“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

คนบาปถูกสาปแช่ง    

16 1อย่าปรารถนามีบุตรหลายคน ถ้าบุตรเหล่านั้นเป็นคนเหลวไหล

                    อย่าดีใจมีบุตรที่ไม่ยำเกรงพระเจ้า

          2ถ้าท่านมีบุตรจำนวนมากก็อย่ายินดี

                    หากเขาไม่เคารพยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า

          3อย่าหวังว่าเขาจะมีอายุยืน

                    อย่าวางใจเกินไปที่มีบุตรหลายคนa

          เพราะบุตรคนเดียวดีกว่าบุตรตั้งพันคน

                    การตายโดยไม่มีบุตรดีกว่ามีบุตรหลายคนที่ไม่ยำเกรงพระเจ้า

          4ผู้มีปรีชาคนเดียวทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง

                    แต่คนชั่วทั้งตระกูลจะถูกทำลาย

          5ตาของฉันเคยเห็นเรื่องเช่นนี้มามาก

                    หูของฉันก็เคยได้ยินเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้มาแล้ว

          6ไฟจะลุกขึ้นในที่ชุมนุมของคนบาป

                    พระพิโรธจะเผาผลาญชนชาติที่เป็นกบฏ

          7พระเจ้าไม่ทรงให้อภัยบรรดายักษ์ในสมัยก่อน

                    ซึ่งกบฏเพราะไว้ใจกำลังของตน

          8พระองค์ไม่ทรงไว้ชีวิตเพื่อนบ้านของโลท

                    พระองค์ทรงเกลียดชังความเย่อหยิ่งของเขา

          9พระองค์มิได้ทรงพระเมตตาต่อชนชาติที่ต้องพินาศb

                    ทรงทำลายเขาเพราะบาปที่เขาทำ

          10พระองค์มิได้ทรงพระเมตตาต่อประชาชนหกแสนคนที่เดินทาง

                    เขาต้องตายเพราะมีจิตใจแข็งกระด้างc

          11แม้จะมีคนหัวรั้นเพียงคนเดียว

                    ถ้าพระองค์ไม่ทรงลงโทษเขาก็เป็นเรื่องแปลก

          เพราะพระองค์ทั้งทรงพระเมตตาและทรงลงโทษ

                    พระองค์ทรงพระอานุภาพทั้งเมื่อทรงพระเมตตาและเมื่อทรงลงโทษ

          12พระเมตตาของพระองค์ยิ่งใหญ่ ความเคร่งครัดของพระองค์ก็ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน

พระองค์ทรงพิพากษามนุษย์ตามกิจการของเขา

13ผู้ร้ายจะหลบหนีไม่ได้พร้อมกับสิ่งของที่ขโมยมา

ผู้ยำเกรงพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอจะไม่ต้องผิดหวัง

14พระองค์ทรงคำนึงถึงกิจเมตตาทุกๆ ครั้งd

ทุกคนจะได้รับผลตอบแทนตามกิจการที่เขาได้ทำe (15) (16)

 

พระเจ้าทรงตอบแทนการกระทำของมนุษย์อย่างแน่นอน

            17อย่าพูดว่า “ฉันจะหลบซ่อนพ้นจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

                    ในสวรรค์ ใครจะระลึกถึงฉัน

          จะไม่มีใครรู้จักฉันในหมู่ประชากรจำนวนมาก

                    ฉันเป็นใครกันในโลกกว้างใหญ่ไพศาล”f

          18ดูซิ ท้องฟ้าและสวรรค์เหนือท้องฟ้า

                    เหวลึกและแผ่นดินล้วนสั่นสะเทือนเมื่อพระองค์เสด็จมา

          19แม้ภูเขาและรากฐานแผ่นดิน

                    ก็สั่นกลัวเมื่อพระองค์ทอดพระเนตร

          20แต่ไม่มีใครคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้

                    ใครเล่าสนใจวิถีทางของพระองค์

          21ไม่มีมนุษย์ใดแลเห็นลมพายุ

                    พระราชกิจส่วนใหญ่ของพระองค์ก็ซ่อนเร้นg

          22“ใครจะประกาศพระราชกิจเที่ยงธรรมของพระองค์ ใครเล่าจะรอคอย

                    พันธสัญญาของพระองค์คงอยู่นานมาแล้ว”h

          23ผู้มีใจแคบคิดเช่นนี้

                    เขาเป็นคนโง่หลงผิดคิดเหมือนคนบ้า

พระปรีชาญาณในการเนรมิตโลก

            24ลูกเอ๋ย จงฟังฉันเถิด จงเรียนรู้คำสั่งสอน

                    จงตั้งใจฟังถ้อยคำของฉันi

          25ฉันจะอธิบายคำสั่งสอนอย่างละเอียด

                    จะประกาศความรู้อย่างถูกต้อง

          26ตั้งแต่แรกเริ่ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตทุกสิ่งj

                    พระองค์ทรงบัญชาให้สิ่งสร้างแต่ละชนิดมีหน้าที่ของตน

          27พระองค์ทรงกำหนดระเบียบของสิ่งสร้างเหล่านี้ไว้ตลอดไป

                    ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงสิ่งสุดท้ายในอนาคต

          สิ่งทั้งหลายจะไม่หิวโหยหรือเหน็ดเหนื่อย

                    และจะไม่ละทิ้งการงานของตนเลย

          28ไม่มีสิ่งใดปะทะกับอีกสิ่งหนึ่ง

                    ทั้งไม่ฝ่าฝืนพระวาจาของพระองค์เลยk

          29ต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรมายังแผ่นดิน

                    ทรงบันดาลให้แผ่นดินเต็มไปด้วยพระพรต่างๆ

          30ทรงปกคลุมพื้นแผ่นดินด้วยสัตว์นานาชนิด

                    ซึ่งจะต้องกลับเป็นดินอีก

 

16 a “ที่มีบุตรหลายคน” ต้นฉบับภาษาฮีบรูเสริมว่า “เพราะบุตรเหล่านั้นจะไม่มีอนาคตรุ่งเรือง” และในข้อต่อไป หลังวลี “มีบุตรคนเดียว” ต้นฉบับภาษาฮีบรูยังเสริมว่า “ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า”

b “ชนชาติที่ต้องพินาศ” หมายถึงชาวคานาอันดั้งเดิม ก่อนที่ชาวอิสราเอลจะเข้ามายึดครองแผ่นดิน

c “ใจแข็งกระด้าง” ชวนให้คิดถึง อพย 12:37; กดว 11:21 หมายถึงชาวอิสราเอลที่ออกจากอียิปต์ แต่จะตายในถิ่นทุรกันดาร ไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินคานาอันแห่งพระสัญญา (กดว 14:20-33)

d “พระองค์ทรงคำนึงถึงกิจเมตตาทุกๆ ครั้ง” ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ทุกคนที่ปฏิบัติความชอบธรรมต้องได้รับการตอบแทน”

e สำเนาโบราณภาษากรีก Gk 248 ต้นฉบับภาษาฮีบรูและสำนวนแปลโบราณภาษาซีเรียคเสริมว่า “15พระเจ้าทรงบันดาลให้กษัตริย์ฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องทรงรู้จักพระเจ้าและประกาศให้มนุษย์ใต้ท้องฟ้ารู้จักพระราชกิจของพระเจ้า 16พระกรุณาของพระเจ้าเป็นที่ประจักษ์แก่สิ่งสร้างทั้งมวล พระองค์ทรงแบ่งแสงสว่างและความมืดของพระองค์แก่มนุษย์” (เทียบ บสร 12:6 และ มธ 5:45)

f ผู้ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเหมือนอาดัมและกาอินที่พยายามซ่อนตัวให้พ้นพระพักตร์พระเจ้า (ปฐก 3:10; 4:9)

g ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “20พระองค์จะไม่ทรงคำนึงถึงฉันแน่ๆ ใครเล่าจะสนใจวิถีทางของฉัน 21ถ้าฉันทำบาป ก็ไม่มีใครเห็น ถ้าฉันเคยพูดเท็จ ก็ไม่มีใครรู้”

h ข้อ 22 นี้เป็นความคิดของผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้า เขารู้สึกว่าพระเจ้าไม่ทรงตอบแทนพฤติกรรมของมนุษย์ตามที่ทรงสัญญาไว้เลย เกี่ยวกับ “พันธสัญญา” ดู 14:2 เชิงอรรถ d ต้นฉบับภาษาฮีบรูว่า “ฉันจะหวังอะไรได้ เพราะพระวินิจฉัยของพระองค์อยู่ห่างไกล”

i “จงตั้งใจฟังถ้อยคำของฉัน” ผู้กล่าวข้อความต่อไปนี้ไม่ใช่ปรีชาญาณ แต่เป็นธรรมาจารย์ผู้สั่งสอนศิษย์

j “ทรงเนรมิต” แปลตามต้นฉบับภาษาฮีบรู ต้นฉบับภาษากรีกว่า “ทรงตัดสิน”

k บุตรสิรากำลังกล่าวถึงวงโคจรของดวงดาราในท้องฟ้า ซึ่งมีระเบียบ ไม่มีการปะทะหรือชนกันเลย

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก