(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)
จดหมายของนักบุญยูดา
คำขึ้นต้น
1จากยูดา ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสตเจ้า น้องของยากอบ
ถึงผู้ที่ได้รับเรียก ซึ่งเป็นที่รักaของพระเจ้าพระบิดา และเป็นผู้ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงคุ้มครองรักษา
2ขอพระเมตตา สันติและความรัก จงมีแด่ท่านทั้งหลายอย่างสมบูรณ์
เจตนารมณ์ของจดหมาย
3ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเขียนถึงท่านเรื่องความรอดพ้นซึ่งเราได้รับร่วมกัน ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า จำเป็นต้องเขียนเตือนท่านให้ต่อสู้เพื่อป้องกันความเชื่อที่พระเจ้าประทานแก่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ครั้งเดียวตลอดไปb 4บางคนแอบแฝงเข้ามาในกลุ่มท่านทั้งหลาย พระคัมภีร์เขียนไว้นานแล้วว่าคนเหล่านี้จะถูกตัดสินลงโทษc เขาเป็นคนอธรรม บิดเบือนพระหรรษทานของพระเจ้าของเรา เป็นข้อแก้ตัวในความประพฤติผิดศีลธรรมและปฏิเสธพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นเจ้านายและทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวdของเรา
ผู้สอนผิดจะต้องถูกลงโทษ
5ท่านรู้เรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้วe แต่ข้าพเจ้าปรารถนาจะเตือนท่านอีกครั้งหนึ่งให้ระลึกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าfทรงช่วยให้ชนชาติหนึ่งรอดพ้นจากแผ่นดินอียิปต์ หลังจากนั้นพระองค์ยังทรงทำลายผู้ไม่เชื่อพระองค์ 6และทรงทำลายทูตสวรรค์ที่ไม่พอใจในอำนาจที่ตนได้รับจากพระเจ้า ละทิ้งที่อาศัยของตนg พระองค์จึงทรงจองจำไว้ด้วยพันธนาการนิรันดร ทรงคุมขังคนเหล่านั้นไว้ในที่มืดจนถึงการพิพากษาในวันยิ่งใหญ่นั้น 7ชาวเมืองโสโดม ชาวเมืองโกโมราห์ และชาวเมืองที่อยู่รอบๆ ประพฤติผิดศีลธรรมเช่นเดียวกับทูตสวรรค์เหล่านั้น ปล่อยตัวตามกิเลสตัณหาผิดธรรมชาติh จึงได้รับโทษในไฟนิรันดร เรื่องดังกล่าวเป็นตัวอย่างสำหรับเรา
ผู้สอนผิดกล่าวล่วงเกินพระเจ้า
8คนเพ้อฝันเหล่านี้ก็เช่นเดียวกันi เขาทำให้ร่างกายของตนเป็นมลทิน ดูหมิ่นอำนาจของพระเจ้า กล่าวคำหยาบคายต่อบรรดาทูตสวรรค์j 9เมื่อโต้เถียงกับปีศาจเรื่องศพของโมเสสk อัครทูตสวรรค์มีคาเอลยังไม่กล้าพูดดูหมิ่นปีศาจ ท่านเพียงแต่พูดว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวโทษเจ้าเถิด” 10แต่คนเหล่านี้กลับพูดคำหยาบคายต่อทุกสิ่งที่เขาไม่รู้ และต่อสิ่งที่เรารู้โดยสัญชาตญาณlเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน จึงทำให้เขาพินาศ
พฤติกรรมเลวร้ายของผู้สอนผิด
11ความวิบัติจงเกิดแก่เขา เขาดำเนินตามทางของกาอิน ปล่อยตัวไปตามความหลงผิดของบาลาอัมเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง และพินาศไปเหมือนกับโคราห์ที่เป็นกบฏ 12เขาทำให้งานเลี้ยงชุมนุมกันฉันพี่น้องของท่านทั้งหลายm เขาร่วมโต๊ะอย่างไม่อายเพียงเพื่อจะกิน เขาเป็นเมฆไร้ฝนที่ลอยไปตามลม เป็นต้นไม้ในฤดูออกผลที่ไม่มีผลและถูกถอนราก จึงตายสองครั้ง 13เป็นคลื่นทะเลบ้าคลั่งที่พ่นกิจการน่าอายของตนออกมาราวกับฟอง เป็นดาวที่พลัดออกไปจากวงโคจรnที่พระเจ้าทรงจัดความมืดทึบตลอดนิรันดรไว้ 14เอโนคผู้เป็นบรรพบุรุษคนที่เจ็ดนับตั้งแต่อาดัม พยากรณ์ถึงคนเหล่านี้ไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับหมื่นของพระองค์ 15เพื่อพิพากษามนุษย์ทุกคน และกล่าวโทษคนอธรรมเพราะกิจการอธรรมทั้งหลายที่เขาทำและเพราะถ้อยคำหยาบคายที่คนบาปไม่นับถือพระเจ้ากล่าวร้ายต่อพระองค์”o 16คนเหล่านี้เป็นคนชอบบ่น ไม่พอใจสภาพของตน ประพฤติตามราคตัณหาp พูดจาโอหังอวดดี ประจบสอพลอโดยหวังประโยชน์เพื่อตนเอง
คำเตือน
17ท่านที่รักทั้งหลาย จงระลึกถึงถ้อยคำที่บรรดาอัครสาวกของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรากล่าวล่วงหน้าไว้q 18เขาบอกท่านว่า “ในวาระสุดท้าย จะมีผู้เยาะเย้ยเกิดขึ้น เขาเหล่านี้จะประพฤติตามราคตัณหาเลวร้ายของตน”r
19คนเหล่านี้เป็นผู้ทำให้เกิดความแตกแยก ดำเนินชีวิตใฝ่ต่ำตามธรรมชาติ ไม่มีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ
ต้องรักอย่างไร
20ท่านที่รักทั้งหลาย จงเสริมสร้างตนเองจากพื้นฐานความเชื่อศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของท่าน จงอธิษฐานภาวนาในพระจิตเจ้าs 21จงมีความรักอย่างมั่นคงในพระเจ้า ขณะที่รอคอยพระกรุณาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร 22จงสงสารคนที่ยังมีใจโลเล 23จงช่วยเขาให้รอดพ้นโดยดึงเขาออกมาจากไฟt จงสงสารคนอื่นด้วย แต่ต้องมีความระมัดระวัง จงอยู่ห่างแม้กระทั่งเสื้อที่เปื้อนมลทินของเขา
คำถวายพระพร
24แด่พระองค์ผู้ทรงปกป้องท่านทั้งหลายไว้มิให้พลาดพลั้ง และทรงประคองให้ยืนด้วยความยินดีปราศจากตำหนิเฉพาะพระสิริรุ่งโรจน์ 25แด่พระองค์แต่เพียงพระองค์เดียวผู้ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้น อาศัยพระบารมีของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระสิริรุ่งโรจน์ พระบารมียิ่งใหญ่ พระเดชานุภาพและพระฤทธานุภาพ จงมีแด่พระองค์ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตตลอดนิรันดรเทอญ
อาเมนu
a “ถึงผู้ที่” สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ถึงชนชาติซึ่ง” * “ที่รักของพระเจ้า” บางฉบับว่า “ที่พระเจ้าบันดาลความศักดิ์สิทธิ์”
b หมายความว่า จะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ (ข้อ 5) ในธรรมประเพณีของความเชื่อที่มาจากบรรดาอัครสาวก (ข้อ 17) ซึ่งเป็นพื้นฐานของชีวิตคริสตชน (ข้อ 20) (เทียบ 1 คร 11:2; 2 ธส 2:15 เชิงอรรถ l; 1 ทธ 6:20)
c บางคนแปลโดยเสริมว่า “เพราะบาปนี้”
d สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ปฏิเสธพระเจ้า ผู้ทรงเป็นเจ้านายเพียงพระองค์เดียวและพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา”
e “เรื่องทั้งหมดนี้” หมายถึง ความเชื่อที่พระเจ้าประทานให้แล้วครั้งเดียวตลอดไป (ข้อ 3) ซึ่งจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
f “องค์พระผู้เป็นเจ้า” ในข้อนี้หมายถึง พระเจ้าพระบิดา (ดู 2 ปต 2:4) สำเนาโบราณบางฉบับ (เช่น Vulg.) ว่า “พระเยซูเจ้า” จึงหมายถึงพระคริสตเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่นิรันดร (เทียบ 1 คร 10:4)
g ทูตสวรรค์เหล่านี้ยอมให้ “บุตรหญิงของมนุษย์” ยั่วยวน (ปฐก 6:1-2) หนังสือเอโนค (“Book of Enoch”) เล่าเรื่องนี้อย่างละเอียด
h ชาวเมืองโสโดมและโกโมราห์ปรารถนาจะร่วมเพศมิใช่กับมนุษย์ด้วยกัน แต่กับคนแปลกหน้าซึ่งเป็นทูตสวรรค์ (ปฐก 19:1-11) หนังสือ “Testament of the Twelve Patriarchs” ได้เปรียบเทียบบาปของทูตสวรรค์กับบาปของชาวโสโดมเช่นเดียวกับใน ยด 6-7
i “คนเพ้อฝัน” หมายถึง พวกมิจฉาทิฐิร่วมสมัย ซึ่งไม่รู้สึกกลัวที่จะต้องรับโทษเช่นเดียวกับทูตสวรรค์ที่ได้ทำบาป (ข้อ 6-7)
j “อำนาจของพระเจ้า” สำเนาโบราณบางฉบับว่า “บรรดาอำนาจ” หมายถึง บรรดาทูตสวรรค์ (ดู อฟ 1:21 เชิงอรรถ s; คส 1:16) “ทูตสวรรค์” ในข้อนี้ แปลตามตัวอักษรว่า “บรรดาสิริรุ่งโรจน์”
k เรื่องศพของโมเสสนี้คงมาจากหนังสือ “Assumption of Moses” ที่พูดถึงอัครทูตสวรรค์มีคาเอล (ดนล 10:13 เชิงอรรถ b) ได้โต้เถียงกับมารว่าใครมีสิทธิจัดการ “ศพของโมเสส”
l ผู้สอนผิดขาดความรู้ เพราะไม่มีพระจิตเจ้า จึงไม่รู้เรื่องอะไรอื่นนอกจากเรื่องที่เรียนรู้ได้จากความสามารถตามธรรมชาติเท่านั้น (ดู รม 1:9 เชิงอรรถ e; 1 คร 15:44)
m “งานเลี้ยงฉันพี่น้อง” (agape) สำเนาโบราณบางฉบับว่า “การหลอกลวง” (เทียบ 2 ปต 2:13) ในสมัยนั้น พวกมิจฉาทิฐิยังคงร่วมพิธีกรรมของพระศาสนจักร มีเพียงบางคนเท่านั้นที่เริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของคนเหล่านี้ เราไม่รู้แน่ว่ายูดาในที่นี้หมายถึงพิธีบูชาขอบพระคุณหรือหมายถึงการกินอาหารร่วมกันฉันพี่น้อง (agape) ซึ่งทำกันก่อนพิธีนั้น ท่าทีเช่นนี้ทำให้คิดถึง 1 คร 11:17-22
n ในหนังสือของชาวยิว เช่น “Book of Enoch” “ดาว” หมายถึง “ทูตสวรรค์” บ่อยๆ
o ข้อความนี้มาจากหนังสือ Enoch (1:9) เป็นการอ้างจากความจำ
p เป็นความคิดที่ได้จาก Enoch 5:5
q การเทศน์สอนของบรรดาอัครสาวกที่ได้รับถ่ายทอดสืบมาทางธรรมประเพณี (ข้อ 3)
r เราไม่พบข้อความนี้โดยตรงในพระคัมภีร์ แต่ ดู กจ 20:29-31; 1 ทธ 4:1; 2 ทธ 3:1-5; 4:3; และ มธ 24:24; มก 13:22
s ข้อ 20-21 กล่าวถึงพระตรีเอกภาพ (เทียบ 2 คร 13:13) ในความสัมพันธ์กับความเชื่อ การอธิษฐานภาวนา ความรัก ความหวัง (ดู 1 คร 13:13 เชิงอรรถ e)
t สำเนาโบราณบางฉบับว่า “จงดึงเขาออกมาจากไฟ” ความรักบอกให้รู้ว่า จะต้องวางตนอย่างไรในการติดต่อกับผู้ที่สอนผิดประเภทต่างๆ แล้วแต่กรณี
u คำถวายพระพรอย่างสง่านี้คงจะได้มาจากพิธีกรรม (เทียบ รม 16:25-27, 27 เชิงอรรถ n; อฟ 3:20; วว 1:6 เชิงอรรถ k)