“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 29 มีนาคม 2017
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
ยน 5:17-30…
17แต่พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่า “พระบิดาของเราทรงทำงานอยู่เสมอ เราก็ทำงานด้วยเช่นกัน” 18เพราะคำยืนยันนี้ ชาวยิวยิ่งพยายามจะฆ่าพระองค์ให้ได้ เพราะพระองค์ไม่เพียงแต่ละเมิดวันสับบาโตเท่านั้น แต่ยังทรงเรียกพระเจ้าเป็นพระบิดาของพระองค์อีกด้วย ซึ่งเป็นการทำตนเสมอพระเจ้า


19พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า
“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
พระบุตรไม่ทำสิ่งใดตามใจของตน
แต่ทำเฉพาะสิ่งที่ได้เห็นพระบิดาทรงกระทำเท่านั้น
เพราะสิ่งใดที่พระบิดาทรงกระทำ พระบุตรก็ย่อมกระทำเช่นเดียวกัน
20เพราะพระบิดาทรงรักพระบุตร
และทรงแสดงให้พระบุตรเห็นทุกสิ่งที่ทรงกระทำ
และจะทรงแสดงให้พระบุตรเห็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก
เพื่อให้ท่านทั้งหลายรู้สึกประหลาดใจ
21พระบิดาทรงทำให้ผู้ตายกลับคืนชีวิต และประทานชีวิตให้ฉันใด
พระบุตรก็ประทานชีวิตให้แก่ผู้ที่พอพระทัยฉันนั้น
22เพราะพระบิดาไม่ทรงพิพากษาผู้ใด
แต่ทรงมอบการพิพากษาทั้งหมดให้พระบุตร
23เพื่อทุกคนจะได้ถวายพระเกียรติแด่พระบุตร
ดังที่เขาถวายพระเกียรติแด่พระบิดา
ผู้ที่ไม่ถวายพระเกียรติแด่พระบุตร
ก็ไม่ถวายพระเกียรติแด่พระบิดาผู้ทรงส่งพระบุตรมา
24เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่ฟังวาจาของเรา
และมีความเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ก็ย่อมมีชีวิตนิรันดร
และไม่ต้องถูกพิพากษา แต่เขาได้ผ่านจากความตายเข้าสู่ชีวิตแล้ว
25เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
เวลานั้นกำลังจะมาถึง และขณะนี้ก็กำลังเริ่มแล้ว
เมื่อผู้ตาย จะได้ยินพระสุรเสียงของพระบุตรพระเจ้า
และผู้ที่ได้ยินแล้วจะมีชีวิต
26เพราะพระบิดาทรงมีชีวิตในพระองค์ฉันใด
พระองค์ก็ประทานให้พระบุตรมีชีวิตในพระองค์เองฉันนั้น
27พระบิดาได้ประทานให้พระบุตรมีอำนาจพิพากษา
เพราะพระบุตรทรงเป็นบุตรแห่งมนุษย์
28ท่านทั้งหลายอย่าแปลกใจในเรื่องนี้เลย
เพราะถึงเวลาแล้วที่ทุกคนในหลุมศพจะได้ยิน
พระสุรเสียงของพระบุตรและจะออกมา
29ผู้ที่ได้ทำความดีจะกลับคืนชีวิตมารับชีวิตนิรันดร
ส่วนผู้ที่ทำความชั่ว ก็จะกลับคืนชีวิตมารับโทษทัณฑ์
30เราทำอะไรตามใจของเราไม่ได้
เราได้ยินมาอย่างไร เราก็พิพากษาอย่างนั้น
และคำพิพากษาของเราก็ถูกต้อง
เพราะเรามิได้แสวงหาที่จะทำตามใจของเรา
แต่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระเยซูเจ้าทรงสอนเรา ทำให้เรา รู้จักรพระบิดา พระองค์เรียก “พระบิดา” พระวรสารนักบุญยอห์นวันนี้เป็นถ้อยคำของพระเยซูเจ้าที่ทรงตรัสถึง “พระบิดา” เป็นบันทึกพระวรสารแบบบทเพลงหรือพระดำรัสที่ตรัสเพียงผู้เดียว ทรงกล่าวถึงพระบิดาของพระองค์ มีบางประเด็นที่พ่ออยากนำมาเสนอเป็นข้อคิดและไตร่ตรองวันนี้... ประเด็นสำคัญมากๆที่พ่อได้พบและตั้งใจนำมาแบ่งปันในวันนี้คือพระเยซูเจ้ายืนยันว่า พระองค์ไม่ได้ทำอะไรตามใจพระองค์เอง แต่ทรงทำตามพระประสงค์ของพระบิดา ประเด็นนี้สะท้อนในคำสอนของพระเยซูเจ้าวันนี้ชัดเจนครับ
o “พระบุตรไม่ทำสิ่งใดตามใจของตน แต่ทำเฉพาะสิ่งที่ได้เห็นพระบิดาทรงกระทำเท่านั้น” (ข้อ 19)
o “เราทำอะไรตามใจของเราไม่ได้ เราได้ยินมาอย่างไร เราก็พิพากษาอย่างนั้น และคำพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเรามิได้แสวงหาที่จะทำตามใจของเรา แต่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา” (ข้อ 30)

• พี่น้องที่รัก “พระประสงค์ของพระบิดา”
o ที่ภาษาเดิมเราเรียกว่า “น้ำพระทัยของพระบิดา” พ่อคิดว่าวันนี้เรามาไตร่ตรองเรื่อง “พระประสงค์ของพระเจ้า” ให้ชัดเจนครับ (The Will of the Father) พ่อมักจะเขียนและสอนเสมอว่า “พระประสงค์ของพระองค์ ไม่ใช่ตามใจหรือความประสงค์ของเรา” พระประสงค์ของพระเจ้าต้องเป็นใหญ่ ไม่ใช่ตามใจของเรา...
o พ่อมักจะเขียน “Your WILL not my will” พ่อตั้งใจเขียนคำว่า WILL ด้วยตัวอักษรใหญ่ เพื่อจะเน้นว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่สำคัญ ไม่ใช่ความประสงค์ของเราที่พ่อเขียนด้วยตัวอักษรเล็ก will ในภาษาอังกฤษ เพราะอันที่จริง ชีวิตของเรา ต้องมุ่งตามน้ำใจ หรือกล่าวง่ายๆคือ “ตามใจพระเจ้า อย่าตามใจตัวเราเอง” ตามพระประสงค์ของพระเจ้าสำคัญที่สุด

• พ่อคิดว่าสิ่งที่พ่อต้องเน้นวันนี้คือ “ตามใจพระเจ้ากันมากๆได้ไหม” แล้วทุกอย่างจะยอดเยี่ยม แต่ถ้าเราตามใจตัวเองกันนะครับ ยุ่งจริงๆนะครับ พระเยซูเจ้าสอนเราในเรื่องสำคัญคือ “เพื่อทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน” พระองค์มุ่งสอน “ความรักและความเป็นหนึ่งเดียว” พ่อขอกล่าวถึงเรื่องนี้หนักๆหน่อยนะครับ พ่อมีประสบการณ์จากการเทศน์สอนของพ่อโดยพระคัมภีร์ครับ
o พ่อมีโอกาสไปเทศน์เข้าเงียบบ่อยๆ และดูเหมือนว่า พ่อถูกเรียกร้องให้เทศน์อบรมเป็นพิเศษ สำหรับพระสงฆ์ นักบวช ครูตามโรงเรียน ฯลฯ พ่อเคยได้รับการทาบทามให้ไปเทศน์เพื่อให้หมู่คณะ หรือสภาวัด ฯลฯ โดยเน้นมากับพ่อเสมอว่า อยากให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆ ให้รักกัน ไม่แตกแยก หรือที่แตกแยก หรือไม่ถูกกัน ทะเลาะกัน ก็ขอให้พ่อเทศน์ให้พวกเขาได้หันกลับมารักกัน มาเป็นหนึ่งเดียวกัน
o พ่อยอมรับครับ เรามีปัญหาเรื่องความแตกแยกอยู่ไม่น้อย พระสันตะปาปาฟรังซิสก็เน้นย้ำแรงเหลือเกินกับพวกเราคริสตชน หมู่คริสตชนของเราให้เราเลิกเล่นการเมืองในหมู่เรา เลิกเถอะการเมืองหรือการแบ่งพรรคพวกในหมู่เรา... พระสันตะปาปาเน้นในคำสอนเรื่องความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร (Evangelii Gaudium) ทั้งหมดนี้เป็นความจริงครับ แต่ความแตกแยกล่ะมีอยู่จริงไหม???

• พ่อขอกล่าวถึงประสบการณ์หน่อยครับ..
o ความจริงที่พ่อได้เรียนรู้ตลอดชีวิตคริสตชนของพ่อ ตลอดชีวิตสามเณรและชีวิตสงฆ์ของพ่อ... มีหลายประเด็นที่พ่อได้รับประสบการณ์จริงๆ ครับ

• ความแตกแยกมีอยู่จริงไหม
o การทะเลาะแตกแยก โกรธกัน ไม่คุยกัน หรือกลั่นแกล้ง ทำร้ายทำลายกันมีอยู่จริงไหม?? พ่ออยากจะยกมือสองข้างแบมือข้างตัว ยกไหล่ ยักหน้าเลิกตาขึ้น และจีบปากจีบคอแบบวัยรุ่นและร้องว่า “ก็ไม่รู้สิ” จริงๆ รู้หมด เห็นมาหมด ได้ยินมาเยอะ ประสบการณ์ทางอ้อม ทางตรงมาตลอดชีวิต...
o พ่อได้ยินมามาก เห็นมาเยอะ...จริงๆ แม้แต่พวกเราพระสงฆ์ เราก็อ่อนแอด้วย เจ้าวัดกับปลัดไม่ค่อยลงรอยกัน ก็มีอยู่เนืองๆ ไม่รักกัน ไม่คุยกันหรือคุยกันไม่ได้... ต้องทานข้าวกันคนละเวลา แยกเวลาทาน สงสารแม่บ้านที่ต้องจัดสองเวลา สามเวลา ฯลฯ มีอยู่จริงๆไหม???
o พ่อคิดว่าเราโตพอจะพิจารณาสิ่งที่เป็นอยู่ กับสิ่งที่ควรจะเป็นได้ดีกว่า... เราต้องไตร่ตรองกันให้ลึกซึ้งและพ่อคิดว่า เราพระสงฆ์ต้องเริ่มก่อน บรรดาพระสังฆราชด้วยเช่นกัน เอกภาพ ความเป็นหนึ่งเดียว ความเคารพให้ความแตกต่างด้วยความรัก แต่มีเอกภาพเสมอจริงๆ “ความเป็นหนึ่งเดียวแท้จริง” คือ คำถามจริงที่เราต้องไตร่ตรอง

• ดูสังคมนักบวช นักพรต... พวกเขาก็เรียกร้องพ่อให้เน้นในการเทศน์เรื่องความเป็นหนึ่งเดียวเช่นกัน ความแตกแยกเรามีไหม??? การแบ่งพรรคพวก ในหมู่นักบวชมีไหม...บางทีในบ้านเดียวกันเราก็ไม่ถูกกันด้วยบ้าง... คนของเรา คนของอธิการ คนของสมาชิก เจ้าหน้าที่ พนักงาน ก็พลอยแบ่งพรรคแบ่งพวก พาลทำร้ายกันด้วยคำพูดด้วยกิจการที่ไม่ดีต่อกัน ครูของโรงเรียนก็แบ่งพวกกันตามพวกเรา... และก็ใช้โอกาสเบียดเบียนเบียดบังกันไป พังหมดเลย “ความเป็นหนึ่งเดียว” สำคัญนะครับ แต่เรามีความยากลำบากและมีความแตกแยกกันอยู่ไหมหนอ???

• สังคมชุมชนวัด... สัตบุรุษก็เช่นกัน มีความแตกแยกไหม... พ่อได้ยินเสมอ บ้านเหนือบ้านใต้ บ้านบนบ้านล่าง หน้าวัดลังวัด หน้าป่าช้าหลังป่าช้า บางทีและบ่อยๆเราก็แตกกัน ทะเลาะกัน ทั้งๆที่เรามาวัดด้วยกัน แสดงความเป็นมิตรต่อกัน รับศีลมหาสนิทด้วยกัน... แต่ก็แตกแยกกัน แตกนามสกุลหรือตระกูลกัน แบบที่เรียกว่าไม่น่าเลย แม้ไม่เป็นคริสตชนก็ไม่ควร ไม่น่า แต่ก็เป็นไปได้เหมือนกัน... ทะเลาะกัน เกลียดกัน ไม่พอยังสอนลูกสอนหลานให้ไม่คบหาสมาคมกัน ไม่ยุ่งกัน เกลียดกันไปยาวนานแสนนาน.. ไม่น่ารักเลยจริงๆ การเมือง การวัด ในหมู่เราคริสตชน คณะ องค์กร ฯลฯ
o ยังมีอีกเยอะครับ พอเท่านี้แหละครับ

• พี่น้องทีรักครับ... พ่อเคยเทศน์เสมอว่า แปลนะที่เรานับถือพระเจ้าเดียวกัน พระบิดาเดียวกัน พระเยซูเจ้าพระผู้กอบกู้เราองค์เดียวกัน แต่เรากลับแตกแยกกันบ่อยๆ...
o พ่อมักจะบอกว่า ถ้าเรานับถือพระเท็จเทียมแล้วเราแตกแยกกันก็ไม่แปลหรอกครับ ไอ้พระเท็จเทียมตัวแสบทำให้เราไม่ยอมรับคนอื่นง่ายๆ ทำให้เราแตกแยกกันได้ง่ายๆ ทำให้เราตามใจตัวเองที่สุด...
o เคยมีคนถามพ่อว่าพระเท็จเทียมตัวร้ายที่ทำให้คนเรารักแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัว สร้างความแตกแยก ไม่ยอมรับคนอื่น... เจ้าพระเท็จเทียมตัวนี้คืออะไร คือพระเท็จเทียมไหน...
o พ่อจะตอบกว่า “อยากเห็นไหมเจ้าพระเท็จเทียมตัวแสบที่คนเราแต่ละคนมักบูชาไม่มีปล่อย ยึดไว้แน่น” พ่อจะกล่าวต่อไปว่า “ถ้าอยู่รู้จักพระเท็จเทียมตัวนี้ ให้เราไปดูกระจกเงาครับและเราจะพบกับเจ้าพระเท็จเทียมองค์นั้นที่เรายึดมั่นถือมั่นบูชาไม่มีปล่อย” นั่นคือตัวเราเอง การเอาแต่ใจตัวเอง ยึดความคิดตนเองเป็นใหญ่และเป็นที่ตั้งเสมอ ตัวนี้แหละที่ทำให้คนเราดื้อแพ่งเสมอ...ก่อความแตกแยกมิได้หยุดยั้งเลยจริงๆ

• พี่น้องที่รักครับ ถ้าเราอยากเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกแยก ถ้าเราอยากที่จะรักษาความเป็นหนึ่งเดียว และรักษาเอกภาพ รักษาความรักแท้ให้หมู่เรา ในครอบครัวเรา ในครอบครัวพระสงฆ์ นักบวช ชุมชนวัด
o ถ้าเราอยากเป็นหนึ่งเดียวกัน... ง่ายมากครับ “เลิกเอาแต่ใจตัวเอง เลิกนึกถึงตัวเองกันบ้าง” ไม่เอาแต่ใจตัวเอง my will และเริ่มเลือกพระประสงค์ของพระเจ้า WILL of GOD เป็นหลักด้วยกันทุกคน ณ พระประสงค์ของพระเจ้า “เราเป็นหนึ่งเดียวกันทันที เราจะเลิกนับถือพระเท็จเทียมมานับถือพระเจ้าเที่ยงแท้ พระเจ้าพระบิดาที่เราได้รับการเปิดเผยทางพระเยซูเจ้า เพราะพระเยซูเจ้าก็ทำทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระบิดา...
o ถ้าเราเลือกดำเนินชีวิตในบัญญัติแห่งความรักของพระเจ้าจริงๆ ถ้าเราเลือกรักพระเจ้าและเลิกเอาแต่ใจตัวเอง เลิกบูชาพระเท็จเทียมคือความเห็นแก่ตัวจริงๆ... เราจะทำให้เกิดสันติสุข ความสุข การแบ่งปันความรักความเมตตา และความสุขแท้จะเกิดขึ้นทุกวัน มากขึ้นทุกวันในหมู่เรานะครับ...

• ขอพระเจ้าอวยพร อย่าลืมว่า พระเท็จเทียมตัวสำคัญคือ “การเอาแต่ใจตนเอง” นะครับ ดังนั้น ให้เรารักพระเจ้า ให้เราวางใจในพระเจ้าเที่ยงแท้เสมอ
o ขอให้เรารักพระองค์ เลือกทำตามพระประสงค์ของพระองค์
o และเมื่อเราเลือกพระองค์จริงๆ รักพระองค์จริงๆ เราจะคิดถึงตัวเองน้อยลง และเอาแต่ใจตัวเองน้อยลง
o ขอให้ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและกับเพื่อนพี่น้องจะเกิดขึ้น เติบโตขึ้นเสมอครับ... ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก