“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

17 1องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตสร้างมนุษย์จากดินa

                        และทรงบันดาลให้เขากลับเป็นดินอีก

          2พระองค์ทรงกำหนดวันและเวลาไว้แก่มนุษย์

                    ทรงมอบอำนาจเหนือทุกสิ่งบนแผ่นดินให้เขา

          3ประทานให้มนุษย์มีกำลังเหมือนพระองค์

                    ทรงเนรมิตเขาตามภาพลักษณ์ของพระองค์

          4ทรงบันดาลให้สัตว์ทั้งหลายเกรงกลัวมนุษย์

                    มนุษย์จะได้เป็นนายปกครองสัตว์ป่าและนกทั้งปวงb (5)

                6พระองค์ประทานความคิด ลิ้น ตา หู และใจแก่มนุษย์

                    เพื่อเขาจะรู้จักคิดc

          7พระองค์โปรดให้เขามีความรู้และความเข้าใจอย่างเต็มเปี่ยม

                    ทรงชี้นำให้เขารู้จักความดีและความชั่ว

          8พระองค์ประทานแสงสว่างของพระองค์ในจิตใจของเขา

                    ทรงสำแดงให้เขาเห็นความยิ่งใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์d (9)

          10มนุษย์จะได้สรรเสริญพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

                    และบอกเล่าความยิ่งใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์

          11พระองค์ประทานความรู้แก่เขา

                    ทรงมอบกฎแห่งชีวิตเป็นมรดกแก่เขา

          12ทรงกระทำพันธสัญญานิรันดรกับเขา

                    ทรงเผยให้เขารู้จักบทบัญญัติeของพระองค์

          13ตาของเขาได้ชมพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่

                    หูของเขาได้ยินพระสุรเสียงดังกังวานของพระองค์

          14พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “จงละเว้นความอยุติธรรมทั้งปวง”

                    ประทานบทบัญญัติให้แต่ละคนปฏิบัติต่อเพื่อนบ้าน

พระเจ้าทรงพิพากษา

            15ความประพฤติของมนุษย์อยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเสมอ

                    ไม่ซ่อนพ้นสายพระเนตรไปได้เลยf (16) (17)

            17พระองค์ทรงแต่งตั้งให้ชนแต่ละชาติมีผู้ปกครอง

แต่อิสราเอลเป็นประชากรที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกไว้เป็นกรรมสิทธิ์

ของพระองค์g

(18)19การกระทำทั้งหลายของมนุษย์อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์เหมือนดวงอาทิตย์

                    พระเนตรของพระองค์มองดูความประพฤติของเขาอยู่เสมอ

          20ความอธรรมของมนุษย์มิได้ซ่อนพ้นพระเนตร

                    บาปทั้งปวงของเขาอยู่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าh (21)

                22การให้ทานของมนุษย์มีค่าประเสริฐสำหรับพระองค์ประดุจแหวนตรา

                    พระองค์ทรงรักษาความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของมนุษย์ไว้ดุจแก้วตาi

          23วันหนึ่งพระองค์จะทรงลุกขึ้นและประทานบำเหน็จ

                    จะทรงตอบแทนแต่ละคนตามความเหมาะสมj

          24พระองค์ทรงให้ผู้สำนึกผิดกลับมา

                    ประทานกำลังใจแก่ผู้ขาดความพากเพียร

คำเตือนให้กลับใจ

            25จงกลับใจมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ละทิ้งบาป

                    จงอธิษฐานภาวนาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ จงเลิกทำขัดเคืองพระทัย

          26จงกลับมาเฝ้าพระผู้สูงสุด จงหันหลังให้ความอธรรมk

                    จงเกลียดชังความชั่วร้ายโดยสิ้นเชิง

          27ในแดนมรณะใครเล่าจะสรรเสริญพระผู้สูงสุด

                    ใครจะขอบพระคุณพระองค์แทนผู้มีชีวิตได้

          28ผู้ตายที่ไม่อยู่แล้วจะสรรเสริญพระองค์ไม่ได้อีก

                    ผู้มีชีวิตและมีสุขภาพดีเท่านั้นจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าได้

          29พระกรุณาขององค์พระผู้เป็นเจ้าช่างยิ่งใหญ่

                    พระองค์ประทานอภัยแก่ผู้กลับใจมาเฝ้าพระองค์

          30มนุษย์มีทุกอย่างไม่ได้

                    เพราะบุตรมนุษย์ไม่มีชีวิตอมตะ

          31อะไรจะสว่างกว่าดวงอาทิตย์ ถึงกระนั้น ดวงอาทิตย์ก็ยังรู้จักอับแสง

                    มนุษย์ซึ่งเป็นเพียงเนื้อและเลือดย่อมคิดถึงแต่ความชั่ว

          32พระเจ้าทรงเฝ้าดูแลดวงดาวบนท้องฟ้าl

                    แต่มนุษย์ทุกคนเป็นเพียงดินและขี้เถ้า

17 a ผู้เขียนเล่าเรื่องการเนรมิตสร้างตามลำดับใน ปฐก บทที่ 1 คือ พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างดวงดาว พืช สัตว์ และมนุษย์

b สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 เสริมว่า “5องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานประสาททั้งห้าให้แก่มนุษย์ ประทานสติปัญญาให้เป็นความสามารถประการที่หก และประทานความคิดตามเหตุผลให้เป็นความสามารถประการที่เจ็ด” ความคิดเช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นคำอธิบายตามปรัชญาลัทธิสโตอาของผู้คัดลอก

c ชาวยิวโบราณคิดว่า “ดวงใจ” เป็นที่ตั้งของความคิดตามเหตุผลและความรู้

d “แสงสว่าง” แปลตามตัวอักษรว่า “ดวงตา” สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 เสริมว่า “9ประทานความสามารถให้มนุษย์รู้จักประกาศสรรเสริญสิ่งมหัศจรรย์ที่ทรงกระทำตลอดไป”

e “บทบัญญัติ” หมายถึงธรรมบัญญัติที่พระเจ้าทรงเปิดเผยแก่โมเสสบนภูเขาซีนาย

f สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 เสริมว่า “16มนุษย์ประพฤติชั่วร้ายมาตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว เขาเปลี่ยนใจหินให้เป็นใจเนื้อไม่ได้ 17เพราะในการแบ่งแผ่นดินให้แก่ชนชาติต่างๆ...” ข้อความเหล่านี้คงเป็นคำอธิบายที่ผู้คัดลอกยืมมาจาก อสค 11:19; 36:26 กล่าวว่ามนุษย์ไม่มีความสามารถทำความดีได้ แต่บุตรสิรามิได้มองมนุษย์ในแง่ลบมากเช่นนี้

g สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 เสริมว่า “18พระองค์ทรงดูแลอิสราเอลเสมือนเป็นบุตรคนแรก ประทานแสงสว่างแห่งความรักของพระองค์ให้ และไม่ทรงทอดทิ้งเขาเลย” ในสมัยของบุตรสิรา อิสราเอลไม่มีกษัตริย์ปกครองแล้ว ยิ่งกว่านั้นชาวอิสราเอลหลายคนต่อต้านระบอบกษัตริย์ปกครอง (1 ซมอ 8) และการต่อต้านเช่นนี้จะทวีขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮัสโมเนียนปกครองหลังจากที่พวกมัคคาบีกอบกู้อิสรภาพได้

h สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 เสริมว่า “21แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงความดีและทรงรู้จักมนุษย์ที่ทรงเนรมิตสร้าง ไม่ทรงทำลายหรือละทิ้งเขา แต่ทรงรักษาไว้ให้มีชีวิตต่อไป”

i สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 เสริมว่า “ประทานโอกาสให้บุตรชายหญิงของเขาได้กลับใจ”

j ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพระองค์จะทรงตอบแทนการกระทำใดของมนุษย์ และจะทรงตอบแทนเมื่อไร

k สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 เสริมว่า “พระองค์จะทรงนำท่านออกมาจากความมืดไปสู่แสงสว่างแห่งความรอดพ้น”

l “ดวงดาวบนท้องฟ้า” แปลตามตัวอักษรว่า “อานุภาพแห่งท้องฟ้าสูง” (เทียบ บสร 16:26-29; อสย 24:21)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก