“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ของของซีซาร์จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้าก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด”

62. การเสียภาษีแก่ซีซาร์ (2)
b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
            1. เราควรพิจารณาว่า เมื่อเราถามผู้อื่น คำถามของเราจริงใจหรือเป็นเหมือนชาวฟาริสีที่ต้องการชักจูงผู้อื่นให้อับอาย ดังเช่นผู้ที่มาทูลพระเยซูเจ้าเริ่มโดยชมเชยพระองค์ว่า “พระอาจารย์ พวกเรารู้ว่า ท่านเป็นคนเที่ยงตรง ไม่ลำเอียง ท่านไม่เห็นแก่หน้าใคร แต่สั่งสอนวิถีทางของพระเจ้าตามความจริง” ชาวฟาริสียอมรับว่าพระองค์ไม่ทรงลำเอียง แต่ทรงสอนพระประสงค์ของพระเจ้า คำชมเชยนี้ขัดแย้งกับทุกอย่างที่เขามักจะยืนยันถึงพระองค์ เจตนาของเขาไม่บริสุทธิ์ เพราะหมายจับผิดพระองค์

เขาเน้นความสามารถและความเชี่ยวชาญของพระเยซูเจ้า เพื่อบังคับพระองค์ให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาร้อนแรงทางการเมือง เขาคิดว่าเมื่อพระองค์ทรงฟังคำชมเชยมากมายเช่นนี้แล้ว ก็คงไม่ทรงหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม ซึ่งจะนำความเสียหายมาสู่พระองค์ เพราะถ้าพระเยซูเจ้าทรงประกาศว่า เป็นการถูกต้องที่จะเสียภาษีแก่ซีซาร์ พระองค์ก็จะทรงเป็นศัตรูกับประชาชน แต่ถ้าทรงประกาศว่าไม่ต้องเสียภาษีแก่ซีซาร์ หัวหน้าชาวยิวก็จะมีข้อกล่าวหาเพื่อฟ้องพระเยซูเจ้าต่อรัฐบาลโรมัน ซึ่งจะลงโทษประหารชีวิตพระองค์

          2. พระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติพระองค์ดังที่ชาวฟาริสีชมเชย พระองค์ไม่ทรงคำนึงถึงความคิดตามประสามนุษย์ คือความปลอดภัย ความเงียบสงบและความสะดวกสบาย พระเยซูเจ้าไม่ทรงทรยศความจริงเพื่ออยู่อย่างสันติกับกลุ่มผู้มีอำนาจต่าง ๆ เราก็เช่นกัน ควรถามตนเองว่าเราประพฤติเช่นนี้ด้วยหรือไม่

           3. พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้คำสอนสอดคล้องกับชีวิต และทรงชี้แจงเมื่อความสอดคล้องนี้ขาดตกบกพร่อง ชาวฟาริสีที่ทูลพระองค์มั่นใจว่า การเสียภาษีแก่ซีซาร์ขัดแย้งกับความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า แต่พระเยซูเจ้าทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเองไม่ปฏิบัติตามหลักการนี้ ชาวฟาริสีมีและใช้เงินเหรียญของรัฐบาลโรมัน ยอมรับว่ารูปและคำจารึกบนเหรียญว่าเป็นของซีซาร์ ดังนั้น เขาจึงใช้สิ่งที่มาจากจักรพรรดิโรมัน ถ้าใช้เหรียญของจักรพรรดิในชีวิตประจำวัน แล้วทำไมเขาจึงไม่ยอมใช้เพื่อเสียภาษี ผู้ใดปรับตัวในชีวิตประจำวันยอมอยู่ใต้อำนาจการปกครองของจักรพรรดิและได้รับผลประโยชน์ ผู้นั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะสร้างปัญหาทางความเชื่อเกี่ยวกับการเสียภาษีแก่ซีซาร์ สิ่งที่มาจากจักรพรรดิและเขาได้รับมาก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องคืนให้จักรพรรดิ พระเยซูเจ้าจึงทรงให้เขาตระหนักถึงความไม่สมเหตุสมผลระหว่างคำถามกับพฤติกรรมของเขา แล้วเราหละ คำสอนด้านความเชื่อสอดคล้องกับชีวิตหรือไม่

            4. คำเชิญชวนของพระเยซูเจ้าที่ว่า “ของของซีซาร์จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้าก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด” ขึ้นอยู่กับความคิดที่พระองค์ทรงมีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับจักรพรรดิ ในที่นี้ พระเยซูเจ้าไม่ทรงพัฒนาหลักคำสอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ดังกล่าว แต่ตรัสอย่างชัดเจนว่า ความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าที่พระองค์ทรงรู้จักและทรงประกาศ ไม่ขัดขวางการเสียภาษีแก่ซีซาร์ แน่นอน มีหลายเรื่องที่จักรพรรดิหรือผู้มีอำนาจปกครองบนแผ่นดินต้องรับผิดชอบ พระเจ้าและผู้มีอำนาจปกครองบนแผ่นดินนี้ไม่เป็นคู่แข่งในระดับเดียวกัน พระเยซูเจ้ายังตรัสอย่างชัดเจนอีกว่า จักรพรรดิต้องรับผิดชอบเพียงในเรื่องที่พระเจ้าทรงมอบหมายเท่านั้น “ของของซีซาร์จงคืนให้ซีซาร์” หมายความว่า เราต้องตีคุณค่าสิ่งของที่ไม่สมบูรณ์เพียงคุณค่าในสัมพันธภาพเท่านั้น และตีคุณค่าชั่วคราวแก่มนุษย์ที่ไม่ถาวร ดังนั้น ในกรณีที่จำเป็น เราจงใช้เหตุผลเพื่อตัดสินผู้มีอำนาจปกครองโดยการประท้วง สรุปแล้ว เราต้องให้สิ่งจำเป็นแก่มนุษย์ที่มีอำนาจปกครอง เพื่อเขาจะมีอำนาจเหนือผู้อื่น โดยสอนเขาให้เป็นผู้มีเกียรติและน่าเชื่อถือ และช่วยเขาให้ออกกฎหมายอย่างยุติธรรม

          5. พระเยซูเจ้าไม่ทรงสงสัยเลยว่า พระเจ้าทรงเรียกร้องมากกว่าจักรพรรดิ และเราจำเป็นต้องปฏิบัติบางสิ่งบางอย่างเฉพาะพระพักตร์พระองค์เท่านั้น พระเจ้าทรงอนุญาตให้จักรพรรดิมีอำนาจปกครอง แต่ยังทรงเรียกร้องว่า “ของของพระเจ้าก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด” ในที่นี้พระเยซูเจ้าไม่ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า "สิ่งที่เป็นของพระเจ้า" หมายถึงอะไร พระองค์จะทรงอธิบายในข้อความต่อไปโดยอ้างถึงบทบัญญัติเอก (เทียบ มก 12:28-34) พระเจ้าทรงเรียกร้องสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากการปฏิเสธไม่ยอมเสียภาษีแก่ซีซาร์ ทรงเรียกร้องมากกว่านั้นอีก ทรงเรียกร้องมนุษย์ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ไม่มีเงื่อนไขคือสติปัญญา จิตใจ อิสรภาพ จุดมุ่งหมายของชีวิต มนุษย์ไม่ต้องปฏิเสธสิ่งใดของตนเอง แต่ต้องมอบตนแด่พระองค์ด้วยความรักสมบูรณ์ จักรพรรดิจะเรียกร้องเช่นนี้ไม่ได้และมนุษย์ไม่ควรให้สิ่งนี้แก่จักรพรรดิเลย พระเจ้าเท่านั้นทรงมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง ดังนั้น “ของของพระเจ้าก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด” หมายถึงการสรรเสริญโดยไปพบพระองค์ แสวงหาพระองค์ ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เรียกขานพระนามของพระองค์ ยอมมอบชีวิตทั้งหมดให้เป็นของพระองค์ นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาเทศนาสั่งสอนในหมู่ประชาชนที่ยากจนและมีความเชื่อน้อย

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก