“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก

I. เหตุการณ์ก่อนที่พระเยซูเจ้าทรงเริ่มเทศนาสั่งสอน

การประกาศของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง

          1 1การเริ่มต้นข่าวดีaเรื่องพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าb 2มีเขียนไว้ในหนังสือประกาศกอิสยาห์ว่า

          ดูซิ เราส่งผู้นำสารของเราไปข้างหน้าท่าน

                        เพื่อเตรียมทางสำหรับท่าน

            3คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า

                        จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า

          จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด

 

4เพื่อให้ข้อความนี้เป็นจริง ยอห์นจึงทำพิธีล้างในถิ่นทุรกันดาร เทศน์สอนเรื่องพิธีล้าง ซึ่งแสดงการกลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป 5ประชาชนจากทั่วแคว้นยูเดีย และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งหลายไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น้ำจอร์แดน โดยสารภาพบาปของตน 6ยอห์นแต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ ใช้หนังสัตว์คาดสะเอวc กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า 7และประกาศว่า “มีอีกผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา 8ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่เขาจะทำพิธีล้างให้ท่าน เดชะพระจิตเจ้า”       

พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

          9ครั้งนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากเมืองนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลี และทรงรับพิธีล้างจากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดน 10ทันทีที่พระองค์เสด็จขึ้นจากน้ำ ก็ทรงเห็นท้องฟ้าถูกแหวกออก พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ดุจนกพิราบ 11และมีเสียงมาจากฟากฟ้าว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”

พระเยซูเจ้าทรงถูกผจญในถิ่นทุรกันดารd

          12ทันใดนั้น พระจิตเจ้าทรงดลให้พระองค์เสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร 13พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นสี่สิบวัน ทรงถูกซาตานผจญ พระองค์ทรงอยู่กับสัตว์ป่า บรรดาทูตสวรรค์ปรนนิบัติรับใช้พระองค์

II. พระเยซูเจ้าทรงประกอบพระภารกิจในแคว้นกาลิลี

พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกาศข่าวดี

          14หลังจากที่ยอห์นถูกจองจำ พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศเทศนาข่าวดีของพระเจ้า ตรัสว่า 15“เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้วe พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจ และเชื่อข่าวดีเถิด”

พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สี่คนแรก

          16ขณะที่ทรงพระดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นซีโมนกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง 17พระเยซูเจ้าตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิดf เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” 18ซีโมนกับอันดรูว์ก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที

          19เมื่อทรงพระดำเนินไปอีกเล็กน้อย พระองค์ทอดพระเนตรเห็นยากอบบุตรของเศเบดี และยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือ 20พระองค์ทรงเรียกเขา ทั้งสองคนก็ละทิ้งเศเบดีบิดาของตนไว้ในเรือกับลูกจ้าง แล้วตามพระองค์ไปทันที

พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอนที่เมืองคาเปอรนาอุม ทรงรักษาคนถูกปีศาจสิง

          21พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ เมื่อถึงวันสับบาโต พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรม และทรงเริ่มสั่งสอน 22คำสั่งสอนของพระองค์ทำให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจอย่างมาก เพราะทรงสอนเขาอย่างทรงอำนาจไม่เหมือนกับบรรดาธรรมาจารย์

          23ขณะนั้น ในศาลาธรรมชายคนหนึ่งซึ่งปีศาจสิงอยู่g ร้องตะโกนว่า 24“ท่านมายุ่งกับเราทำไมh เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาiทำลายเราใช่ไหม เรารู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า”j 25พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและตรัสสั่งว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” 26เมื่อปีศาจทำให้ชายผู้นั้นชักและร้องเสียงดังแล้ว มันก็ออกไปจากเขา 27ทุกคนต่างประหลาดใจ จึงถามกันว่า “นี่มันเรื่องอะไร เป็นคำสั่งสอนแบบใหม่ที่มีอำนาจ เขาสั่งแม้กระทั่งปีศาจk และมันก็เชื่อฟัง” 28แล้วกิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทุกแห่งตลอดทั่วแคว้นกาลิลีทันที

พระเยซูเจ้าทรงรักษามารดาของภรรยาซีโมน

          29ทันทีที่ออกจากศาลาธรรม พระองค์เสด็จlเข้าไปในบ้านของซีโมนและอันดรูว์พร้อมกับยากอบและยอห์น 30มารดาของภรรยาซีโมนกำลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ เขาจึงทูลพระองค์ให้ทรงทราบทันที 31พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น นางก็หายไข้ และรับใช้ทุกคน

พระเยซูเจ้าทรงรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก

          32เย็นวันนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว มีคนนำผู้ป่วยและผู้ถูกปีศาจสิงมาเฝ้าพระองค์ 33คนทั้งเมืองมารวมกันที่ประตู 34พระองค์ทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่างๆ ให้หาย ทรงขับไล่ปีศาจออกไป แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มันพูด เพราะมันรู้จักพระองค์m

พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเมืองคาเปอรนาอุม และทรงพระดำเนินทั่วแคว้นกาลิลี

          35วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น 36ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์ 37เมื่อพบแล้ว จึงทูลพระองค์ว่า “ทุกคนกำลังแสวงหาพระองค์” 38พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปที่อื่นกันเถิด ไปตามตำบลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามาnด้วยจุดประสงค์นี้” 39พระองค์จึงเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี ทรงขับไล่ปีศาจด้วย

พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนโรคเรื้อน

          40ผู้เป็นโรคเรื้อนคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ คุกเข่าอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” 41พระเยซูเจ้าทรงสงสาร ตื้นตันพระทัย จึงทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา ตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด” 42ทันใดนั้น โรคเรื้อนก็หาย เขากลับเป็นปกติ 43พระเยซูเจ้าทรงให้เขาไปทันที ทรงกำชับอย่างแข็งขันว่า 44“ระวัง อย่าบอกอะไรให้ใครรู้เลย แต่จงไปแสดงตนแก่สมณะ และถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสกำหนด เพื่อเป็นหลักฐานแก่คนทั้งหลายว่าท่านหายจากโรคแล้ว” 45แต่เมื่อชายผู้นั้นจากไป เขาก็ป่าวประกาศกระจายข่าวไปทั่ว จนพระองค์ไม่อาจเสด็จเข้าไปในเมืองได้อย่างเปิดเผยอีกต่อไป พระองค์จึงประทับอยู่นอกเมืองในที่เปลี่ยว แม้กระนั้น ประชาชนจากทุกทิศก็ยังมาเฝ้าพระองค์

 

1 a “ข่าวดี” หรือ “พระวรสาร” แปลจากภาษากรีก euaggelion เป็นเรื่องการสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้า (ดู มธ 4:17 เชิงอรรถ f) พันธสัญญาเดิมได้กล่าวถึงข่าวดีนี้บ้างแล้ว (อสย 40:9; 52:7; 61:1) แต่พระเยซูเจ้าได้ทรงกล่าวถึงข่าวดีนี้อย่างชัดเจนโดยทรงประกาศอย่างเปิดเผย (1:14//; มธ 4:23; 9:35; ลก 4:43; 8:1; เทียบ มก 16:15) ทรงเชิญชวนมนุษย์ทุกคนให้มีความเชื่อ (มก 1:15 ดู มธ 8:10 เชิงอรรถ b; รม 1:16 เชิงอรรถ h) พระอาณาจักรของพระเจ้าได้มาถึงในองค์พระเยซูเจ้า (มธ 11:5ฯ; ลก 4:18, 21) บรรดาศิษย์จะนำข่าวดีนี้ไปประกาศให้มนุษย์ทั่วโลกได้ทราบต่อจากพระองค์ (16:15; มธ 24:14ฯ; 26:13ฯ; กจ 5:42 เชิงอรรถ q; กท 2:7) ข่าวดีนี้ในขั้นแรกได้รับการประกาศด้วยปากต่อปาก แล้วจึงค่อยๆ บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรจนกระทั่งกำหนดไว้ตายตัวในหนังสือพระวรสารทั้งสี่ที่เรามี

b สำเนาโบราณบางฉบับละ “พระบุตรของพระเจ้า”

c สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ยอห์นใช้หนังอูฐแต่งกาย” (เทียบ มธ 3:4)

d มาระโกเว้นหรือไม่ทราบรายละเอียดเรื่องการผจญสามครั้งซึ่งมัทธิวและลูกาได้มาจากแหล่งอื่น การกล่าวถึงสัตว์ป่าทำให้ระลึกถึงอุดมการณ์แห่งยุคพระเมสสิยาห์ตามที่ประกาศกได้กล่าวไว้ เมื่อโลกจะมีสันติเช่นในสวรรค์ (ดู อสย 11:6-9, 6 เชิงอรรถ e) รวมทั้งชวนให้คิดถึงการเรียกอิสราเอลให้ออกไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร (ดู ฮชย 2:16 เชิงอรรถ p) การที่ทูตสวรรค์มารับใช้พระเยซูเจ้า แสดงว่าพระเจ้าทรงคุ้มครองพระองค์ (เทียบ สดด 91:11-13; มธ 4:6// ก็ยกข้อความนี้มาอ้างด้วย)

e แผนการของพระเจ้าสำเร็จไปโดยมีขั้นตอนต่อเนื่อง (1 พกษ 8:24; ปชญ 8:8; กจ 1:7 เชิงอรรถ i) เมื่อขั้นตอนสุดท้ายเริ่มขึ้น (รม 3:26 เชิงอรรถ m; ฮบ 1:2 เชิงอรรถ a) เวลา “ที่กำหนดก็มาถึงแล้ว” (กท 4:4 เชิงอรรถ c; เทียบ 1 คร 10:11) พระเจ้าไม่เพียงแต่ทรงทำให้พระคัมภีร์ (มธ 1:22 เชิงอรรถ j) หรือธรรมบัญญัติ (มธ 5:17 เชิงอรรถ h) สำเร็จไป แต่ยังทรงทำให้จุดมุ่งหมายของพันธสัญญาเดิมทั้งหมดสำเร็จไปด้วย (มธ 9:17; 26:28 เชิงอรรถ h; รม 10:4; 2 คร 3:14-15; ฮบ 10:1, 14) ตอนปลายของประวัติศาสตร์ยุคสุดท้าย (1 คร 10:11; 1 ทธ 4:1; 1 ปต 1:5, 20; 1 ยน 2:18) ซึ่งเป็น “จุดจบของยุคสุดท้าย” (ฮบ 9:26) จะถึงจุดจบอีกวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันสิ้นพิภพ (มธ 13:40, 49; 24:3; 28:20) นี่ก็คือ “วันยิ่งใหญ่นั้น” (1 คร 15:23 เชิงอรรถ n) เป็นวันที่พระเจ้าจะทรงแสดงพระองค์ (1 คร 1:7 เชิงอรรถ c) เป็น “วันพิพากษา” (รม 2:6 เชิงอรรถ b)

f ผู้ที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกให้ติดตามพระองค์ (1:20; 2:14ฯ; มธ 19:21 เชิงอรรถ p, 27-28; ลก 9:57-62; ดู ฉธบ 13:3, 5; 1 พกษ 14:8; 19:20) เพื่อจะได้ร่วมชีวิตกับพระองค์จะต้องละทิ้งทุกสิ่ง (มก 10:21, 28//; เทียบ ยน 12:24-26) สำหรับบรรดาศิษย์ซึ่งไม่รู้จักพระเยซูเจ้าเมื่อทรงพระชนม์อยู่ในโลกนี้ จะต้องติดตามพระองค์โดย “ชิดสนิท” กับพระองค์ (ฟป 3:10; 1 ยน 1:3 เชิงอรรถ b) หรือโดยปฏิบัติตามแบบฉบับของพระองค์ (2 ธส 3:7)

g “ปีศาจ” แปลตามตัวอักษรว่า “จิตโสโครก” เป็นชื่อที่ศาสนายูดาห์ใช้กับปีศาจ (ดู ศคย 13:2) เพราะมันมีมลทินไม่สมควรอย่างยิ่งจะร่วมศาสนพิธีเพราะความประพฤติชั่วช้า (ดู 3:11, 30; มธ 10:1; 12:43; ลก 4:33, 36)

h แปลตามตัวอักษรได้ว่า “มีอะไรระหว่างเรากับท่านด้วย” (ดู ยน 2:4 เชิงอรรถ d)

i บางฉบับไม่เป็นคำถาม

j พระเจ้าแต่พระองค์เดียวทรงเป็น “ผู้ศักดิ์สิทธิ์” และทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์ก็ศักดิ์สิทธิ์ (ลนต 17:1 เชิงอรรถ a, 44 เชิงอรรถ f; 19:2; อสย 6:3) ความคิดนี้เป็นจริงอย่างที่สุดในกรณีของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นพระบุตรของพระเจ้า และพระเมสสิยาห์ที่ทรงเลือกสรร (มก 1:10ฯ) และทรงแต่งตั้งเป็นหัวหน้า “ประชากรศักดิ์สิทธิ์” (ดนล 7:18 เชิงอรรถ m) ซึ่งหมายถึงบรรดาผู้เลือกสรร คือกลุ่มคริสตชน (กจ 9:13 เชิงอรรถ g; เทียบ ลก 1:35; 4:34; ยน 6:69 เชิงอรรถ u; กจ 2:27; 3:14 เชิงอรรถ u; 4:17, 30; วว 3:7)

k หรือแบ่งวรรคตอนอีกแบบหนึ่งได้ดังนี้ “เป็นคำสั่งสอนใหม่ เขามีอำนาจสั่งได้แม้กระทั่งปีศาจ”

l สำเนาโบราณบางฉบับว่า “พวกเขาได้ไป”

m พระเยซูเจ้าทรงห้ามไม่ให้ปีศาจกระจายข่าวว่าพระองค์เป็นพระเมสสิยาห์ (1:25, 34; 3:12) ทรงห้ามผู้ที่พระองค์ทรงรักษาให้หายจากโรค (1:44; 5:43; 7:36; 8:26) แม้กระทั่งบรรดาอัครสาวก (8:30; 9:9) ทุกคนต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจนกว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพแล้ว (มธ 10:27 เชิงอรรถ j) ประชาชนในสมัยนั้นมีความคิดเรื่องพระเมสสิยาห์ไปในทางชาตินิยมและใช้ความรุนแรง ซึ่งตรงข้ามกับอุดมการณ์ของพระองค์อย่างสิ้นเชิง พระเยซูเจ้าจึงทรงระมัดระวังพระองค์อย่างน้อยในดินแดนอิสราเอล (ดู 5:19) เพื่อหลีกเลี่ยงการให้ภาพลักษณ์ที่ผิดและมีอันตรายเกี่ยวกับภารกิจของพระองค์ (ดู มธ 13:13 เชิงอรรถ e; ยน 6:15) บางคนคิดว่า คำสั่งให้เงียบนี้ที่เรียกกันว่า “ความลับเรื่องพระเมสสิยาห์” เป็นวิธีเขียนของมาระโกเท่านั้น แต่เป็นไปได้ว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงห้ามเช่นนี้จริงๆ และมาระโกให้ความสำคัญพิเศษกับการห้ามนี้ ทั้ง มธ และ ลก บันทึกการห้ามนี้เฉพาะในข้อความที่ยกมาจาก มก เท่านั้น และบางครั้งยังละเว้นการห้ามเสียด้วย มธ 9:30 เท่านั้นมีการห้ามที่ไม่ได้ยกมาจาก มก

n แปลตามตัวอักษรได้ว่า “เราออกมา” นั่นคือจากเมืองคาเปอรนาอุม (ข้อ 35) นี่เป็นความหมายแรก แต่เป็นไปได้ว่ายังมีอีกความหมายหนึ่งอยู่เบื้องหลัง คือการที่พระเยซูเจ้า “เสด็จออก” มาจากพระเจ้า (ยน 8:42; 13:3; 16:27ฯ, 30; เทียบ ลก 4:43)

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก