(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

C. เวลาของพระเยซูเจ้ามาถึงแล้ว

ฉลองปัสกา: ลูกแกะของพระเจ้าถูกประหารชีวิต

ก. อาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์

การล้างเท้า

13 1ก่อนวันฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดาa พระองค์ทรงรักbผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุดc

2ระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำd ปีศาจดลใจeยูดาสอิสคาริโอทบุตรของซีโมนให้ทรยศต่อพระองค์ 3พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าพระบิดาประทานทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์พระองค์แล้ว และทรงทราบว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้าและกำลังเสด็จกลับไปหาพระเจ้า 4จึงทรงลุกขึ้นจากโต๊ะ ทรงถอดเสื้อคลุมออกวางไว้ ทรงใช้ผ้าเช็ดตัวคาดสะเอว 5แล้วทรงเทน้ำลงในอ่าง ทรงเริ่มล้างเท้าบรรดาศิษย์f และทรงใช้ผ้าที่คาดสะเอวเช็ดให้

6เมื่อเสด็จมาถึงซีโมนเปโตร เขาทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพเจ้าหรือ” 7พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “สิ่งที่เราทำอยู่ขณะนี้ ท่านยังไม่เข้าใจ แต่จะเข้าใจในภายหลัง” 8เปโตรทูลว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้พระองค์ล้างเท้าข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าท่านไม่ให้เราล้าง ท่านจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา”g ซีโมนเปโตรทูลว่า 9“พระเจ้าข้า อย่าทรงล้างเฉพาะเท้าเท่านั้น แต่ล้างทั้งมือและศีรษะด้วย” 10พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ที่อาบน้ำแล้วก็ไม่จำเป็นต้องล้างอะไรอีกนอกจากเท้าh เขาสะอาดทั้งตัวแล้วI ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้วj แต่ไม่ทุกคน” 11ทั้งนี้ทรงทราบว่า ใครกำลังทรยศต่อพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายสะอาด แต่ไม่ทุกคน”

12เมื่อทรงล้างเท้าของบรรดาศิษย์เสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมอีกครั้งหนึ่ง เสด็จกลับไปที่โต๊ะ ตรัสว่า “ท่านเข้าใจไหมว่าเราทำอะไรให้ท่าน 13ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ถูกแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ 14ในเมื่อเราซึ่งเป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็ต้องล้างเท้าให้กันและกันด้วยk 15เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้ว ท่านจะได้ทำเหมือนกับที่เราทำกับท่าน

16เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า

ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน

ผู้ถูกส่งไปย่อมไม่เป็นใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไป

17บัดนี้ ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุข 18เราไม่พูดเช่นนี้เพื่อท่านทุกคน เรารู้จักผู้ที่เราเลือกไว้แล้ว แต่พระคัมภีร์จะต้องเป็นความจริงที่ว่า

ผู้ที่กินปังของเรา

ได้ยกส้นเท้าใส่เราl

19เราบอกท่านทั้งหลายตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น

เพื่อว่าเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว

ท่านจะได้เชื่อว่าเราเป็นm

20เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า

ใครรับผู้ที่เราส่งไป ก็รับเรา

ใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา”

พระเยซูเจ้าตรัสล่วงหน้าว่ายูดาสจะทรยศต่อพระองค์

21เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกหวั่นไหวพระทัย จึงตรัสยืนยันว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านคนหนึ่งจะทรยศเรา” 22บรรดาศิษย์ต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าพระองค์ทรงหมายถึงใคร 23ศิษย์คนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรักนั่งโต๊ะติดกับพระองค์ 24ซีโมนเปโตรจึงทำสัญญาณให้เขาทูลถามว่า “ผู้ที่พระองค์กำลังตรัสถึงนี้เป็นใคร” 25เขาจึงเอนกายชิดพระอุระของพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “พระเจ้าข้า เป็นใครหรือ” 26พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “เป็นผู้ที่เราจะจุ่มขนมปังส่งให้”n แล้วทรงจุ่มขนมปังชิ้นหนึ่งส่งให้ยูดาสบุตรของซีโมนอิสคาริโอท 27แต่เมื่อยูดาสได้รับขนมปังชิ้นนี้แล้ว ซาตานก็เข้าสิงในตัวเขา พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่เขาว่า “ท่านจะทำอะไร ก็จงทำโดยเร็วเถิด” 28ผู้ร่วมโต๊ะด้วยกันไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดพระองค์จึงตรัสเช่นนี้ 29บางคนคิดว่าเนื่องจากยูดาสเป็นผู้ถือถุงเงิน พระเยซูเจ้าทรงบอกเขาว่า “จงไปซื้อของที่จำเป็นสำหรับวันฉลอง” หรือบอกว่า “จงไปแจกทานแก่คนยากจน” 30ดังนั้น เมื่อยูดาสรับชิ้นขนมปังแล้ว ก็ออกไปทันที ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน

คำปราศรัยอำลาo

31เมื่อยูดาสออกไปแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสว่า

“บัดนี้p บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์

และพระเจ้าทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์ด้วย

32ถ้าพระเจ้าทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์q

พระเจ้าจะทรงให้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระองค์ด้วยr

และจะทรงให้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ทันที

33ลูกทั้งหลายเอ๋ย

เราจะอยู่กับท่านอีกไม่นาน

ท่านจะแสวงหาเรา

แต่เราบอกท่านบัดนี้เหมือนกับที่เราเคยบอกชาวยิวsว่า

ที่ที่เราไปนั้น

ท่านไปไม่ได้t

34เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลายu

ให้ท่านรักกัน

เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร

ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด

35ถ้าท่านมีความรักต่อกัน

ทุกคนจะรู้ว่า

ท่านเป็นศิษย์ของเรา”

36ซีโมนเปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์กำลังจะไปไหน” พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “ที่ที่เราไปนั้น ท่านยังตามไปเวลานี้ไม่ได้ แต่จะตามไปได้ในภายหลัง”v 37เปโตรทูลพระองค์ว่าw “พระเจ้าข้า ทำไมข้าพเจ้าจึงตามพระองค์ไปเวลานี้ไม่ได้ ข้าพเจ้าจะสละชีวิตเพื่อพระองค์” 38พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “ท่านจะสละชีวิตเพื่อเราหรือ เราบอกความจริงกับท่านว่า ก่อนไก่ขัน ท่านจะบอกถึงสามครั้งว่าไม่รู้จักเรา”

 

เรียนพระคัมภีร์กับคุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร
พระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ 13



 

13 a ธรรมประเพณีของชาวยิวอธิบายคำ ปัสกา (pesah ดู อพย 12:11 เชิงอรรถ f) ว่า หมายถึง การผ่านหรือการข้าม โดยพาดพิงถึงการข้ามทะเลต้นอ้อ (ทะเลแดง) (อพย 14) พระเยซูเจ้า(และเราพร้อมกับพระองค์) จะผ่านจากโลกนี้ ซึ่งเป็นทาสของบาปไปอยู่กับพระบิดา ซึ่งเป็นการรับดินแดนแห่งพระสัญญาอย่างแท้จริง (ดู 1:21 เชิงอรรถ t)

b ยน ยืนยันที่นี่เป็นครั้งแรกอย่างชัดเจนว่า ชีวิตและความตายของพระเยซูเจ้าเป็นการแสดงความรักที่ทรงมีต่อบรรดาศิษย์ ยน รักษาความลับนี้ไว้ตลอดมาเพื่อจะเปิดเผยในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ (ข้อ 34; 15:9, 13; 17:23; รม 8:35; กท 2:20; อฟ 3:19; 5:2, 25; 1 ยน 3:16)

c จนถึงที่สุด มีความหมายสองอย่างคือ จนถึงวาระสุดท้าย และ มากที่สุด

d สำเนาโบราณบางฉบับว่า เมื่อเลี้ยงอาหารค่ำเสร็จแล้ว

e การรับทรมานของพระเยซูเจ้าเป็นผลมาจากการทำงานของอำนาจมืด ซึ่งใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือของปีศาจ (เทียบ 6:70ฯ; 8:44; 12:31; 13:27; 16:11; ลก 22:3; 1 คร 2:8; วว 12:4, 17; 13:2)

f พระเยซูเจ้าทรงแต่งพระองค์และทำหน้าที่อย่างคนใช้ (ดู 1 ซมอ 25:41)

g ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นสำนวนเซมิติก หมายความว่า เปโตรจะไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับพระเยซูเจ้าอีกต่อไป คือจะไม่ร่วมในภารกิจและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์

h สำเนาโบราณบางฉบับละวลีที่ว่า นอกจากเท้า

i เปโตรเข้าใจคำตอบของพระเยซูเจ้าอย่างผิวเผิน (ข้อ 8) ประหนึ่งว่าพระเยซูเจ้าทรงตั้งพิธีล้างแบบใหม่ พระเยซูเจ้าทรงตอบว่าการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นบูชาชำระล้างมลทินทั้งสิ้นแล้ว (เทียบ 15:2-3; ฮบ 10:22; 1 ยน 1:7) พระองค์ทรงอธิบายความหมายของการกระทำของพระองค์ในข้อ 12-15

j ภาษากรีกใช้คำเดียวกันสำหรับความหมายว่า สะอาด และ บริสุทธิ์ (ทั้งร่างกายและจิตใจ)

k ล้างเท้าให้กันและกัน หมายถึงการรับใช้กันด้วยความรัก และความถ่อมตน

l การ “ยกส้นเท้า ใส่ผู้ใด หมายถึงการเอาเปรียบผู้นั้น หรือเป็นศัตรูพยายามทำลายเขา

m พระเยซูเจ้าทรงแสดงความรู้เหนือธรรมชาติ และทรงทำให้พระคัมภีร์สำเร็จไป ดังนั้น การที่พระองค์ตรัสล่วงหน้าว่ายูดาสจะทรยศต่อพระองค์ และจะทรงสิ้นพระชนม์ ทำให้บรรดาศิษย์เชื่อว่าพระองค์เป็นพระเจ้า

n ขนมปังชิ้นนี้ไม่ใช่ศีลมหาสนิท กระนั้นก็ดีเมื่อเทียบ 13:2, 18 กับ 6:64, 70 ดูเหมือนว่า มีความสัมพันธ์ระหว่างการตั้งศีลมหาสนิทกับการทรยศของยูดาส (เทียบ ลก 22:21)

o การล้างเท้าและการสนทนากับบรรดาศิษย์เป็นการเตรียมคำปราศรัยยืดยาวของพระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์ (เทียบ ลก 22:14 เชิงอรรถ d) คำปราศรัยในรูปแบบนี้ (บทที่ 13-17) คงจะรวบรวมคำสั่งสอนที่พระเยซูเจ้าทรงให้ไว้ในโอกาสอื่นๆ ด้วย บทที่ 16 มีความซับซ้อนพอสมควร อาจเป็นพระวาจาในบทที่ 14 ซึ่ง ยน นำมาเรียบเรียงใหม่ก็ได้ ยน นำคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้ามารวมกันไว้ที่นี่ทั้งหมด เพื่อแสดงความหมายลึกซึ้งที่สุดของพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในขณะที่พระองค์ทรงผ่านจากความเป็นอยู่ในโลกนี้ไปสู่ความเป็นอยู่ในสวรรค์

p พระทรมานได้เริ่มต้นแล้วตั้งแต่เมื่อยูดาสออกไปทำงานของซาตาน พระเยซูเจ้าตรัสเหมือนกับว่าชัยชนะของพระองค์ได้เกิดขึ้นแล้ว (เทียบ 16:33)

q สำเนาโบราณบางฉบับละ ถ้าพระเจ้าทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์

r ในพระองค์ หมายถึงพระเจ้า พระบิดา ซึ่งจะประทานพระสิริรุ่งโรจน์แก่บุตรแห่งมนุษย์โดยนำบุตรแห่งมนุษย์มาร่วมพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ (เทียบ 17:5, 22, 24)

s การจากไป ของพระเยซูเจ้ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการที่พระองค์ทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระบิดา การจากไปของพระเยซูเจ้าสำหรับชาวยิวจะเป็นการจากไปถาวร (8:21) แต่สำหรับบรรดาศิษย์จะเป็นการจากไปเพียงชั่วคราว (14:2-3)

t เว้นแต่จะตายเสียก่อน (เทียบ ข้อ 36; 21:19, 22ฯ)

u เทียบ มธ 25:31-46 การที่พระเยซูเจ้าทรงมอบบทบัญญัตินี้ (ข้อ 34-35) ในบริบทของ “การจากไป” ของพระองค์ (ข้อ 33) รวมทั้งการกล่าวล่วงหน้าถึงการที่เปโตรจะปฏิเสธพระองค์ (ข้อ 36-38) ทำให้บทบัญญัติข้อนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เหมือนพินัยกรรมของพระองค์ แม้ว่าธรรมบัญญัติของโมเสสกล่าวถึงความรักอยู่แล้ว บทบัญญัติของพระเยซูเจ้านี้ก็ยังเป็นบทบัญญัติใหม่ เพราะพระองค์ทรงตั้งมาตรฐานไว้สูงมาก โดยทรงบอกบรรดาศิษย์ให้รักกันและกัน เหมือนที่พระองค์ได้ทรงรักเขา และเพราะว่าความรักนี้จะต้องเป็นเครื่องหมายเฉพาะของยุค “ใหม่” ซึ่งจะเริ่มขึ้นและปรากฏเด่นชัดแก่โลก เมื่อพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์

v เป็นการกล่าวล่วงหน้าอย่างคลุมเครือถึงการที่เปโตรจะตายเป็นมรณสักขี

w สำเนาโบราณบางฉบับละ พระเจ้าข้า