เห็นว่าเด็กตายแล้ว แต่เมื่อสว่างe ข้าพเจ้ามองดูอย่างละเอียดก็เห็นว่าเด็กที่ตายไม่ใช่บุตรที่ข้าพเจ้าคลอด” 22หญิงอีกคนหนึ่งก็แย้งว่า “ไม่จริง เด็กที่มีชีวิตเป็นลูกของฉัน เด็กที่ตายเป็นลูกของเธอ” หญิงคนแรกก็โต้เถียงว่า “ไม่จริง เด็กที่ตายเป็นลูกของเธอ เด็กที่มีชีวิตเป็นลูกของฉัน” ทั้งสองคนโต้เถียงกันอยู่เฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ 23กษัตริย์จึงตรัสว่า “หญิงคนนี้อ้างว่า ‘ลูกของฉันยังมีชีวิต ลูกของเธอตายแล้ว’ แต่อีกคนหนึ่งก็พูดว่า ‘ไม่จริง ลูกของเธอตาย แต่ลูกของฉันยังมีชีวิต’” 24กษัตริย์รับสั่งว่า “จงนำดาบมาให้เรา” มีผู้นำดาบมาถวาย 25พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงผ่าเด็กที่ยังมีชีวิตเป็นสองส่วน ให้หญิงทั้งสองไปคนละส่วน” 26หญิงคนที่เป็นแม่ของเด็กที่ยังมีชีวิตรู้สึกสงสารบุตรของตน จึงทูลกษัตริย์ว่า “พระเจ้าข้า ขอทรงให้เด็กที่ยังมีชีวิตแก่เขาไปเถิด อย่าฆ่าเด็กนั้นเลย” แต่หญิงอีกคนหนึ่งพูดว่า “เด็กคนนี้ต้องไม่เป็นทั้งของฉันและของเธอ จงผ่าเป็นสองส่วนเถิด” 27กษัตริย์จึงทรงวินิจฉัยว่า “อย่าฆ่าเด็กเลย จงให้เด็กที่ยังมีชีวิตแก่หญิงคนแรกเถิด นางเป็นแม่ที่แท้จริงของเด็ก” 28เมื่อชาวอิสราเอลได้ยินคำพิพากษาของกษัตริย์ ต่างก็มีความยำเกรงพระองค์ เพราะตระหนักว่าพระเจ้าประทานพระปรีชาญาณแก่กษัตริย์เพื่อพิพากษาคดีอย่างยุติธรรมf

 

3 a ฟาโรห์พระองค์นี้คงจะเป็นฟาโรห์พสุเซนนิส ฟาโรห์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่ 21 * “นครของกษัตริย์ดาวิด” หมายถึงส่วนหนึ่งของกรุงเยรูซาเล็มซึ่งเคยเป็นเมืองของชาวเยบุส (ดู 2 ซมอ 5:9 เชิงอรรถ f)

b ก่อนจะมีประกาศก พระเจ้าทรงใช้ความฝันเป็นวิธีการสำคัญอย่างหนึ่งเพื่อแสดงพระประสงค์แก่มนุษย์ (ดู ปฐก 20:3; 28; 31:11, 24; 37:5 เชิงอรรถ d; กดว 12:6)

c กษัตริย์ซาโลมอนวอนขอความปรีชาฉลาดในการปกครอง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สำหรับตน แต่เพื่อประโยชน์ของชาติ (ดู 5:13 เชิงอรรถ g; อพย 31:3 เชิงอรรถ a)

d แปลตามต้นฉบับภาษากรีก ต้นฉบับภาษาฮีบรูเสริมว่า “ตลอดชีวิตของท่าน” อาจเป็นการเขียนซ้ำข้อความจากข้อ 14

e “เมื่อสว่าง” ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ในตอนเช้า” บางคนละคำนี้เพราะคิดว่าเป็นการเขียนซ้ำกับคำที่มีอยู่ตอนต้นประโยค

f ตามความคิดของคนโบราณในบริเวณตะวันออกกลาง คุณสมบัติประการแรกของกษัตริย์คือการปกครองด้วยความยุติธรรม สำหรับอิสราเอล ดู สดด 72:1-2; สภษ 16:12; 25:5; 29:14; อสย 9:6 กษัตริย์ซาโลมอนทรงวอนขอคุณสมบัติประการนี้ (ข้อ 9) พระเจ้าประทานให้ (ข้อ 11-12) และเรื่องที่เล่าในข้อ 16-28 พิสูจน์ว่ากษัตริย์ซาโลมอนทรงได้รับคุณสมบัติประการนี้อย่างแท้จริง