“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2017
สัปดาห์ที่สิบเจ็ด เทศกาลธรรมดา
มธ 13:54-58…
53เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสเรื่องอุปมาเหล่านี้จบแล้ว พระองค์เสด็จออกจากที่นั่น 54มายังถิ่นกำเนิดของพระองค์ ทรงสั่งสอนในศาลาธรรมของชาวยิว ประชาชนต่างประหลาดใจและพูดว่า “คนนี้เอาปรีชาญาณและอำนาจทำอัศจรรย์มาจากที่ใด 55เขาเป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ แม่ของเขาชื่อมารีย์ พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาหรือ

56พี่สาวน้องสาวทุกคนของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ เขาไปได้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด” 57คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิดและในบ้านของตน” 58พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ที่นั่นไม่มากนัก เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระวรสารโดยท่านนักบุญมัทธิว เล่าเรื่องพระเยซูเจ้าเทศน์สอนเรื่องพระอาณาจักรสวรรค์จบแล้ว พระองค์ประทับสอนเป็นอุปมา สอนอย่างต่อนเนื่องถึงอุปมาเจ็ดเรื่องอย่างที่เราได้ไตร่ตรองกันมาก่อนหน้านี้แล้ว... มัทธิวบทที่ 13 จบลงด้วยเรื่องเล่าถึงพันธกิจต่อไป... พ่ออยากให้พี่น้องสังเกตว่า พระเยซูเจ้าในพระวรสาร มีสองอย่างที่ทรงกระทำ คือ
o ทรงเทศน์สอน ประกาศ “พระวาจา” Word
o ทรงกระทำ “พันธกิจ” ควบคู่ไปกับการเทศน์สอน Works of Deeds

• พระวารสารจะเล่าเรื่อง “การประกาศพระวาจา และควบคู่กับกิจการ” เสมอๆมา โดยเราอ่านมาตลอด แต่วันนี้พ่ออยากให้เราได้แยกแยะให้ชัดเจนว่ามีสองอย่างคู่กันจริงๆ

• ตลอดเวลาในชีวิตของพระเยซูเจ้า และพระองค์เป็นที่ยอมรับเสมอในกิจการอัศจรรย์มากมาย ทรงรักษาผู้เจ็บป่วยมากมายด้วยทุกโรคภาย ทรงให้กำลังคนง่อย พิการในรูปแบบสารพัด และทรงขับไล่ปีศาจจำนวนมากมายจริงๆที่รบกวนชีวิตประชาชน... กิตติศัพท์ ของพระองค์แผ่นขยายกระจายไปทั่วอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ คำสอนของพระองค์ก็เป็นที่น่าทึ่งเหลือเกินในอุปมา ในคำสั่งสอนในรูปแบบต่างๆ

• พระวาจาวันนี้เล่ามาถึงการที่ทรงเสด็จกลับมาถึงบ้านเมืองเล็กๆที่พระองค์เติบโตมา และแน่นอนตั้งแต่เด็ก พระองค์ก็เป็นเด็กชายเยซูในเมืองนาซาแร็ธ และคงเข้าออกศาลาธรรม (ศูนย์กลางของนาซาแร็ธ) เป็นประจำ เป็นที่รู้จักของใครต่อใคร.. และทุกคนก็รู้ว่าเจ้าเด็กน้อยเยซูเป็นลูกมารีย์ กับยอแซฟ... อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ดีๆอีกทีสิครับจะเห็นภาพการโจษจันวิจารณ์และไม่ยอมรับ หรือสะดุดใจที่จะรับ
o “พระองค์เสด็จออกจากที่นั่นมายังถิ่นกำเนิดของพระองค์ ทรงสั่งสอนในศาลาธรรมของชาวยิว ประชาชนต่างประหลาดใจและพูดว่า “คนนี้เอาปรีชาญาณและอำนาจทำอัศจรรย์มาจากที่ใด (มีคำโจษจัน และสะดุดในใจหลายประการ...)
1. เขาเป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ
2. แม่ของเขาชื่อมารีย์ พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาหรือ
3. พี่สาวน้องสาวทุกคนของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ เขาไปได้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด”
o คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์

• อ่านมาถึงตรงนี้ พ่อก็เห็นบรรยากาศในศาลาธรรมที่นาซาแรธทันที วันนั้น พระองค์ที่มีชื่อเสียงมากๆ มากจริงๆ มากกว่าบรรดาประกาศกใดๆในอดีต มากกว่าทุกคนในประวัติศาสตร์ของเมืองเล็กๆห่างไกลความเจริญเช่น “นาซาแร็ธ” เป็นเมืองชาวยิวเล็กๆ สังคมปิดๆ ประมาณการของนักวิชาทางโบราณคดีคาดกันว่า... เมืองนาซาแร็ธสมัยพระองค์ทรงพระเยาว์และเติบโตนั้น มีประชากรไม่น่าจะเกินหนึ่งพันคนเท่านั้นอย่างมากที่สุด ไม่เกินแปลว่าไม่ถึงพัน ซึ่งอาจหมายถึงไม่กี่ร้อยคน ไม่กี่ครอบครัว และในสภาพที่ชาวยิวมีลูกมากๆใช้ได้ในอดีตกาล บางทีอาจไม่ถึงเจ็ดสิบหลังคาเรือน และที่สำคัญ ชาวยิวเป็นญาติวงศ์วานกันทั้งหมู่เหล่าครับ “พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดา... พี่สาวน้องสาวทุกคนของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ”
o ประโยคนี้ที่ทำให้พี่น้องที่ปฏิเสธเรื่องความเชื่อในพรมจรรย์ของแม่พระเลือกมาใส่กันเต็มเหนี่ยว... เน้นว่าพระเยซูมีพี่น้องชายหญิงอีกหลายคนจากแม่มารีย์...
o ตรงนี้หลงไปเลย เพราะคำว่าพี่น้องในหมู่ชาวยิวเขาเรียกกันทั้งวงศ์วาน... ญาติกันก็เรียก “พี่น้อง” พี่น้องกันทั้งหมู่บ้านเลย... แบบคนไทยญวณหรืออีสานบ้านเรา... (พ่อบวชมายังมีพี่น้องเต็มหมู่บ้านเจ้าเจ็ดเลย เรียงญาติเจอกัน เรียกพี่น้องกันหมด)

• แต่ประเด็นปัญหาของพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นที่ยอมรับเหลือเกินทั่วแคว้นกาลิลีและแม้แต่กิตติศัพท์ที่ไปถึงยูเดีย...และฟาโน้นของแม่น้ำจอร์แดน... พระคัมภีร์ชัดเจนที่สุด..
o แต่ แต่ แต่ มาสะดุดที่นาซาแร็ธนี่เอง บ้านที่พระเยซูเจ้าทรงเติบโตมา อันที่จริง ชาวยิวจำนวนหนึ่งก็ไม่เคยยอมรับพระองค์ตลอดมาในพระวรสาร
o ถ้าอ่านอย่างครบถ้วน สังเกตดีๆ โดยเฉพาะชาวฟาริส ซัดดุสี บรรดาธรรมาจารย์ ผู้ทรงเกียรติในศาสนาและสังคม ไม่ค่อยเคยยอมรับพระองค์อยู่แล้ว และเราก็รู้ว่า พวกนี้หาทางกำจัดพระองค์มาโดยตลอด... วางแผนเล่นงาน ใส่ร้าย และวางแผนฆ่าด้วย...
o เหตุผลสำคัญที่สุด เพราะเรื่องเดียว เรื่องเดียวจริงๆคือ “ความอิจฉา” ที่อำนาจศาสนาของพวกตนที่ “หากินกันมาเคร่งกันมาแบบเพื่อตนเอง เก็บซ่อนความเท็จหมดเม็ดทางศาสนาและสังคม เพราะความเห็นแก่ตัวและฐานะทางสังคมกำลังถูกบันทอนจาก... “ความจริง” “องค์ความจริง”

• พระวรสารวันนี้ ทำให้เราเห็นว่า บรรดาธรรมจารย์ ฟาริสี สะดุดที่จะยอมรับพระองค์เพราะพวกเขาเหมือนเป็นเจ้าของศาลาธรรม พวกเขารู้ถึงเทือกเถาเหล่ากอของพระเยซูเจ้า พวกเขายากที่จะยอมรับ และอันที่จริง ที่นาซาแร็ธนี้ ประชาชนเคยโกรธพระองค์เคยคิดจะผลักพระองค์ตกจากหน้าผาของเมืองนาซาแร็ธด้วย...ศาสนาที่มีเรื่องของอำนาจ เรื่องของสิ่งที่เรียกว่า “อำนาจทางศาสนา” ก็เป็นแบบนี้
o บรรดาธรรมาจารย์และฟาริสี หรือผู้มีอำนาจทางศาสนาบ่อยครั้งก็เป็นเช่นนี้ ยากที่จะยอมรับคนอื่น หรือคิดว่าตนเองมีอำนาจทางศาสนาหรืออำนาจในการเป็นเจ้าของสิทธิอำนาจมากกว่าใครๆ ยากที่จะยอมรับคนอื่นๆ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของอำนาจแบบที่เคยๆเห็นก็มักจะเห็นว่า อำนาจทางศาสนา อำนาจการสอน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส บ่อยๆ ก็เป็นอย่างนี้ เกจิอาจารย์ คนคงแก่เรียน มีอาวุโส บ่อยครั้งก็มักจะถูกจัดว่าเป็นผู้มีอำนาจ มีความถูกต้องสูงสุด... ซึ่งบางทีก็ยากที่จะยอมรับผู้น้อยได้...

• ไม่แปลกที่สิ่งนี้เกิดกับพระเยซูเจ้าที่บ้านเมืองของพระองค์... ตามที่พระวรสารย้ำว่า “คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์”

• แต่พี่น้องที่รัก... พ่อทึ่งกับความจริงของพระเยซูเจ้าและความจริงที่พ่อได้พบในพระคัมภีร์และอยากจะสรุปวันนี้
o พระเยซูเจ้าเองทรงเป็นผู้ที่ถ่อมพระองค์ ถ่อมตนที่สุด ถึงกับมาจากพระเจ้าสูงสุดมาสู่ความเป็นมนุษย์ต่ำต้อยและโตมาในเมืองเล็กๆ ชื่อนาซาแร็ธ เกิดจากหญิงพรมจารีย์ที่แสนต่ำน้อยและเล็กน้อยคือมารีย์ พระแม่ที่ได้ตอบทูตสวรรค์กาเบรียลว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า”
o พระเยซูเจ้าเองทรงสอนเราให้ต้อนรับ “เด็กเล็กๆ” หลายอย่างในศาสนาหลายศาสนาถือว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก แต่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ในศาสนา แต่พระเยซูเจ้าสอนว่า “การต้อนรับเด็กเล็กๆ คือการต้อนรับพระองค์” และทรงสอนว่า “ผู้ได้ไม่ต้อนรับพระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆจะไม่ได้เข้าพระอาณาจักรของพระเจ้าเลย”
o พระเยซูสอนเราให้เลือกเดินในหนทางแห่งความถ่อมตน เลือกเดินเข้าประตูแคบ และศาสนาของเราได้ย้ำว่า “การกระทำความดีแก่ผู้เล็กน้อยคนหนึ่งเท่ากับกระทำต่อพระองค์เอง”

• สรุป ความยิ่งใหญ่ของความเชื่อ ศาสนาของพระเยซูคริสตเจ้า คือ ความอ่อนน้อม สุภาพ ถ่อมตน ไม่ได้ยิ่งใหญ่ตามแบบโลก ไม่ใช่อำนาจมากมายตามแบบผู้ใหญ่ฝ่ายโลกเลย แต่เป็นการยอมสละความยิ่งใหญ่แบบโลก มารับสภาพความสุภาพถ่อมตนและอ่อนโยน

• พี่น้องครับ วันนี้ พ่อคิดว่า คำสอนดีมากสำหรับเราคือการเปิดใจ รับฟัง ยอมรับ และพร้อมจะรับฟังแม้เสียงเล็กๆของเด็ก ของผู้ยากไร้ หรือคนเล็กน้อย จริงๆนะครับ ศาสนาของเราเป็นแบบนี้ครับ คนที่เป็นใหญ่ต้องรับใช้ ถ่อมตนจริงๆ น่ารักจริงๆ นะครับ.. ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก