(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

ขนบธรรมเนียมของชาวฟาริสี

          7 1ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนจากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระองค์พร้อมกัน 2เขาสังเกตว่าศิษย์บางคนของพระองค์กินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด คือไม่ได้ล้างมือก่อน 3เพราะชาวฟาริสีและชาวยิวโดยทั่วไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษa เขาไม่กินอาหารโดยมิได้ล้างมือตามพิธี**ก่อน 4เมื่อกลับจากตลาด เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ทำพิธีชำระตัวก่อนb เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่นๆ อีกมาก เช่น การล้างถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง 5ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์จึงทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมศิษย์ของท่านไม่ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ และทำไมเขาจึงกินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด” 6พระองค์ตรัสตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พูดอย่างถูกต้องถึงท่าน คนหน้าซื่อใจคด ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

            ประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปาก

                        แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา

            7เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย

                        เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม

          8ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือขนบธรรมเนียมของมนุษย์” 9แล้วพระองค์ทรงเสริมว่า “ท่านช่างชำนาญในการละเลยบทบัญญัติของพระเจ้า เพื่อถือขนบธรรมเนียมของท่านเองเสียจริงๆ 10เช่นโมเสสกล่าวว่า จงนับถือบิดามารดา และใครด่าบิดาหรือมารดา จะต้องรับโทษถึงตาย 11แต่ท่านกลับสอนว่า ‘ถ้าใครคนหนึ่งพูดกับบิดาหรือมารดาว่า ทรัพย์สินที่ลูกนำมาช่วยเหลือพ่อแม่ได้นั้นเป็นคอร์บันc คือของถวายแด่พระเจ้า’ 12ท่านก็อนุญาตให้เขาไม่ต้องช่วยเหลือบิดามารดาอีกต่อไป 13ท่านใช้ขนบธรรมเนียมที่ท่านสอนต่อๆ กันมาทำให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นโมฆะ ท่านยังปฏิบัติเช่นนี้อีกมากมาย”

สิ่งที่บริสุทธิ์และสิ่งที่เป็นมลทิน

          14พระองค์ทรงเรียกประชาชนเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ตรัสว่า “ทุกคนจงฟังและเข้าใจเถิด 15ไม่มีสิ่งใดเลยจากภายนอกของมนุษย์ทำให้เขามีมลทินได้ แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในของมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน 16ใครมีหูสำหรับฟัง ก็จงฟังเถิด”d

          17เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านห่างจากประชาชน บรรดาศิษย์จึงทูลถามพระองค์ถึงข้อความที่เป็นปริศนานั้นe 18พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ท่านก็ไม่มีปัญญาด้วยหรือ ท่านไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งต่างๆ จากภายนอกที่เข้าไปในมนุษย์นั้น ทำให้เขามีมลทินไม่ได้ 19เพราะมันไม่ได้เข้าไปในใจ แต่ลงไปในท้อง แล้วออกไปจากร่างกาย” ดังนี้ ทรงประกาศว่าอาหารทุกชนิดไม่เป็นมลทินf 20พระองค์ยังตรัสอีกว่า “สิ่งที่ออกจากภายในมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน 21จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย การประพฤติผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน 22การมีชู้ ความโลภ การทำร้าย การฉ้อโกง การสำส่อน ความอิจฉา การใส่ร้าย ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา 23สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายใน และทำให้มนุษย์มีมลทิน”

III. พระเยซูเจ้าทรงเดินทางนอกแคว้นกาลิลี

พระเยซูเจ้าทรงรักษาบุตรหญิงของหญิงชาวซีโรฟีนีเซีย

          24พระองค์เสด็จออกจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระg และเสด็จเข้าในบ้านหลังหนึ่ง ไม่ทรงต้องการให้ผู้ใดรู้ แต่ทรงซ่อนพระองค์ไม่ได้ 25ทันใดนั้น หญิงคนหนึ่งมีบุตรหญิงถูกปีศาจสิงได้ยินพูดถึงพระองค์ ก็มากราบพระบาท 26นางไม่ใช่ชาวยิวh เป็นชาวซีโรฟีนีเซียโดยกำเนิด นางทูลอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงขับไล่ปีศาจออกจากบุตรหญิง 27พระองค์ตรัสกับนางว่า “ให้ลูกๆ กินอิ่มเสียก่อน เพราะไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูกมาโยนให้ลูกสุนัขกิน” 28หญิงนั้นทูลตอบว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่ลูกสุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะก็ยังได้กินเศษอาหารของลูกๆ” 29พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “เพราะถ้อยคำนี้ จงไปเถิด ปีศาจออกจากลูกสาวของเธอแล้ว” 30เมื่อกลับมาถึงบ้าน นางก็พบลูกนอนอยู่บนเตียง ปีศาจออกไปแล้ว

พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนใบ้หูหนวก

          31พระองค์เสด็จออกจากเขตเมืองไทระผ่านเมืองไซดอน ไปยังทะเลสาบกาลิลีกลางดินแดนทศบุรี 32มีผู้นำคนใบ้หูหนวกคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอร้องให้พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ 33พระองค์ทรงแยกคนใบ้หูหนวกคนนั้นไปจากกลุ่มชน ทรงใช้นิ้วพระหัตถ์ยอนหูของเขา ทรงใช้พระเขฬะแตะลิ้นของเขา 34ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ถอนพระทัย แล้วตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด” 35ทันใดนั้น หูของเขากลับได้ยิน สิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุด เขาพูดได้ชัดเจน 36พระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนเหล่านั้นมิให้พูดเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ยิ่งห้าม ก็ยิ่งเล่าลือกันมากขึ้น 37ต่างก็ประหลาดใจมาก กล่าวว่า “คนคนนี้ทำสิ่งใดดีทั้งนั้น เขาทำให้คนหูหนวกกลับได้ยิน และคนใบ้กลับพูดได้”

 

7 a “ธรรมเนียมของบรรพบุรุษ” คือคำสั่งและข้อปฏิบัติต่างๆ ที่พวกรับบีเพิ่มเข้ากับธรรมบัญญัติของโมเสส

** “ตามพิธี” คำกรีกที่ใช้ตรงนี้แปลยาก ตามตัวอักษรหมายถึง “กำปั้นกำมือ” อาจหมายถึงปริมาณน้ำที่ใช้สองมือตักขึ้นมาล้างตามพิธี

b คำกรีกอาจหมายถึง “การอาบน้ำ” หรือ “เอาน้ำพรมตัว”

c “คอร์บัน” เป็นคำอาราเมอิก หมายถึงของถวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแด่พระเจ้า (ดู มธ 15:6 เชิงอรรถ d)

d สำเนาโบราณบางฉบับละข้อ 16

e “ข้อความที่เป็นปริศนา” เป็นความหมายหนึ่งของคำภาษากรีก “parabole” ในความหมายของภาษาฮีบรู mashal

f แปลตามตัวอักษรได้ว่า “ทำให้อาหารทุกอย่างสะอาด” ข้อความนี้อาจเป็นคำอธิบายเพิ่มเติมที่ผู้คัดลอกต้นฉบับเขียนไว้ข้างๆ ในภายหลัง

g สำเนาโบราณบางฉบับเสริมว่า “และไซดอน” (เทียบ มธ 15:21)

h แปลตามตัวอักษรว่า “ชาวกรีก” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเชื้อชาติ เพราะหญิงคนนั้นเป็นชาวซีโรฟีนีเซีย แต่ในแง่วัฒนธรรม คือไม่นับถือศาสนายิว (เทียบ ยน 7:35; กจ 16:1)