“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2017
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา
ยน 16:12-15…
12เรายังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกท่าน
แต่บัดนี้ท่านยังรับไว้ไม่ได้


13เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา
พระองค์จะทรงนำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล
พระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง
แต่จะตรัสทุกสิ่งที่ทรงได้ฟังมา
และจะทรงแจ้งให้ท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
14พระองค์จะทรงให้เราได้รับพระสิริรุ่งโรจน์
เพราะพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอนที่ทรงได้รับจากเรา
15ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วย
ดังนั้น เราจึงบอกว่า
พระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอนที่ทรงรับจากเรา”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล” นี่คือคำสัญญาของพระเยซู “พระจิตแห่งความจริง” ผู้ที่มีพระจิตเจ้า ต้องเจริญชีวิตในความจริงเสมอ “ความจริง” วันนี้พ่อคิดว่า พ่ออยากกล่าวถึง “ความจริง” กันหน่อยครับ... เพราะพระจิตเจ้าแห่งความจริงจะนำเราไปสู่ความจริงทั้งมวล

• ถ้าพ่อต้องเขียนถึงความจริง พ่อจะเขียนอะไรดีหนอ...
o พ่อคงต้องเริ่มต้นที่ประสบการณ์จึงจะสามารถอธิบายได้ถึงความจริง ความจริงมีหลักหลายหลักที่ต่างยืนยันความจริง.. หลักที่ปัจจุบันใช้กันมาก หรือหลักที่กระแสโลปัจจุบันหยิบยื่นให้เรากันมาก มีหลายหลากหลักการ
o พ่อเสนอให้เราได้ไตร่ตรองพิจารณากันครับ เจ้าพวกหลักต่างๆเหล่านี้คือสิ่งที่พ่ออยากกล่าวถึงหน่อยครับ เจ้าสี่หลักการนี้ และอื่นๆอีกที่เป็นหลักการมากมาย... ซึ่งแต่ละหลักการก็อ้างอิ่ง เกี่ยวเนื่องกันมากๆ และกระแสเหล่านี้แรงมากๆ มันไหลเข้ามาพร้อมกันกับกระแสโลก ที่พ่อเรียกบ่อยๆว่า “กระแสโลภ” หลักการเหล่านี้มันช่างเกี่ยวข้องกันและส่งผลกระทบต่อกันจริง พ่อคงต้องยกตัวอย่างบ้างเพื่อความเข้าใจครับ...

1. หลักวัตถุนิยม (Materialism) หมายความว่า วัตถุเป็นใหญ่ในการตัดสินความจริง ความจริงขึ้นกับวัตถุที่มีมากๆ ยิ่งมีมาก มีล้นฟ้า ก็ยิ่งเรียกว่า นี่คือความยอดเยี่ยม นี่คือความจริง คนแสวงหาวัตถุและพยายามจะมีวัตถุในครอบครองให้มากที่สุด วัตถุสำคัญกว่าชีวิต สำคัญกว่าเพื่อนมนุษย์ สำคัญมากๆ พ่อไม่ได้อธิบายรายละเอียดหลักการของวัตถุนิยม แต่กล่าวง่ายๆคือการนิยมวัตถุสิ่งของมากเกินไป ความมีสำคัญกว่าความเป็น สิ่งของสำคัญกว่าชีวิต และหลักนี้กลายเป็นมาตรการในการตัดสินความจริง จริงไม่จริง ขึ้นกับสิ่งของที่มี... ประเภทว่า คนมีมาก มีสิ่งของมากมาย กลับถูกมองว่าเป็นคนดีมีวาสนาเสมอ..

2. หลักบริโภคนิยม (Consumerism) หลักของกระแสโลกที่มุ่งให้มี ซื้อหา ซื้อมา มีไม่พอ ยิ่งที่ยิ่งต้องมี... หาซื้อมาให้ได้มากที่สุด ช้อปๆๆๆ ถ้าได้ซื้อ ได้บริโภค หรือได้กินมากๆ ก็แปลว่ายอดเยี่ยม ดีจริง พ่อรู้ว่ามีหลายสิ่งที่กล่าวถึงได้ในสังคมเราที่มองดูสิ่งที่บริโภคใช้สอยซื้อหากัน... มื้ออาหารที่คุยกันว่าแสนจะแพง... เครื่องดื่ม เหล้า แชมเปญ ขวดละเป็นหมื่น เป็นแสน หรือแม้แต่หลายๆ แสนก็มีมากจริงๆ นี่คือความจริง และยิ่งได้บริโภคก็ยิ่งรู้สึกว่านี่คือความจริง การบริโภคที่ไม่มีคำว่าเกินความจำเป็นเพราะรู้สึกว่า นั่นคือความจริงและจำเป็นต้องบริโภค ไม่รู้จบจริงๆ

3. หลักปัจเจกนิยม (Individualism) ปัจเจกนิยม คือ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกจริงๆ ตนเองสำคัญที่สุด ถ้าตนคิดต้องถูก ตนชอบต้องถูก ถ้าตนเองรัก ก็แปลว่าใช่ จริง และถูก ปัจเจกนิยม คือ นิยมที่นเองเป็นหลักจริงๆครับ... นี่สิ่งที่ทำให้เราเห็นว่า ปัจเจกนิยมนั้นคือการมองตนเองเลือกตนเองเป็นหลักการจนบ่อยครั้งยากที่จะเปิดใจ และยอมรับ “คนอื่น” จะเรียกว่า เป็นอาการ “เห็นแก่ตัว” มากๆ มากจริงๆ ถ้าเน้นที่ตนเองมาก และไม่สนใจความต้องการของคนอื่นเลย

4. หลักสัมพัทธ์นิยม (Relativism) สัมพัทธ์นิยมนี่คือปัญหาใหญ่ของที่รวบรวมและเหมือนกับเป็นผลสรุปมวลรวมของวัตถุนิยม บริโภคนิยม และปัจเจกนิยม หลักการสามประการนี้นำมาซึ่งความรุนแรงด้วยสัมพัทธ์นิยม กล่าวคือ การไม่มีหลักอะไรสำคัญที่เป็นหลักการสากล ขึ้นกับตนเอง ขึ้นกับวัตถุและความต้องการ สามารถเรียกได้ว่า “มันก็แล้วแต่” ฉันจะมี จะกิน ฉันจะอยากได้ ฉันจะอยากโกง ฉันจะซื้อ ฉันจะทำ ผิดไหม ผิดหรือไม่ “มันก็แล้วแต่” ถ้าฉันมี ฉันกิน ฉันใช้ ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับใคร ถูกผิด มันก็แล้วแต่...จริงๆ

• ตัวอย่างเช่น... ถ้าเราจะซื้อรถราคาคันละสี่สิบห้าสิบล้าน ซื้อบ้านเป็นร้อยล้าน เราจะถือกระเป๋าใบละหลายล้าน เราจะซื้อแล้วซื้ออีกเป็นสิบเป็นร้อยใบ... ก็ของฉัน ฉันอยากได้ ไม่เห็นเป็นไร ของฉัน มันก็แล้วแต่ ก็ฉันชอบ... นี่คือหลักการที่เข้ามาแทรกซึมอยู่ในชีวิตของคนในสังคมขอเรา... บ่อยครั้ง เราก็รัก ศรัทธา บูชา อะไรต่อมิอะไรมากมาย ทั้งๆ ที่มันไม่ได้มีความมั่นคงถาวรเลย แต่มันก็ยั่วยวนอยากได้อยากมีอยากรวยจนถึงอยากโกง... ก็เป็นไปเช่นนั้น..

• พ่ออยากสรุป... ครับ อะไรคือ “ความจริงจริงๆ” และความจริงจริงๆ นั้นปกติต้องดีจริงๆด้วยเช่นกันไหมหนอ... พ่อคิดว่าพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสกับเรา “เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล”... พ่อสรุปโต้งๆเลยได้ไหม พระจิตแห่งความจริง คือ...
o ความจริงแท้ต้องเริ่มที่ “จิต” (พระจิต) ไม่ใช่วัตถุกระมังครับ พ่อมั่นใจว่า ความจริงนั้นสูงส่งกว่าวัตถุนิยม สุงส่งกว่าบริโภควัตถุนิยม
o ความจริงแท้ต้องเริ่มที่ “พระเจ้า” (พระจิตเจ้า) พระเจ้าทรงเป็นจิตครับ ทรงความดีสูงสุด ทรงความรักสูงสุด ทรงเป็นความรักนิรันดรและถาวรที่สุด และที่สำคัญมาก พระเจ้าของเรา ทรง “ออกจากพระองค์เอง” ออกจาตนเอง จากพระเจ้ามาเป็นมนุษย์ สละความเป็นพระเจ้ามาเป็นมนุษย์ และยอมรับความต่ำต้อยแห่งความตายและไม้กางเขน... พระองค์ไม่ทรงเป็นปัจเจกนิยม แต่ทรงนิยมและรักมนุษย์ทุกคนจริงๆ
o ความจริงแท้ ต้องเป็นหลักของความจริงทั้งมวล “พระองค์จะทรงนำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล” พ่อยอมรับว่าถ้ามีพระเจ้าทุกอย่างก็เพียงพอ ถ้ามีพระเจ้า ก็เต็มเปี่ยมและเพียงพอสำหรับทุกคน...

• พี่น้องที่รัก... พ่อมั่นใจว่า สิ่งที่เรียกว่ “นิยมๆ ทั้งหลาย” คือวัตถุนิยม บริโภคนิยม ปัจเจกนิยม และสัมพัทธ์นิยม หลักการเหล่านี้อิงกับตนเองและสิ่งของรอบข้าง เป็นกระแสโลก และผลของกระแสโลภและความเห็นแก่ตัวอย่างที่พ่อกล่าวถึงจริงๆ การยึดกับนิยมเหล่านี้พลาดจากความจริงที่ต้องร้องว่า “ยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง” นะครับ แต่ไม่ง่ายที่จะเข้าใจถ่องแท้และหันกลับเช่นกัน กระแสโลกมันช่างน่าหลงใหลได้ปลื้มเสมอจริงๆ ครับ... พ่อรู้ครับว่าไม่ง่าย แต่เรามนุษย์มีปรีชาญาณและจิตวิญญาณที่สูงกว่าวัตถุ มีพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องที่เสมอภาคและสูงส่งน่าเคารพด้วยเช่นกัน

• พี่น้องที่รัก... กระแสโลก กระแสหลักการต่างๆ ทั้งหลาย... พ่อรู้ว่าแรงของเราไม่พอครับ...เราต้องการพระจิตแห่งความจริง
o พระเจ้าเป็นจิต ความจริงแห่งความคิดและความรักหรือปรีชาญาณก็เป็นจิต เอาเป็นว่า อย่าปล่อยให้วัตถุพาเราไปไกลนักเลยครับ ชีวิตสำคัญกว่าวัตถุ... ยิ่งกว่านั้น
o เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกจริงไหมครับ และก็ไม่อยู่ค้ำฟ้าด้วย.. ...แต่เรามีพี่น้องรอบข้างมากมายที่เหมือนเรา หรือเยี่ยมกว่าเรา... อย่าปล่อยให้ปัจเจกคือตัวเราพาเราให้หลงไปไกลจนไม่เห็นใครๆในสายตานะครับ...

• ให้เราวิงวอนขอพระจิตเจ้าแห่งความจริง ได้โปรดสอนใจเรา และเนรมิตแผ่นดินแห่งจิตใจของเราขึ้นใหม่ ให้อยู่สูงกว่ากระแลโลกและความโลภเห็นแก่ตัว แต่เป็นจิตใจที่มีผลของพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม มีความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง (กท 5:22f) อยู่เสมอนะครับ

• อ่านพระวาจามาถึงวันนี้... เราพบได้ว่า ปีศาจมันเคยบอกว่า “โลก สรรพสิ่ง ความมั่งคั่งร่ำรวย อาณาจักร ล้วนเป็นของมัน” (เทียบ ลก 4:6) นี่คือสิ่งที่เราได้สัมผัสในพระวรสาร “ข้าพเจ้าจะให้อำนาจและความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแก่ท่าน เพราะสิ่งเหล่านนี้เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะมอบให้ผู้ใดก็ได้ตามปรารถนา”
o “To you I will give all this authority and their glory; for it has been delivered to me, and I give it to whom I will. If you, then, will worship me, it shall all be yours." (Luk 4:6-7 RSV)”
o ปีศาจมันยืนยันว่าความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นของมัน ถ้าบูชามัน มันจะให้ตามใจมันเลย
o เราจะเลือกพระจิตเจ้า หรือเราจะเลือกข้อเสนอที่ปีศาจมันหยิบยื่นให้....

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก