“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2016

สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา

อสย 38:1-6,21-22……………..
1สมัยนั้น กษัตริย์เฮเซคียาห์ประชวรหนักจนเกือบจะสิ้นพระชนม์ ประกาศกอิสยาห์ บุตรของอามอส เข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ ‘จงจัดเรื่องในบ้านให้เรียบร้อย เพราะท่านจะต้องตาย ท่านจะไม่หาย’” 2กษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงผินพระพักตร์เข้าข้างฝา อธิษฐานทูลพระยาห์เวห์ว่า 3“ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงระลึกเถิดว่าข้าพเจ้าได้ดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างซื่อสัตย์และจริงใจ ทำตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าถูกต้อง” แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงพระกันแสงอย่างหนัก


4พระยาห์เวห์ตรัสสั่งประกาศกอิสยาห์ว่า 5“จงไปทูลกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า ‘พระยาห์เวห์ พระเจ้าของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษของท่านตรัสดังนี้ เราได้ยินคำอธิษฐานและเห็นน้ำตาของท่านแล้ว เราจะต่ออายุให้ท่านอีกสิบห้าปี 6เราจะช่วยท่านและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และจะปกป้องเมืองนี้
21ประกาศกอิสยาห์สั่งว่า “จงนำผลมะเดื่ออัดมาวางไว้บนพระยอด แล้วพระองค์จะทรงหายประชวร” 22กษัตริย์เฮเซคียาห์ตรัสถามว่า “มีเครื่องหมายใดบอกเราว่าเราจะขึ้นไปที่พระวิหารของพระยาห์เวห์ได้”
7ประกาศกอิสยาห์ทูลตอบว่า “พระยาห์เวห์จะประทานเครื่องหมายนี้ให้เห็นว่าจะทรงทำตามที่ทรงสัญญาไว้ 8ดูซิ เราจะทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดบนขั้นบันไดที่ขึ้นไปบนดาดฟ้าของกษัตริย์อาหัสแล้วถอยหลังกลับไปสิบขั้น” ดวงอาทิตย์ก็ถอยหลังกลับสิบขั้นจากที่ได้ทอดเงาบนบันไดไปแล้ว

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “อธิษฐานภาวนา อธิษฐานภาวนา อธิษฐานภาวนา”

• วันนี้ขอเทศนาเรื่อง “การอธิษฐานภาวนา” คำว่าอธิษฐานภาวนา ภาษาอังกฤษ คำว่า “Pray” ใช้ในปลายศตวรรษที่ 13 ความหมาย คือ
o การขอร้องอย่างหนักหน่วง
o การร้องขออย่างจริงใจ
o การภาวนาร้องขอต่อพระเจ้าหรือบรรดานักบุญ
o ความหมายของการอธิษฐานในพระคัมภีร์
1. การอธิษฐานภาวนาเป็นความตั้งใจ
2. ตั้งจิตปรารถนาที่จะติดต่อกับพระเจ้า และมุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่ง
3. เมื่อเราเชื่อในองค์พระเยซูคริสตเจ้าแล้ว
4. และในเมื่อเราแต่ละคนเป็นบุตรของพระบิดาเจ้า เราย่อมมีความสัมพันธ์กับพระบิดาในการพูดคุย สนทนา ฟังเสียงของพระองค์ผ่านทางการอธิษฐานภาวนาอย่างแน่นอน....

• คำถามสำคัญคือ “ทำไมต้องอธิษฐาน” มีเหตุผลที่สนับสนุนการภาวนาดังต่อไปนี้....

• เป็นคำสั่งของพระเจ้า จากพระวาจาของพระองค์ พระคัมภีร์สั่งให้เราอธิษฐาน (1ธส.5:17 “จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ” พระเยซูเจ้าเองก็สอน สั่ง ให้บรรดาศิษย์ภาวนาไม่หยุดหย่อน) อันที่จริง การที่เราต้องภาวนานั้นสื่อความจริงแก่เราว่า....
o เป็นการยอมรับว่าเราอ่อนแอและต้องการความช่วยเหลือ เพราะว่ามีหลายเรื่องที่เกินกว่าความสามารถของเรา
o เราต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า เพราะพระองค์มีความสามารถ พระองค์ทรงอานุภาพยิ่งใหญ่ในการช่วยเหลือกอบกู้เรา
o ดังนั้นถ้าจะสรุปจริงๆ ถึงการภาวนาของเราต่อพระเจ้านั้น อันที่จริงมีความหมายลึกมากๆว่า
1. เป็นการยอมรับสิทธิอำนาจของพระเจ้า โดยให้เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำพระทัยพระเจ้า
2. ในฐานะบุตรของพระเจ้า จึงเป็นสิทธิที่เราจะอธิษฐานขอการช่วยเหลือจากพระเจ้า เราสามารถร้องขอพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของเรา การภาวนาจึงเป็นความสามารถจริงของเราซึ่งเป็นบุตรของพระองค์
3. เราต้องการการช่วยเหลือให้พ้นจากการประจญ เราต้องการความช่วยเหลือให้รอดพ้นจากความโน้มเอียงให้ตกในบาป ให้เราไม่แพ้ต่อการประจญล่อลวง เหมือนลูกเล็กสามารถอธิษฐานเพื่อให้รอดพ้นจากการประจญให้ตกในบาป หรือในการกระทำที่ไม่ดีในแง่ต่างๆ

• เราภาวนาเพื่อชีวิตเราจะเกิดผลและชิดสนิทกับพระเจ้า เหมือนกิ่งองุ่นที่ติดอยู่กับเถา หรือติดกับลำต้น นั่นคือชีวิตของเราสนิทกับพระเจ้า และเราจะเกิดผลดีมากมาย (ยน.15:1-7)

• เราภาวนาเพื่อขอรับพระพรพิเศษ เพื่อความเติบโตและเจริญก้าวหน้า อาศัยพระพรและการช่วยเหลือของพระเจ้า ให้พระองค์นำทางเราและช่วยเหลือเราให้เติบโต (โยบ 8:6-7)

เราจะอธิษฐานขออย่างไร?
1. เราเริ่มต้นภาวนาด้วยการสรรเสริญพระเจ้า สรรเสริญความยิ่งใหญ่และความดีของพระเจ้า สรรเสริญเพราะพระองค์ควรแก่การสรรเสริญตลอดไป
2. เราขอบพระคุณพระเจ้า สำหรับชีวิต สำหรับพระพรนานาประการที่พระเจ้าประทานให้เรา โดยพระคุณแห่งการรู้จักและรักพระองค์ พระคุณแห่งการเป็นพระบิดา เป็นพระเจ้าของเรา เราต้องขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่งที่พระเจ้าประธานให้แก่เราเสมอมา
3. การสารภาพความผิดบาป การขอโทษพระองค์สำหรับความอ่อนแอ ความบกพร่องของเรา หรือความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตที่เราอาจจะห่างจากพระองค์ เราอาจได้ละเมิดความรักของพระเจ้า ละเมิดความรักและความดีของเพื่อนพี่น้อง เราสำนึก เราเสียใจ และเราวางใจ เราต้องการประกาศความเสียใจ และความสุภาพถ่อมตนของเราเอง
4. สุดท้าย เรา “วอนขอ” วอนของจากพระเจ้า ขออย่างเจาะจงกับพระเจ้าในเรื่องที่เรามนุษย์ลูกของพระเจ้า เราต้องการในสิ่งที่เราขาด เราไม่สามารถ เกินกำลังขอเรา เราขอในสิ่งที่เกินกำลังของเรา เกินกว่าการเยียวยาตามธรรมชาติของเรา เพราะเราเชื่อในพระพรเหนือธรรมชาติของพระเจ้า... เราวอนขอเมื่อเราต้องการร้องขอในยามที่เราขาดจริงๆ เราขาดความสามารถ ขาดความเป็นไปได้... เราจึงหันหน้าเข้าพึ่งพระเจ้า เข้าพึ่งความช่วยเหลือของพระเจ้า ในสิ่งที่เราไม่สามารถพึ่งตนเองจริงๆ

• การอธิษฐาน คือ การพูดคุยกับพระเจ้าโดยคำพูดของเราเอง

• การอธิษฐานไม่ใช่การฝึกสมาธิ หรือการตั้งจิตปรารถนาให้เป็นไปตามความตั้งใจของเรา และ

• การอธิษฐานก็ไม่ได้เป็นเพียงแต่เป็นการการทูลขอสิ่งต่างๆ จากพระเจ้าเท่านั้น

• แต่การอธิษฐานภาวนาแท้จริงนั้น เมื่อเราสรรเสริญ ขอบพระคุณ ขอโทษ และวอนขอนั้น ทั้งหมดในการภาวนาเป็นการประกาศ “ความสัมพันธ์ระหว่างเรามนุษย์กับพระเจ้า”

• ดังนั้น
1. การอธิษฐานเปรียบเสมือนลมหายใจของเรามนุษย์
2. เป็นตัวจริงของเรา
3. เป็นชีวิตของเรา
4. เราต้องหายใจเข้าออกตลอดเวลาเพื่อจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ฉันใด เราก็ต้องอธิษฐานอยู่ตลอดเวลาเพื่อเราจะมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าฉันนั้น
5. ดังนั้น ไม่ว่าเราจะทำอะไร อยู่ที่ไหน เราก็สามารถคุยกับพระเจ้าได้ตลอดเวลาในชีวิตของเรา
6. ชีวิตและลมหายใจคือการสรรเสริญและอธิษฐานภาวนาถึงพระเจ้าตลอดเวลา
7. แท้จริงการภาวนาคือชีวิตจิตใจของคริสตชนทุกคน

• วันนี้พ่อเสนอเรื่องการภาวนาเพื่อความเจ้าใจและเห็นคุณค่าของการภาวนาแท้จริง เพราะว่า บ่อยครั้งเมื่อพวกเราเริ่มภาวนา เราก็เริ่มด้วยการ... ขอ ขอ ขอ และก็ขอ

• เราอาจลืมไปว่า อันที่จริง
1. การภาวนาคือการยืนยันว่าเรามีชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า และ
2. การภาวนามีประสิทธิภาพมากมายในการสนทนากับพระเจ้า และ
3. การภาวนาเป็นโอกาสที่เราจะได้รับพระพรจากพระเจ้า “ตามพระประสงค์” ของพระองค์....

• ทำไมวันนี้พ่อเทศน์สอนเรื่องการภาวนาหรือ... เหตุลผลเพราะพระคัมภีร์วันนี้เราได้เห็นพลังของการภาวนาจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราอ่านอิสยาห์ที่หนึ่ง และในบูชาขอบพระคุณประจำวัน วันนี้เราได้อ่านได้ฟังพระวาจาจากประกาศอิสยาห์นี้ เป็นหนังสือประกาศกอิสยาห์บทที่ 38 น่าอ่านมากครับ
o เป็นการหันหน้าเข้าเพื่อขอร้องและขอพึ่งพระเจ้า ขอพระพรจากพระเจ้า ในยามที่ไม่น่าจะรอดแล้วของกษัตริย์เฮเซคียาห์เมื่อทรงประชวรหนัก
o เฮเซคียาห์ได้หันหน้าในสภาพที่ตนป่วยหนักจริงๆ และได้รับการประกาศว่าจะไม่รอดจากความตายเพราะความเจ็บป่วยนี้... “กษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงผินพระพักตร์เข้าข้างฝา อธิษฐานทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงระลึกเถิดว่าข้าพเจ้าได้ดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างซื่อสัตย์และจริงใจ ทำตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าถูกต้อง” แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงพระกันแสงอย่างหนัก” ทำให้พระเจ้าโปรดปรานและประทานความช่วยเหลือ นี่คือความน่าทึ่งของการภาวนาสุดจิตใจ...
o ที่สุด พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณา พระองค์ตรัสว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานและเห็นน้ำตาของท่านแล้ว เราจะต่ออายุให้ท่านอีกสิบห้าปี เราจะช่วยท่านและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และจะปกป้องเมืองนี้”

• ที่สุด นอกจากบทอ่านส่วนที่กล่าวถึงคำภาวนาของกษัตริย์เฮเซคียาห์แล้ว นอกจากน้ำตาของกษัตริย์ที่พระเจ้าทรงเมตตาแล้ว

• พ่อขอส่งท้าย โดยให้อ่านอีกส่วนที่ไม่มีในบทอ่านในมิสซามาให้อ่านด้วย คือ บทเพลงสรรเสริญขอบพระคุณพระเจ้าของเฮเซคียาห์ ในยามหายป่วย

• คำสรรเสริญนี้น่าอ่านจริงๆ น่าไตร่ตรองจริงๆ อ่านนะครับ และขอให้ชีวิตของเรา เข้าใจการภาวนาจริงๆ และให้การอธิษฐานภาวนาเป็นลมหายใจของเราคริสตชนจริงๆเสมอไปนะครับ

• ขอพระเจ้าอวยพรครับ พ่อภาวนาให้พระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ

“บทเพลงสรรเสริญพระเจ้าของกษัตริย์เฮเซคียาห์”
10ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าจะต้องจากไป
เพียงเมื่อยังอยู่ในวัยกลางคน
ข้าพเจ้าจำต้องอยู่ที่ประตูแดนมรณะ
ตลอดเวลาชีวิตที่ยังเหลืออยู่ของข้าพเจ้า

11ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้เห็นพระยาห์เวห์
ในแผ่นดินของผู้เป็นอีกแล้ว
ข้าพเจ้าจะมองไม่เห็นมนุษย์แม้แต่คนเดียวอีก
ในหมู่ผู้อาศัยบนแผ่นดิน
12ชีวิตของข้าพเจ้าถูกถอนและทิ้งไปไกลจากข้าพเจ้า
เหมือนกระโจมของผู้เลี้ยงแกะ
ชีวิตของข้าพเจ้าถูกม้วน
เหมือนอย่างคนทอผ้าม้วนและตัดผ้าออกจากหูก
จากเช้าจรดค่ำข้าพเจ้าคิดว่าพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงจุดจบ

13ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ จนรุ่งเช้า
พระองค์ทรงหักกระดูกทั้งสิ้นของข้าพเจ้าเหมือนอย่างสิงโต
จากเช้าจรดค่ำข้าพเจ้าคิดว่าพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงจุดจบ
14ข้าพเจ้าร้องอย่างนกนางแอ่น
ข้าพเจ้าคร่ำครวญอย่างนกพิราบ
ดวงตาของข้าพเจ้ามองขึ้นเบื้องบนจนเหนื่อยอ่อน
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ากำลังถูกข่มเหง
โปรดเสด็จมาช่วยเหลือข้าพเจ้าเถิด

15ข้าพเจ้าจะพูดได้อย่างไร จะทูลอะไรแด่พระองค์
เพราะพระองค์ทรงทำเช่นนี้แล้ว
ข้าพเจ้าก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความขมขื่นใจ
16ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ใจข้าพเจ้าวางใจในพระองค์
โปรดประทานชีวิตแก่จิตของข้าพเจ้า
โปรดทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายและคืนชีวิตแก่ข้าพเจ้าเถิด
17บัดนี้ความขมขื่นของข้าพเจ้าเปลี่ยนเป็นความสุขสบาย
พระองค์ทรงช่วยชีวิตของข้าพเจ้า
ให้พ้นจากความพินาศซึ่งเป็นเสมือนขุมลึก
เพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงบาปทั้งหมดของข้าพเจ้าไปทางเบื้องหลังของพระองค์

18ไม่มีใครในแดนมรณะขอบพระคุณพระองค์ได้
บรรดาผู้ตายสรรเสริญพระองค์ไม่ได้
บรรดาผู้ที่ลงไปในเหวลึก
จะหวังในความซื่อสัตย์ของพระองค์ไม่ได้

19ผู้มีชีวิต ผู้มีชีวิตเท่านั้นขอบพระคุณพระองค์ได้
ดังที่ข้าพเจ้ากำลังทำอยู่ในวันนี้
บิดาจะแสดงให้บุตรของตนรู้ถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์

20ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
ข้าพเจ้าทั้งหลายจะดีดพิณสรรเสริญพระองค์
จะขับร้องในพระวิหารของพระยาห์เวห์
ทุกวันตลอดชีวิตของข้าพเจ้าทั้งหลาย

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก