“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2016
วันเสาร์ในอัฐมวารปัสกา

กจ 4:13-21….
13เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นว่าเปโตรและยอห์นพูดอย่างกล้าหาญ ทั้งรู้ว่าทั้งสองคนไม่เคยได้รับการศึกษา และไม่มีความรู้พิเศษใด ๆ ก็ประหลาดใจและระลึกได้ว่าทั้งสองคนเคยอยู่กับพระเยซูเจ้า 14เมื่อเห็นคนที่หายจากโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร 15จึงสั่งให้ทั้งสองคนออกไปนอกห้องประชุม แล้วเริ่มปรึกษากันว่า 16”เราจะทำอย่างไรกับทั้งสองคนนี้ดี” เพราะเขาทำการอัศจรรย์เด่นชัด ทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มรู้ว่าเขาทำเครื่องหมายอัศจรรย์นี้อย่างเปิดเผย เราไม่อาจปฏิเสธได้ 17แต่เราต้องขู่เขา อย่าให้กล่าวถึงนามนั้นแก่ผู้ใด เพื่อเรื่องนี้จะได้ไม่เล่าลือแพร่หลายไปในหมู่ประชาชนมากยิ่งขึ้น”


18เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นเข้ามา สั่งอย่างเด็ดขาดมิให้พูดหรือสอนในพระนามของพระเยซูเจ้าอีก 19เปโตรและยอห์นย้อนถามว่า “ท่านทั้งหลายจงตัดสินเถิดว่าอะไรเป็นการถูกต้องเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าจะฟังท่านหรือจะฟังพระเจ้า 20เราจำเป็นต้องพูดถึงสิ่งที่เราได้เห็นและได้ยินมา” 21ที่ประชุมขู่สำทับทั้งสองคนอีกครั้งหนึ่งแล้วปล่อยไป เพราะไม่พบสาเหตุที่จะลงโทษและเพราะกลัวประชาชน ทุกคนต่างถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• พ่อจำแผนอภิบาลของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย 2010-2015 ซึ่งพ่อเป็นคนยกร่างเองด้วย และพระศาสนจักรไทยได้ประกาศไว้ มีเนื้อหาข้อใหญ่ใจความที่พ่อจะต้องคัดมาให้อ่านในการขึ้นต้นเพื่ออธิบายไตร่ตรองพระคัมภีร์วันนี้ครับ ความว่า....

• “พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ต้องกล้าเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดีด้วยชีวิต ทุกขณะจิต ทุกเวลา โอกาส สถานที่ ถึงความรักมั่นคงและความเมตตาของพระเจ้า” (แผนอภิบาลฯ 2012-2015 ข้อ 38)
o พ่อจำแผนอภิบาลฉบับนี้ได้ดีจริงๆ เพราะพ่อมีส่วนอย่างมากในการยกร่างแผนนี้ตั้งแต่แรกจนจบครับ
o พ่อจำได้ว่าเมื่อมาถึงข้อที่ 38 เรื่องงานธรรมทูตที่ยกมาข้างต้นนี้ กว่าพ่อจะได้คำว่า “ต้องกล้า” คำนี้มานั้นต้องบอกว่า เวลานั้นในการประชุมสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ที่พ่อไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องหรอกครับ เป็นเด็กรับใช้ยกร่างสิ่งที่ประชุมสัมมนากันมาและให้พ่อไปเป็นเด็กรับใช้พวกท่านเพื่อยกร่างแผนทิศทางในฉบับนี้...พ่อจำได้ว่า... เลือดตาแทบกระเด็น...
o พ่อจำได้ว่าเมื่อเรายกร่างเสร็จแล้ว เราต้องนำเสนอต่อสภาพระสังฆราชฯ และวันนั้น พ่อเป็นผู้นำเสนอเองทีละข้อๆ อ่านให้พวกท่านฟังไปพร้อมกับพร้อมกับคำอธิบายและชี้แจ้งถ้ามีข้อซักถามหรือข้อสงสัย... เพื่อขอความเห็นชอบและการรับรอง

• เราเป็นกรรมการยกร่างและเป็นผู้ยกร่างมากับมือ เมื่อพ่ออ่านไปที่ละข้อพร้อมกับให้เหตุผลอธิบายต่อหน้าบรรดาพระสังฆราชทั้งสิบของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย

• พ่อจำได้ว่าเวลานั้น พ่อเหมือนคนที่ตัวหดเหลือเล็กนิดเดียว แม้ตัวจริงจะใหญ่ทางกายภาพใช้ได้เลยก็ตาม แต่ทว่า...เมื่ออยู่ในสภาพระสังฆราชฯ ต่อหน้าบรรดาพระสังฆราชทั้งสิบในเวลานั้น พวกท่านทุกองค์ของเราก็เมตตา รับฟัง และพิจารณากันอย่างหนักเป็นชั่วโมงๆ

• พ่อจำได้ว่า เมื่อเสนอมาถึงข้อ 38 พ่ออ่านให้ฟัง... และมีคำว่าพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย “ต้องกล้า”

o ข้อนี้ถูกหยุดอยู่ชั่วขณะ มีคำถามว่า ทำไมต้องใส่คำว่า “ต้องกล้าเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดี” เพียงแต่ใช้คำว่า “ต้องเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดี” เท่านั้นไม่พ่อหรือ???
o ครับขณะนั้น เหมือนโลกหยุดหมุนสำหรับพ่อเมื่อพระคุณเจ้าบางท่านแย้งและถามเป็นประเด็น พ่อหย่อนตัวหดลงไหลไปกับเก้าอี้เล็กน้อยเพื่อให้พวกท่านได้คุยกัน เพราะได้มีการถกกันอย่างกว้างขวางของบรรดาพระคุณเจ้าของเราว่า จำเป็นต้องมีคำว่า “กล้า” หรือไม่

• ครับมีหลากหลายความคิด พระคุณเจ้าบางองค์บอกว่าไม่จำเป็น บางท่านบอกว่าดีแล้ว บางท่านเงียบ... และบางท่านก็ชี้มาที่พ่อและถามพ่อว่าทำไมต้องเน้นคำว่า “กล้า” เขาถามพ่อถึงเหตุผลว่าทำไมต้องใส่คำว่า “กล้า” ลงไปด้วย...

• ในใจพ่อนะจะทำอย่างไรดีหนอ เรามีเจตนาที่จะให้พระศาสนจักรคาทอลิกไทยเราต้องถึงเวลา ต้อง
o กล้าหาญในการประกาศข่าวดี
o ต้องกล้าเป็นประจักษ์พยานจริงๆนี่นา...

• มีการถกกันอยู่ยาวนานพอสมควร พ่อเองก็ให้เหตุผลหลายอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าคำนี้จำเป็นจริงๆ... พ่อจำได้ว่า พ่อแทบจะตกเป็นจำเลยที่กำลังถูกสอบสวนเจตนาและเหตุผลและหาความจริงจากพ่อ... เงียบและปล่อยให้พวกท่านถกกันเองเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่พ่อเป็นเหมือนกำลังถูกตรวจสอบ หรือประหนึ่งกับลังสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก เพราะอาจารย์คือพระสังฆราชทั้งสิบทีเดียว... สู้ครับ สู้สุดชีวิต... ต้องกล้าสิ เพราะจำเป็นต้องกล้าหาญ...

• ที่สุด พ่อเรียนบรรดาพระคุณเจ้าว่า อันที่จริงที่ยกร่างและใส่คำนี้เพราะเห็นว่า

o จากนี้ไปเราต้องเอาจริง พวกเราคริสตชนคาทอลิกไทยต้องกล้าจริงกับการเป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตทุกขณะจิต ทุกเวลา ทุกสถานที่ ต้องกล้าเป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้า...

• ที่สุด พ่อก็กล้าหาญใจดีสู้พระคุณเจ้าทั้งหลายและพ่อสรุปว่า “ที่ผ่านมา เราคาทอลิกไม่ค่อยมีความกล้าหาญในเรื่องนี้ครับ...” และเป็นความจริงว่า เราต้องการความกล้าหาญที่จะประกาศข่าวดี ที่ต้องดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานอย่างจริงจังเต็มที่

• แผนอภิบาลนี้ต้องตรงกับความต้องการกับปัจจุบันอย่างมาก.... แม้จนถึงปัจจุบันนี้ เวลาที่พ่อเขียนนี้ก็ยังไม่ค่อยกล้ากันก็ตาม แต่อย่างน้อยแผนอภิบาลได้ยืนยันว่าเราต้องกล้าแล้ว... พูดเสร็จแล้วก็ไหลตัวลงไปกับเก้าอีกให้ตัวเองที่กล้าขึ้นมาเมื่อสักครู่รอรับผลที่จะตามมา... ไม่กลัวครับเพราะ “เขียนแล้วก็เขียนแล้ว แต่ถ้าจะให้ลบคำว่า “กล้า” ออกไปก็จะลบครับ แต่จะกล้าลบกันหรือ”

• ที่สุด พ่อจำได้ว่า พระคุณเจ้าประธานสภาพพระสังฆราช... ได้สรุปว่า “เก็บคำนี้ไว้ดีแล้วตามที่เขายกร่างมา เพราะอันที่จริง ที่ผ่านมาเราก็ไม่ค่อยกล้าจริงๆ”

• ครับ สรุปว่าในที่สุดในแผนอภิบาลของเราเราได้คำนี้มากปรากฏในแผนอภิบาลของสภาพระสังฆราชคาทอลิกฉบับดังกล่าวครับ และอันที่จริง พ่อเห็นว่า พระศาสนจักรไทยเราทันสมัยและล้ำสมัยมากๆ เพราะ ณ เวลานี้ ปีนี้ พระสันตะปาปาฟรังซิสได้เน้นให้เราสมาชิกพระศาสนจักรทั้งโลกต้อง “กล้า” อันที่จริงแผนนี้เราเขียนก่อนที่เราจะมีพระสันตะปาปาฟรังซิสหลายปีอยู่คับ ต้องถือว่า เราทันสมัยมากๆ ต้องขอบคุณพระเจ้าที่พระสังฆราชคาทอลิกในประเทศไทยได้ประกาศให้เราต้อง “กล้า” กล้าหาญเป็นประจักษ์พยานประกาศข่าวดี

• แต่หลังจากนั้นจนบัดนี้ สมัชชาฯที่ผ่านมา คำว่ากล้าหาญ กล้าเปิดขอบฟ้าใหม่แห่งการประกาศข่าวดี กลายเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและจริงๆจัง ความกล้าหาญเป็นพลังของคนที่มีความเชื่อจริงๆ ไม่ใช่หรือ ถ้าเชื่อในพระเยซูต้องกล้าประกาศ กล้าเป็นประจักษ์พยานเหมือนกับพระองค์สิครับ... กล้าหาญ ความเชื่อ ความรัก ความหวัง เกี่ยวข้องกันอย่างแยกจากกันไม่ได้เลยจริงๆนะครับ

• พ่อเล่าให้ฟังเพราะพ่อเห็นว่า ถึงเวลาหรือยังครับที่เราจะกล้าแสดงตนเป็นคริสตชนเต็มที่กล้าประกาศข่าวดีเต็มกำลังและความสามารถ
o กล้าเป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกขณะจิต ถึงเวลาแล้วไม่ใช่หรือที่เราต้อง “กล้า” ประกาศและเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้า รู้จักพระองค์ ประกาศพระองค์ ไม่กลัวใครเลยในการยืนยันถึงความจริง ความรัก ความยุติธรรม และความถูกต้องเที่ยงตรง
o ถึงเวลาหรือยังที่เราคาทอลิกจะกล้าหาญในการประกาศพระคริสตเจ้าด้วยชีวิตจิตใจ ทุกลมหายใจ
o และต้องไม่ลืมว่าเรามีพันธกิจที่จะต้องประกาศพระคริสตเจ้า....
o ไม่หยุดยั้งที่จะประกาศข่าวดี และกล้า กล้า กล้า เป็นประจักษ์พยานถึงความรักและความจริงของพระองค์....

กลับมาที่พระวาจาวันนี้ครับ

• บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้า คือ เปโตรและยอห์น ต่างไม่กลัวเลย เพราะบรรดาศิษย์ได้รู้จักพระองค์ เป็นพยานถึงพระองค์ และไม่กลัวที่จะประกาศข่าวดีถึงพระองค์ในเรื่องที่เขาได้รู้ ได้รู้จัก และได้มีประสบการณ์ชีวิตกับพระคริสตเจ้า...

• แม้เปโตรและยอห์น คือศิษย์ของพระเยซูเจ้าทั้งสองไม่ได้มีความรู้พิเศษหรือการศึกษาอบรมพิเศษ แต่พูดอย่างกล้าหาญได้
o เหตุผลสำคัญคือเพราะเป็นประสบการณ์ตรงกับพระเยซูผู้ทรงกลับคืนชีพ
o และมีประจักษ์พยานแห่งความสามารถในการรักษา เพราะมีอัศจรรย์เด่นชัดเพียงพอที่ไม่อาจปฏิเสธได้...

• แม้บรรดาสมณะและผู้ใหญ่ของศาสนา จะได้เรียกทั้งสองมาสั่งเด็ดขาดห้ามประกาศ แต่ท่านทั้งกล้าเด็กขาดเช่นกันว่าเขาทั้งสองต้องฟังพระเจ้ามากกว่ามนุษย์...

• พี่น้องครับ ความกล้าในการประกาศถึงพระคริสตเจ้าจำเป็นครับ เราต้องกล้าจริงๆ นะครับ ถ้าเรามีอัศจรรย์และมีผลงานที่น่าทึ่งเพียงพอ...

• เราคาทอลิกในประเทศไทยมีกิจการน่าทึ่งเพียงพอแล้วหรือ...
1. งานเมตตา
2. งานสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือคนด้อยโอกาส
3. งานรักษาคนเจ็บไข้ในโรงพยาบาลที่เมตตาช่วยเหลือ
4. การดูแลผู้ป่วย
5. คนชรา
6. เด็กกำพร้า....
7. และอีกมากมายที่เราพบได้ในกฤษฎีกาสมัชชาฯ 2016

• พ่อมีคำถามคือว่า พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยของเรา เราได้มีงานเหล่านี้ที่เห็นได้ว่า เป็นอัศจรรย์แห่งความรักและความเมตตาเพียงพอแล้วหรือยัง...
o ถ้ายัง ก็แปลว่า ณ ปัจจุบัน เราคงยังยากอยู่ที่จะกล้าประกาศข่าวดีเต็มที่ ทั้งนี้เพราะประจักษ์พยานของเราอาจจะยังไม่พอ...

• คำถามต่อไป คือ...
o โรงเรียนต่างๆ ที่เรามีนั้น โรงเรียนคาทอลิกของเราได้เป็นข่าวดีแห่งความรักเมตตาพอแล้วหรือ..
o องค์กรกิจกรรมคาทอลิกต่างๆ มีประจักษ์พยานแห่งความรักเมตตาจนเห็นได้ว่าเป็นอัศจรรย์แห่งความรักพอแล้วหรือ..

• คำถามเหล่านี้จะช่วยเราให้ทบทวนการประกาศข่าวดี ทบทวนความกล้า ความกล้าประกาศ ความกล้าเป็นประจักษ์พยานได้อย่างแท้จริง...

• พ่อเชื่อว่า งานประกาศข่าวดีจำเป็น ต้องกล้า กล้าเสียสละ กล้าประกาศความเมตตา กล้าลงมือเสียสละ แบ่งปันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย และเราต้องไม่กลัวว่าเราจะสามารถหมดกำลังเพื่อความเมตตา
• ไม่ต้องกลัวหมด เพราะความรักเมตตาไม่มีเหือดแห้ง... พระเจ้าจะช่วยเหลือแน่นอน...

• ดังนั้น เราต้องกล้าจริงๆ แล้วครับ... ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ ขอให้เราเป็นศิษย์ที่มีประสบการณ์ความรักของพระคริสตเจ้าที่จะแบ่งปันเสมอไปครับ...

• พระสันตะปาปาย้ำคำสอนแก่เรา ใน Evangelii Gaudium ว่า
o คริสตชนทุกคน ทุกคนจริงๆ เราทุกคนต้องรู้สึกให้ได้ถึงความจำเป็น รู้สึกจริงๆว่าต้องนำความรักของพระคริสต์ไปยังผู้อื่น และต้องทำให้เป็น “พันธกิจถาวร” ของเราทุกคน เราต้องเอาชนะความยากของปัจจุบัน คือ โลก กระแสโลก ที่หยิบยื่นปัจเจกนิยมให้กับเรา แต่เราต้องเอาชนะด้วยการออกไปเพื่อนำความรักไปจริงๆ (EG 2)
o พระสันตะปาปาเรียกร้องให้ผู้อ่านคำสอนนี้ ได้ค้นพบความสดชื่นแท้จริงที่มาจากพระวรสาร... ต้องค้นพบหนทางใหม่ที่สร้างสรรค์ โดยไม่ทำให้ข่าวดีของพระเยซูเจ้าต้องถูกเก็บเงียบไปเป็นอันขาด (EG 11)
o เราทุกคนได้รับเรียกสู่การออกเดินทางธรรมทูตครั้งใหม่ คริสตชนทุกคนและชุมชนทั้งหมด จะร่วมกันพิเคราะห์แยกแยะว่า หนทางใดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกร้องเรา อย่างไรก็ตาม เราทุกคนได้รับเชิญให้ยอมรับเสียงเรียกนี้ คือการออกจากความสะดวกสบายปลอดภัยของตนเอง และมีความกล้าหาญที่จะไปยังทุกพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างแห่งพระวรสาร (20-24)
o การฟื้นฟูนี้ พระศาสนจักรต้องไม่กลัวที่จะตรวจสอบทบทวนตนเอง เจาะลึกถึงตนเองจริงๆ ถึงธรรมเนียมชีวิตที่เป็นๆกันอยู่ ดังนั้นอะไรก็ตาม ที่ขัดหรือไม่ตรงกับหัวใจของพระวรสาร แม้หลายอย่างอาจจะหยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์แล้วก็ต้องกล้าทบทวนจริงๆ (43)
o พระสันตะปาปาฟรังซิสย้ำเตือนตรงๆ ต่อต้านท่าทีที่ยอมแพ้ของพระศาสนจักรต่อการวิกฤตที่ท้าทาย(84) และทรงเร่งรัดคริสตชน เราพระศาสนจักรต้องเป็นเครื่องหมายแห่งความหวังให้จงได้ อย่าอ่อนกำลัง อย่ายอมแพ้ (86) ที่สำคัญ ต้องนำการปฏิรูปความอ่อนโยนของพระศาสนจักรสุดกำลัง (88)

• เป็นคริสตชน ยอมแพ้กับความกลัวไม่ได้ ต้องกล้า ปรารถนาสุดกำลังจะประกาศถึงพระองค์ให้จริงจังเสมอ หงอไม่ได้ ยอมไม่ได้

• พ่อมั่นใจครับ ถ้าเราได้รู้จักพระเยซูเจ้า ถ้าเราได้รัก ได้มีความหวังและเชื่อในพระเยซูเจ้าจริงๆ เราจะไม่กลัวเลย บรรดาอัครสาวกถูกจับมาเฆี่ยน กำชับให้เลิกประกาศถึงพระเยซูเจ้า แต่ พวกเขาเลือกครับ “เลือกยำเกรงพระเจ้ามากกว่าเลือกที่จะกลัวหน้ามนุษย์”

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก