(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

พระเยซูเจ้าทรงรักษาชายมือลีบ

          3 1พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมอีกครั้งหนึ่ง ที่นั่นมีชายมือลีบคนหนึ่ง 2ประชาชนบางคนคอยจ้องมองดูว่า พระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่ เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ 3พระองค์ตรัสสั่งชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” 4แล้วตรัสถามคนทั้งหลายว่า “ในวันสับบาโตนั้น ควรทำความดีหรือความชั่ว ควรจะช่วยชีวิตหรือปล่อยให้ตายไป” คนเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ 5พระองค์จึงทอดพระเนตรเขาเหล่านั้นด้วยความกริ้ว เศร้าพระทัยเพราะจิตใจแข็งกระด้างของเขา แล้วตรัสสั่งชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือซิ” เขาก็เหยียดมือ มือนั้นก็หายลีบเป็นปกติ 6ชาวฟาริสีจึงออกไป และประชุมกับผู้นิยมกษัตริย์เฮโรดทันทีa เพื่อปรึกษาว่าจะกำจัดพระองค์ได้อย่างไร

ประชาชนติดตามพระเยซูเจ้า

          7พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปยังทะเลสาบกับบรรดาศิษย์ ผู้คนหมู่ใหญ่จากแคว้นกาลิลีติดตามพระองค์ ผู้คนจากแคว้นยูเดียb 8จากกรุงเยรูซาเล็ม จากแคว้นอิดูเมอา จากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน และจากบริเวณเมืองไทระและไซดอนเป็นหมู่ใหญ่ ได้ยินสิ่งที่ทรงกระทำก็มาเฝ้าพระองค์ 9พระเยซูเจ้าจึงตรัสสั่งบรรดาศิษย์ให้จัดเรือไว้ลำหนึ่ง เพื่อประชาชนจะได้ไม่เบียดเสียดพระองค์ 10เพราะพระองค์ทรงรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก จนบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ เบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อสัมผัสพระองค์ 11เมื่อปีศาจทั้งหลายเห็นพระองค์ ก็กราบลง พลางตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” 12แต่พระองค์ทรงกำชับอย่างแข็งขันมิให้มันแพร่งพรายว่าพระองค์เป็นใคร

พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคน

          13พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขา ทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงต้องการให้มาพบ เขาเหล่านั้นก็มาเฝ้าพระองค์ 14พระองค์จึงทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคนcให้อยู่กับพระองค์ และเพื่อจะทรงส่งเขาออกไปเทศน์สอน 15โดยให้มีอำนาจขับไล่ปีศาจด้วย 16อัครสาวกสิบสองคนที่ทรงแต่งตั้ง คือ ซีโมน พระองค์ทรงตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า “เปโตร” 17ยากอบบุตรของเศเบดี และยอห์นน้องชายของยากอบ พระองค์ทรงตั้งชื่อให้สองพี่น้องนี้ว่า “โบอาแนรเกส” ซึ่งแปลว่า “ลูกฟ้าร้อง” 18อันดรูว์ ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ธัดเดอัส ซีโมนจากกลุ่มชาตินิยม 19และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้ได้ทรยศต่อพระองค์d

พระประยูรญาติของพระเยซูเจ้าเป็นห่วงพระองค์

          20พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ประชาชนมาชุมนุมกันอีกจนพระองค์ไม่อาจเสวย และบรรดาศิษย์ก็ไม่อาจกินอาหารได้ 21เมื่อพระประยูรญาติของพระองค์ได้ยินเช่นนี้ ก็ออกไปควบคุมพระองค์ไว้ เพราะคิดว่าทรงเสียพระสติ

ข้อกล่าวหาของบรรดาธรรมาจารย์

          22บรรดาธรรมาจารย์ที่มาจากกรุงเยรูซาเล็มพูดว่า “เขามีปีศาจเบเอลเซบูลeสิงอยู่” และ “ขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” 23พระองค์จึงทรงเรียกเขาเหล่านั้นเข้ามาพบ ตรัสเป็นอุปมาว่า “ซาตานจะขับซาตานได้อย่างไร 24ถ้าอาณาจักรหนึ่งแตกแยก อาณาจักรนั้นก็ตั้งอยู่ไม่ได้ 25ถ้าครอบครัวหนึ่งแตกแยก ครอบครัวนั้นก็ตั้งมั่นอยู่ต่อไปไม่ได้ 26ถ้าซาตานลุกขึ้นต่อสู้กันเองและแตกแยก มันก็อยู่ไม่ได้ ต้องถึงจุดจบ 27ไม่มีใครเข้าไปในบ้านของคนเข้มแข็งและปล้นเอาทรัพย์ของเขาได้ ถ้าไม่มัดคนเข้มแข็งนั้นไว้ก่อน เมื่อนั้นแหละจึงจะเข้าปล้นบ้านได้

          28เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า มนุษย์จะรับการอภัยบาปทุกประการรวมทั้งคำดูหมิ่นพระเจ้าที่ได้พูดออกไป 29แต่ใครที่พูดดูหมิ่นพระจิตเจ้า จะไม่ได้รับการอภัยเลย เขามีความผิดตลอดนิรันดร” 30พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพราะมีผู้พูดว่า “คนนี้มีปีศาจสิงอยู่”

พระประยูรญาติแท้ของพระเยซูเจ้า

          31พระมารดาและพระประยูรญาติของพระองค์มาถึง ยืนรออยู่ข้างนอก ส่งคนเข้าไปทูลพระองค์ 32ประชาชนกำลังนั่งล้อมพระองค์อยู่ เขาจึงทูลพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องชายหญิงของท่านกำลังตามหาท่าน คอยอยู่ข้างนอก” 33พระองค์ตรัสถามว่า “ใครเป็นมารดาและพี่น้องของเรา” 34แล้วพระองค์ทอดพระเนตรผู้ที่นั่งเป็นวงล้อมอยู่ ตรัสว่า “นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา 35ผู้ใดทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา”

 

3 a “ผู้นิยมกษัตริย์เฮโรด” คำนี้ไม่หมายถึงข้าราชบริพารในราชสำนักของกษัตริย์เฮโรดอันทิปาสผู้ปกครองแคว้นกาลิลี (ดู ลก 3:1 เชิงอรรถ c) แต่หมายถึงชาวยิวที่เล่นการเมือง สนับสนุนราชวงศ์กษัตริย์เฮโรด และได้รับผลประโยชน์จากการนี้ (เทียบ มธ 22:11 เชิงอรรถ c)

b การแบ่งวรรคที่มีไม่แน่นอน วลี “จากแคว้นยูเดีย…ไซดอน” อาจนำไปอ่านรวมกับประโยคก่อน คืออ่านว่า “ผู้คนหมู่ใหญ่ติดตามพระองค์จากแคว้นกาลิลี จากแคว้นยูเดีย…” หรืออ่านรวมกับประโยคหลังดังที่แปลไว้

c ผู้นำใหม่ของประชากรที่รับเลือกสรรจะต้องมีจำนวนสิบสองคน เช่นเดียวกับจำนวนเผ่าของอิสราเอล จำนวนนี้จะต้องรักษาไว้ให้ครบหลังจากที่ยูดาสได้ทรยศไปแล้ว (กจ 1:26) เพื่อให้คงอยู่ตลอดไปในสวรรค์ด้วย (มธ 19:28//; วว 21:12-14 เชิงอรรถ j)

d มาระโกได้บันทึกคำเทศน์สอนของพระเยซูเจ้าไว้เหมือนกับที่มัทธิวบันทึกไว้ใน มธ 5-7 และลูกาใน ลก 6:20-49 มาระโกคงเห็นว่าคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับธรรมบัญญัติของชาวยิว มีความจำเป็นสำหรับผู้อ่านพระวรสารน้อยกว่าการบันทึกว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นใคร และทรงกระทำอะไร

e การกล่าวว่างานของพระจิตเจ้าเป็นการกระทำของปีศาจ เป็นการปิดตนเองไม่ยอมรับพระหรรษทานของพระเจ้าและไม่ยอมรับการอภัยบาปซึ่งมาจากพระหรรษทานนั้น ท่าทีดังกล่าวทำให้ความรอดพ้นเป็นไปไม่ได้ แต่พระหรรษทานยังสามารถเปลี่ยนแปลงท่าทีดังกล่าวได้ จึงทำให้ความรอดพ้นยังมีทางเป็นไปได้ (ดู 1:23 เชิงอรรถ g)