“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 18 มกราคม 2017
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา
มก 3:1-6…

1พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมอีกครั้งหนึ่ง ที่นั่นมีชายมือลีบคนหนึ่ง 2ประชาชนบางคนคอยจ้องมองดูว่า พระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่ เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ 3พระองค์ตรัสสั่งชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” 4แล้วตรัสถามคนทั้งหลายว่า “ในวันสับบาโตนั้น ควรทำความดีหรือความชั่ว ควรจะช่วยชีวิตหรือปล่อยให้ตายไป” คนเหล่านั้นก็นิ่งอยู่

5พระองค์จึงทอดพระเนตรเขาเหล่านั้นด้วยความกริ้ว เศร้าพระทัยเพราะจิตใจหยาบกระด้างของเขา แล้วตรัสสั่งชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือซิ” เขาก็เหยียดมือ มือนั้นก็หายลีบเป็นปกติ 6ชาวฟาริสีจึงออกไป และประชุมกับพรรคพวกของกษัตริย์เฮโรดทันที เพื่อปรึกษาว่าจะกำจัดพระองค์ได้อย่างไร

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• เราอ่านพระวาจาจากพระวรสารนักบุญมาระโกมาตลอดเลยในช่วงนี้ เป็นความพยายามของมาระโกที่เสนอพระเยซูผู้เป็นพระอาจารย์ของเราบรรดาศิษย์ และพระองค์สอนและทรงรักษาประชาชนมากมาย มีประเด็นกับบรรดาฟาริสีและธรรมาจารย์มาโดยตลอดเพราะพวกเขาขัดแย้งกับพระเยซูเจ้าบ่อยมากๆในเรื่องวันสับบาโต...
• เรื่องกฎหมายหรือกฎเกณฑ์และธรรมบัญญัติ เราอ่านเรื่องนี้กันอย่างต่อเนื่องมา แต่ประเด็นสำคัญคือเรื่อง “สับบาโต” ที่เน้นกันนักจนบ่อยครั้งผลตามมาคือ
o พวกฟาริสีและธรรมจารย์กลายเป็นพวกคลั่งกฎหมาย จนลืมกฎแห่งความรัก จนขาดความรัก ไม่ได้ปฏิบัติความดีแห่งความรักเอาเสียเลย
o บ่อยครั้งเรื่องเล็กน้อยก็มีประเด็น ถกเถียง ตำหนิ ติเตียน กันมากมายเหลือเกิน เรียกว่าคอยจับผิดตำหนิติเตียนพระเยซูกับบรรดาศิษย์ คอยจ้องจับผิดเพื่อบอกว่าผิดบัญญัติของโมเสส และคอยแต่ตำหนิและลงโทษตามบัญญัติของโมเสส
o พ่อจะบอกอย่างไรดี พี่น้องก็เห็นๆในพระคัมภีร์ นิสัยของบรรดาธรรมจารย์และฟาริสี ชอบนัก ตำหนิ ติเตียน กล่าวหา และเป็นที่ถกเถียงกันมากเหลือเกินจริงๆ
o พ่อสรุปเลยก็แล้วกันว่า “บ่อยครั้งการเคร่งครัดกับกฎเกณฑ์มากมายจนกระทั่งชีวิตจิตใจและการปฏิบัติในชีวิตหรือกิจการนั้น “ลีบ” ไปหมด” พ่อขอเรียกว่านี่เป็นอาการ “ลีบ” คือ ใจลีบ ใจแคบ มือลีบ กิจการต่างๆ ก็ลีบไปหมดนั่นเอง

• พี่น้องที่รัก... วันนี้เรื่องราวในศาลาธรรม “ชายมือลีบ” เขาได้พบพระเยซูเจ้า และเป็นวันสับบาโตอีกแล้ว บรรยากาศในศาลาธรรมวันนั้น “พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมอีกครั้งหนึ่ง ที่นั่นมีชายมือลีบคนหนึ่ง ประชาชนบางคนคอยจ้องมองดูว่า พระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่ เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์”
o ชายคนนั้นมือลีบ เขาไม่สามารถใช้มือ “ยืนออกไปได้” คือมือไม่สามารถยื่นออกจากตนเองไปหาผู้อื่นเพื่อประกอบกิจการดีใดได้เพราะ “มือลีบ”นั่นเอง...
o แต่บรรดาฟาริสี หรือประชาชนบางคนคอยจ้องมองดูว่า พระองค์จะรักษา (กระทำความดีช่วยเหลือ) หรือไม่ เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ ก็เพราะเป็นวันสับบาโตอีกนั่นเองพ่อจะขอเรียกคนเหล่านี้ที่เคร่งครัดเอาแต่กฎเกณฑ์แบบนี้ว่า พวก “ลีบ” ใจลีบ ใจปิด จนกิจการลีบไปหมด แบนแต๊ดแต๋ไร้เนื้อหนังมังสาหรือไร้หัวใจ ไม่ยื่นมือออกไปให้ความช่วยเหลือ
o พ่อคิดว่า คนเหล่านี้ในศาลาธรรมมีอาการมากกว่ามือลีบ คือ ใจแคบ และใจลีบด้วยมากกว่าครับ...

• พ่อกำลังถามตนเอง แบบไหนจะแย่กว่ากัน ระหว่าง
1. คนมือลีบคนนั้นที่เดินเข้ามาในศาลาธรรมต่อหน้าพระเยซู
2. คนในศาลาธรรมที่จ้องจับผิดแบบและมือลีบใจลีบไม่คิดจะช่วยเหลือหรือ จ้องจับไม่ให้พระเยซูเจ้ารักษา

• พระวรสารเล่าเรื่องราวต่อไปอย่างน่าสนใจ... พระเยซูเจ้าไม่พอพระทัยจริงๆกับลักษณะของพวกเขา...
• “พระองค์ตรัสสั่งชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” แล้วตรัสถามคนทั้งหลายว่า “ในวันสับบาโตนั้น ควรทำความดีหรือความชั่ว ควรจะช่วยชีวิตหรือปล่อยให้ตายไป” คนเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ พระองค์จึงทอดพระเนตรเขาเหล่านั้นด้วยความกริ้ว เศร้าพระทัยเพราะจิตใจหยาบกระด้างของเขา”
o เราเห็นความใจหยาบกระด้างของพวกเขา ไม่ตอบ เพราะรู้ทั้งรู้ว่า ในวันสับบาโตควรทำดี ไม่ใช่ทำชั่ว ควรช่วยชีวิตไม่ใช่ปล่อยให้ตาย
o พ่อคิดว่าคำพูดของพระเยซูเจ้าตรงดี ชัดเจนที่สุด พิสูจน์ความถูกต้องของวันสับบาโตที่แท้จริงเราทุกคนก็ตอบได้แน่ๆ
o พระเยซูเจ้าตรัส.... “ในวันสับบาโตนั้น ควรทำความดีหรือความชั่ว ควรจะช่วยชีวิตหรือปล่อยให้ตายไป” เราก็ตอบกันได้ชัดเจนใช่ไหมครับ...

• “พระองค์จึงทอดพระเนตรเขาเหล่านั้นด้วยความกริ้ว เศร้าพระทัยเพราะจิตใจหยาบกระด้างของเขา”
o ก็น่าเศร้าจริงๆ น่าโกรธจริงๆ กับความลีบด้านจิตใจ และความกระด้างของจิตใจของพวกเขา
o พ่อคิดว่าพระวรสารวันนี้ทำให้เราได้เห็นว่า ควรเหลือเกินแก่กันที่พระองค์จะตำหนิ กริ้วและเศร้าพระทัย การที่สามารถทำความดี สามารถช่วยชีวิต มีจิตใจเมตตาและกระทำกิจการเมตตาได้ แต่กลับปฏิเสธที่จะกระทำ ทำดีได้แต่กลับไม่ยอมทำ พ่อขอเรียกว่า “การละเลย” ซึ่งไม่ดีเลย และ
o สำหรับศาสนาของเรา “บาปละเลย” การละเลยเป็นบาป จำไว้ว่าไม่ใช่เพียงการทำความชั่วเท่านั้นที่เป็นบาปนะครับ แต่การละเลยทำความดีที่ควรทำสำหรับศาสนาของเราก็ถือว่าเป็นบาปเช่นกัน และพ่อคิดว่านี่เป็นอาการลีบฝ่ายจิตจริงๆ และน่าเสียใจ น่าเศร้า และน่าตำหนิ ลีบจนกระทั่งไม่ยื่นมือออกไปกระทำความดีที่ทำได้เพื่อชีวิตและเพื่อความดี

• ถึงเวลาที่เราต้อง ไม่มือลีบ ไม่ใจลีบ ถึงเวลาที่เราต้องปฏิบัติตามพระวาจาของพระเยซูเจ้าจริงๆครับ พระวาจาที่ว่า “จงเหยียดมือซิ”
o พี่น้องที่รัก ขอให้เราพร้อมจะเหยียดมือออก ยื่นมือออก และปฏิบัติตามกฎหรือวัฒนธรรมแห่งความรักเมตตาจริงๆ
o ถึงเวลาเปิดใจให้กว้าง ไม่ใจลีบ ใจแคบ หรือใจปิดเลยนะครับ
o คริสตชนต้องใจกว้างมากๆ เมตตาไม่สิ้นสุด... ต้องพร้อมช่วยเหลือและต้องไม่ละเลยนะครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก