“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

16 1เขาทั้งหลายนำหีบของพระเจ้าเข้ามาประดิษฐานไว้ภายในกระโจม ซึ่งกษัตริย์ดาวิดทรงตั้งขึ้นไว้ ถวายเครื่องเผาบูชาและศานติบูชาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า 2เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงถวายเครื่องเผาบูชาและศานติบูชาเสร็จแล้ว พระองค์ทรงอวยพรประชาชนในพระนามพระยาห์เวห์ 3และประทานอาหารแก่ชาวอิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิง คือขนมปังคนละก้อน เนื้อย่างคนละชิ้น และผลองุ่นแห้งอัดคนละก้อน

 

หน้าที่ของชนเลวีต่อหน้าหีบพันธสัญญาa

          4กษัตริย์ทรงแต่งตั้งชนเลวีบางคนให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อหน้าหีบของพระยาห์เวห์ เพื่อวอนขอพระกรุณา ขอบพระคุณ และสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 5อาสาฟเป็นหัวหน้า เศคาริยาห์เป็นผู้ช่วย อุสซีเอลb เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล ดีดพิณใหญ่และพิณเขาคู่ ส่วนอาสาฟตีฉาบ 6เบไนยาห์และยาฮาซีเอลสมณะเป่าแตรต่อหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้าตลอดเวลา 7ในวันนั้น กษัตริย์ดาวิดทรงกำหนดเป็นครั้งแรกให้อาสาฟและบรรดาญาติพี่น้องขับร้องเพลงสรรเสริญพระยาห์เวห์บทนี้c

          8จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์

จงขานพระนามพระองค์เถิด

          จงประกาศพระราชกิจของพระองค์แก่บรรดาประชาชาติ

          9จงขับร้องเพลงถวายพระองค์

จงร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์

          จงบอกเล่าถึงพระราชกิจน่าพิศวงทั้งหลายของพระองค์

10จงภูมิใจในพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

                    ใจของผู้แสวงหาพระยาห์เวห์ จงชื่นชมเถิด

          11จงแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระอานุภาพของพระองค์

                    จงแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์อยู่เป็นนิตย์

          12จงระลึกถึงพระราชกิจน่าพิศวงที่ทรงกระทำ

                    จงระลึกถึงพระปาฏิหาริย์และพระวินิจฉัยที่พระองค์ตรัสไว้

          13ท่านทั้งหลายที่เป็นเชื้อสายของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์

                    เป็นลูกหลานของยาโคบ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเลือกสรร

          14พระองค์คือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

                    พระองค์ทรงปกครองทั่วแผ่นดิน

          15พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์อยู่ตลอดเวลา

                    ทรงระลึกถึงพระวาจาที่ทรงบัญชาไว้สำหรับมนุษย์หนึ่งพันชั่วอายุคน

          16พันธสัญญาที่ทรงกระทำไว้กับอับราฮัม

                    และคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อิสอัค

          17พระองค์ทรงรับรองพันธสัญญาไว้เป็นข้อกำหนดสำหรับยาโคบ

                    เป็นพันธสัญญานิรันดรสำหรับอิสราเอล

          18เมื่อตรัสว่า “เราจะให้แผ่นดินคานาอันแก่ท่าน

                    เป็นมรดกส่วนของท่านและลูกหลาน”

          19เมื่อเขาทั้งหลายยังมีจำนวนน้อย

                    เป็นคนต่างถิ่นเพียงไม่กี่คนอยู่ในแผ่นดินนั้น

          20เร่ร่อนจากชาติหนึ่งไปยังอีกชาติหนึ่ง

                    จากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกประชาชาติหนึ่ง

          21พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดมาเบียดเบียนเขา

                    เพราะเห็นแก่เขา พระองค์ทรงกำชับบรรดากษัตริย์

          22ตรัสว่า “อย่าแตะต้องบรรดาผู้รับเจิมของเรา

                    อย่าทำร้ายบรรดาประกาศกของเรา”

          23มนุษย์ทั่วแผ่นดิน จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์เถิด

                    จงประกาศทุกวันว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดพ้น

          24จงบอกเล่าถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์แก่นานาชาติ

                    จงประกาศกิจการน่าพิศวงของพระองค์แก่บรรดาประชาชาติ

          25พระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่ ทรงสมควรได้รับคำสรรเสริญอย่างยิ่ง

                    ทรงน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเทพเจ้าใดๆ

          26เพราะเทพเจ้าทั้งปวงแห่งประชาชาติทั้งหลายล้วนเป็นความว่างเปล่า

          แต่พระยาห์เวห์ทรงสร้างท้องฟ้า

          27ความสง่างามและความรุ่งเรืองอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์

                    พระอานุภาพและความงดงามอยู่ในสถานที่ของพระองค์

          28ครอบครัวประชาชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด

                    จงสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์และพระอานุภาพของพระองค์

          29จงสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระนามพระยาห์เวห์เถิด

                    จงนำของถวายเข้ามาเฉพาะพระพักตร์พระองค์

          จงกราบนมัสการพระยาห์เวห์ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

          30มนุษย์ทั่วแผ่นดิน จงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด

                    พระองค์ทรงตั้งโลกไว้อย่างมั่นคงจนคลอนแคลนมิได้

          31สวรรค์จงยินดี แผ่นดินจงเปรมปรีดิ์เถิด

                    จงกล่าวแก่นานาชาติว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง”

          32ทะเลและทุกสิ่งที่อยู่ในทะเลจงส่งเสียงครึกโครมดังฟ้าคะนองเถิด

                    ทุ่งนาและทุกสิ่งที่อยู่ในทุ่งนาจงร่าเริง

          33ต้นไม้ทั้งหลายในป่า จงโห่ร้องด้วยความยินดีเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์

                    เพราะพระองค์กำลังเสด็จมาพิพากษาแผ่นดิน

          34จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์พระทัยดี

                    ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์

          35จงพูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้น

                    โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นเถิด

          ขอทรงรวบรวมข้าพเจ้าทั้งหลาย

และช่วยให้รอดพ้นจากบรรดาประชาชาติเถิด

ข้าพเจ้าทั้งหลายจะได้ขอบพระคุณแด่พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

และชื่นชมที่จะสรรเสริญพระองค์”

36ขอถวายพระพรแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

นับตั้งแต่แรกเริ่มและตลอดไปเป็นนิตย์

ประชากรทั้งหลายตอบว่า “อาเมน อัลเลลูยา”

          37กษัตริย์ดาวิดทรงมอบหน้าที่แก่อาสาฟและบรรดาญาติพี่น้องให้อยู่ที่นั่นต่อหน้าหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ตลอดเวลา เพื่อถวายคารวกิจต่อหน้าหีบนั้นอย่างสม่ำเสมอทุกวัน 38และทรงมอบหน้าที่เฝ้าประตูสักการสถานแก่โอเบดเอโดม บุตรของเยดูธูน พร้อมกับญาติพี่น้องหกสิบแปดคน และโคสาห์d 39พระองค์ทรงมอบหน้าที่ให้ศาโดกสมณะและญาติพี่น้องเป็นผู้ดูแลคารวกิจในกระโจมที่ประทับของพระยาห์เวห์ ซึ่งอยู่ในที่สูงของเมืองกิเบโอนe 40ทุกเช้าเย็นเขาต้องเผาเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์บนพระแท่นเผาเครื่องบูชาอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามข้อกำหนดของธรรมบัญญัติที่พระยาห์เวห์ประทานไว้แก่อิสราเอล 41พร้อมกับคนเหล่านี้ เฮมาน เยดูธูน และคนอื่นๆ ที่ถูกเลือกตามรายชื่อ มีหน้าที่ขับร้องเพลงขอบพระคุณ สรรเสริญพระยาห์เวห์ว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์” 42พร้อมกับเขา เฮมานและเยดูธูนยังมีหน้าที่ดูแลแตร ฉาบ และเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ใช้บรรเลงขณะที่ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า บุตรหลานของเยดูธูนยังมีหน้าที่เฝ้าประตูสักการสถานอีกด้วย

          43แล้วประชากรทั้งหลายก็กลับไปบ้านของตน กษัตริย์ดาวิดเสด็จกลับไปอวยพรเชื้อพระวงศ์ของพระองค์

 

16 a ผู้เขียนพงศาวดารคิดตามเหตุผลว่าการขับร้องในพิธีกรรมน่าจะเกิดขึ้นในกระโจมที่ประทับที่กรุงเยรูซาเล็ม (ข้อ 7) เขาคิดว่าพิธีกรรมทั้งหมดในพระวิหารล้วนเกิดขึ้นในสมัยของกษัตริย์ดาวิด และยังสอดคล้องกับช่วงเวลาก่อนโน้นที่มีการเขียนข้อกำหนดใน “ตำนานสงฆ์” แต่ ดู 15:16-24 ซึ่งเล่าว่าการขับร้องในพิธีกรรมเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นด้วย

b “อุสซีเอล” (ดู 15:18) ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “เยอีเอล”

c เพลงสดุดีที่ขับร้องได้แก่ ข้อ 8-22 = สดด 105:1-15 และ ข้อ 23-35 = สดด 96 ซึ่งมีการสลับลำดับและย่อถ้อยคำอยู่บ้าง ส่วนบทสร้อย (ข้อ 36) ก็เป็นบรรทัดสุดท้ายของ สดด 106 ซึ่งดัดแปลงข้อความเพียงเล็กน้อย เกี่ยวกับการอธิบายความหมาย ดู “หนังสือเพลงสดุดี”

d สดด 39, 62 และ 77 ถูกจัดไว้ว่าเป็นบทประพันธ์ของเยดูธูน ซึ่งที่นี่กล่าวว่าเป็นบิดาของโอเบดเอโดม (ข้อ 38) และยังเป็น “ผู้เฝ้าประตูสักการสถาน” ในข้อ 42 ด้วย ชนเลวีบางคนในสมัยของเนหะมีย์เป็นเชื้อสายของเขา (นหม 11:17) สำหรับ “โคสาห์” ดู 26:10

e สักการสถานที่เมืองกิเบโอนอาจเข้ามาแทนที่สักการสถานที่เมืองชิโลห์ หลังจากที่ชาวฟีลิสเตียยึดหีบพันธสัญญาไปจากชาวอิสราเอลแล้ว ในรัชสมัยของกษัตริย์ซาโลมอนสักการสถานที่เมืองกิเบโอนเป็นสักการสถานบนที่สูงสำคัญที่สุด (1 พกษ 3:4-15) ผู้เขียนพงศาวดารเล่าถึงเรื่องราวของสักการสถานแห่งนี้เพื่อบอกว่าสักการสถานแห่งนี้ถูกต้องเพราะมี “การประทับอยู่ของพระเจ้า” คือ “กระโจมที่ประทับ” อยู่ที่นั่น (ดู 21:29; 2 พศด 1:3) เพราะฉะนั้น เขาจึงแบ่งบุคลากรที่ปฏิบัติศาสนพิธีเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกปฏิบัติหน้าที่ถวายสักการบูชาในสักการสถานแห่ง “การประทับอยู่ของพระเจ้าในกระโจมที่ประทับ” ที่เมืองกิเบโอน ซึ่งมีพระแท่นบูชาถาวรตั้งอยู่ ส่วนกลุ่มที่สองปฏิบัติหน้าที่ในสักการสถานแห่งใหม่ซึ่งประดิษฐาน “หีบพันธสัญญา” ที่กรุงเยรูซาเล็ม แต่ยังไม่มีพระแท่นบูชาที่นั่น

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก