“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2016
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต 

           ในสถานที่เงียบสงบแบบทะเลทรายหน่อย (ในห้องพ่อเอง) ปิดหมดทุกอย่างและพ่อได้เริ่มอ่านพระคัมภีร์ประจำวัน พ่อพบว่าวันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรตนั้น เพราะจับใจจริงๆ พออยากเริ่มต้นด้วยการหยิบประโยคหนึ่งออกมาให้โดดเด่นก่อนจะอ่านกัน ประโยคที่พระเจ้าเรียกร้องจริงๆ ให้ “ฟัง” เสียงของพระเจ้า คือ “เชื่อฟัง” เสียงของพระเจ้า... พ่ออ่านแล้ว พ่อกลับไปสำรวจต้นฉบับภาษาฮีบรู พ่อจะยกมาให้ดูหลายๆคำแปลและภาษาต้นฉบับด้วยนะครับ จะได้จับใจกับพระวาจาของพระเจ้ากัน ในพรดำรัสของพระเจ้าที่เหมาะกับยามนี้ที่นี่ และ ณ เวลาแห่งมหาพรตครับ


• ข้อความในภาษาฮีบรู ต้นฉบับก่อนครับ “שִׁמְע֣וּ בְקוֹלִ֔י וְהָיִ֤יתִי לָכֶם֙ לֵֽאלֹהִ֔ים” อ่านว่า “ชิมอู เบอะโคลี เวอะฮายี้ตี ลาแคม เลโลฮิม” (Shim‘u beqoli wehayiti lachem le’lohim)

• ภาษาไทยเราแปลว่า “จงฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน”

• ภาษาอังกฤษคำแปล `Obey my voice, and I will be your God,

• สำหรับคนชอบฝรั่งเศส Écoutez ce que je vous dis, pour que je sois votre Dieu

• สำหรับคนชอบอิตาเลี่ยน Ascoltate la mia voce e io sarò vostro Dio

• สำหรับคนชอบลาติน audite vocem meam et ero vobis Deus

• สำหรับคนชอบเยอรมัน Hört auf meine Stimme, dann werde ich euer Gott sein,

               พ่อใส่มาหลายภาษาเพื่อเป็นของเล่นสนุกๆ สำหรับบางท่านที่อาจชื่นชอบภาษาต่างๆ นี่เป็นวิธีการของพระคัมภีร์ในการศึกษา เราต้องดูคำแปลหลายๆคำแปล หลายๆ ภาษา เพื่อจะเห็นความหลายหลากของพลังของภาษา แต่แน่นอนที่สำคัญที่สุดสำหรับภาษาที่ได้รับการดลใจในการบันทึกพระวาจาของพระเจ้าคือ ภาษาฮีบรู

              ทำไมพ่อให้ความสำคัญกับประโยคนี้ จริงๆแล้วพ่อคิดว่า “การเชื่อฟัง การฟัง” ทำให้เราเปลี่ยนแปลงและกลายแปลเปลียนเป็นไปตามตามเสียงที่เราได้ฟังครับ ประโยคนี้ทำให้เราเห็นพลังจริงๆ “ถ้าเราฟังพระเจ้าเราก็จะกลายเป็นประชากรของพระเจ้า และพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของเราจริงๆ” นะครับ

              พ่อเชื่อและศรัทธาในประโยคนี้ของเยเรมีย์จริงๆ ครับ พี่น้องอยากเป็นประชากรของพระเจ้าแท้ๆไหม อยากเป็นของจริงดังที่เราพึงเป็นคริสตชนหรือไม่ อยากได้เป็นประชากรของพระเจ้าจริงๆไหม อยากให้พระองค์เป็นพระเจ้าของเราจริงๆไหม... ถ้าต้องการเป็นเช่นนั้น... จง จง จง... เอาไปสาม “จง” คือ จง ฟังพระองค์ เชื่อฟังบัญญัติแห่งความรักของพระองค์ เชื่อฟังพระองค์สุดหัวใจสิครับ เราจะได้เป็นของพระองค์ และพระองค์จะเป็นพระเจ้าของเราแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย...

คำแปลที่แปลว่า “จงฟัง” שִׁמְע֣ו “ชิมอู” คำๆนี้ มีลักษณะพิเศษมากๆ จากรากคำ “Shema”

• ในภาษาฮีบรูนี้ใช้คำในรูปกริยาที่เป็น
o “คำสั่ง” Imperative
o และอยู่ในรูปพหูพจน์ นั่นหมายความว่าเป็นคำสั่งกำชับเด็ดขาดให้ต้องฟังสำหรับทุกคนที่เป็นประชากรของพระเจ้า

• คำแปลส่วนใหญ่ เน้น “การฟัง” ผูกอยู่กับ “ความเชื่อฟัง” หรือ “การยอมอ่อนน้อมเชื่อฟัง” ภาษาไทยของเราชัดเจนมาก คือเราอาสองคำมาติดกัน คือ “เชื่อฟัง” ดังนั้น ท่าทีสำคัญเพื่อเป็นยอมรับพระเจ้าและให้พ่อองค์เป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นพระชากรของพระองค์ คือ “ความเชื่อฟังเสียงของพระองค์” ความเชื่อฟังต่อพระบัญญัติของพระเจ้า เดินตามคำสอนของพระองค์
o ผลของการฟังและความเชื่อฟังคือ “ความสุข” “แล้วท่านจะได้อยู่อย่างเป็นสุข”

• ความจริงขณะที่พ่อเขียนบทเทศน์บทนี้พ่ออยู่ที่บ้านเณรเวลาที่เงียบมาก และที่สำคัญ พ่อเปิดเพลงคลาสสิกเบาๆกล่อมตนเองในความเงียบ ใจคิดและเขียนไตร่ตรองพระวาจา “มีความสุขมากจริงๆ” ดังนั้น การฟังเป็นบ่อเกิดของความสุขจริงๆมิใช่หรือครับ

• บ่อยครั้ง การกระซิบเบาๆที่หูในยามทุกข์ เจ็บป่วย หรืออื่นๆ การได้ยินเสียงคนที่เรารักปลอบใจก็มีความสุขมากๆจริงไหมครับ

• มีคนบอกว่า หมอก็บอกและน่าจะจริง คือ ในยามที่คนเราป่วยหนักจะตาย ตาเปิดไม่ได้แล้ว หัวใจจะหยุดเต้นหรือแม้หยุดแล้ว มีคนบอกว่า หูของเราคือโสตประสาทสุดท้ายที่จะตายลง ให้เราพูดกับเขา เรียกหาพระเจ้าให้เขาฟัง เพราะเขายังได้ยินเสียงของเราแน่ๆ อันนี้ยังไม่เคยพิสูจน์ ถ้าได้พิสูจน์ก็ฟื้นมาบอกไม่ได้ แต่เชื่อว่าน่าจะจริงๆ สรุปว่าการฟังนี่ประหลาดและอัศจรรย์จริงๆครับ

ดังนั้นให้เราอ่านพระวาจาของพระเจ้าวันนี้กันครับ....

ยรม 7:23-28……
“23แต่เราได้สั่งเขาดังนี้ ‘จงฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน และท่านจะเป็นประชากรของเรา จงเดินตามทางที่เราจะสั่งท่านไว้ แล้วท่านจะได้อยู่อย่างเป็นสุข’ 24แต่เขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง กลับดำเนินตามแผนการในความดื้อกระด้างของใจชั่วของตน หันหลังให้เราแทนที่จะหันหน้า 25ตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายออกจากแผ่นดินอียิปต์จนทุกวันนี้ เราได้ส่งประกาศกผู้รับใช้ทุกคนของเราไปหาท่านทั้งหลายครั้งแล้วครั้งเล่าเสมอมา 26แต่เขาทั้งหลายมิได้เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง กลับดื้อดึงทำความชั่วมากกว่าบรรพบุรุษเสียอีก 27ท่านจงไปบอกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดแก่เขา แต่เขาจะไม่ฟังท่าน ท่านจะเรียกเขา แต่เขาจะไม่ตอบ 28ท่านจงบอกเขาว่า ‘นี่คือชนชาติที่ไม่เชื่อฟังพระสุระเสียงของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของตน และไม่ยอมรับคำสั่งสอน ความซื่อสัตย์ไม่มีอีกแล้ว หายไปจากปากของเขาแล้ว’”

---------------------------------

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• หลังจากอ่านแล้วพ่อคิดว่า สิ่งที่พ่อต้องไตร่ตรองคือ “การฟังที่ไม่ได้จากใจจริง หรือการที่ประชากรของพระเจ้าควรต้องฟัง แต่พวกเขาไม่ได้ฟัง...”

• วันนี้พ่ออ่านประกาศกเยเรมีย์ตอนนี้ในหัวข้อที่พระคัมภีร์ภาษาไทยจัดหัวข้อไว้ว่า การไม่ฟังพระเจ้าจริงๆ นั้น เรียกได้ว่าเป็น “คารวะกิจที่ไม่ได้มาจากใจจริง”

• เรื่องนี้เองที่ทำให้พ่อต้องหันกลับมามองสภาพสังคมไทยของเราจริงๆ เราต้องการมองภาพความจริงของสังคมและเราต้องรักในความจริงกันมากๆ

• สังคมไทยของเราเป็นสังคมพิธีรีตอง คงไม่ต่างไปจากสังคมชาวยิวในสมัยเยเรมีย์และก่อนหน้าท่านหรือแม้แต่หลังจากท่าน... มิติชีวิตด้านศาสนา การประพฤติทางศาสนา การเป็นศาสนิกหรือศาสนบริกรก็เช่นกัน หลายครั้งพ่อคิดว่าไม่ง่ายเลยที่เราจะได้พบคารวะกิจที่มาจากในจริง แบบออกมาจากหัวใจไม่เป็นไปตามธรรมเนียมหรือทำแบบเสียไม่ได้
o พ่อคิดว่าสังคมไทยของเรา และเราทุกคนสามารถรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความจริงใจ สิ่งที่ออกมาจากใจโดยตรงโดยไม่มีการเสแสร้งแกล้งทำหรือที่ภาษาเขามักจะใช้คำว่าสร้างภาพ...
o ลักษณะแบบนี้ถ้าเป็นภาษาไทยของเราต้องเรียกว่า “แสร้ง หรือเสแสร้ง แกล้งทำ” ว่าแล้วก็ตลกดี บางทีอาหารไทยยังมีชื่ออาหารโบราณ เช่น “แสร้งว่าปลาทู สร้างว่ากุ้ง”

• อันที่จริงเป็นชื่ออาหารไทยโบราณ น่ารับประทาน ชื่อแปลกจัง แต่เปิดค้นคว้าดูก็เจอ “แสร้งว่า” ในทางศาสนาและศีลธรรมอีก คือ ไม่จริงใจ ไม่ได้เป็นจริง ไม่ได้เป็นศาสนิกจริงแสร้างแกล้งทำ คือ
o ตั้งใจทำให้คิดเป็นอย่างอื่น
o ให้คนอื่นเห็นเป็นอย่างอื่นไป
o พฤติกรรมแบบนี้ก็มักจะเกิดในเรื่องราวของศาสนาและประเพณีหรือวัฒนธรรมเสียด้วย
o จนกระทั่งว่า สิ่งที่ทำกับสิ่งที่อยู่ในใจมันไม่ค่อยจะตรงกัน แบบที่เรียกว่า “หน้าซื่อใจคด” หรือ การไม่ได้กระทำอย่างที่ใจคิดหรือไม่ได้จริงใจในการกระทำ...

• พ่อคิดว่าในระบบสังคม การเมืองของเรามีภาพแบบนี้ให้เห็นได้ชัดจริงๆ แบบที่ไม่ต้องพยายามหาตัวอย่างมาอธิบาย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรที่จะให้สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ ได้รับการพัฒนาเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยของเรา

• พ่อคิดว่า สังคมจะมีสันติสุขแท้ได้อย่างแท้จริง สังคมของเรา คนของเราต้องมีความจริงใจ และการที่จะสามารถให้คำจำกัดความได้ดีที่สุดคือคำว่า “ความเชื่อฟังแท้จริง” “ความซื่อตรง” หรือ “ความซื่อสัตย์” ปัจจุบันของเรานี้ สิ่งนี้ดูเหมือนจะเลือนรางไปกับกระแสโลกนิยมยิ่งวันยิ่งมากขึ้น กระแสวัตถุนิยม บริโภคนิยม จนว่า สิ่งที่เป็นคุณธรรมพื้นฐานที่ต้องแข็งแรงที่สุด นั้น ดูจะเลือนรางไปทุกที คือ ความซื่อสัตย์และรักในความจริง....

• พ่อคิดว่าเรื่องนี้เราดูได้ดีที่สุดจากพฤติกรรมของคนไทยเราเองครับ... ความซื่อสัตย์ซื่อตรงหายากขึ้นทุกๆวัน พ่อนั่งคิดจริงๆ นะครับ พ่อเห็นและเป็นห่วงประเทศไทยสังคมไทยของเรา เราจะไปกันถึงไหนนี่... ข้อคิดจากประสบการณ์ประจำวันทำให้ต้องกังขาอยู่มากมายเหลือเกิน... พ่อขอยกตัวอย่างให้คิดตามกันไปนะครับ... รักในความจริงกันนะครับ

1. นักการเมืองของไทยเรา (ช่วงนี้เงียบไป ดีเหมือนกัน คนโกงๆ ไม่มีเวทีให้โกงสักระยะ) ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติหรือท้องถิ่นเป็นอย่างไรบ้างครับ เราเห็นชัดเจนใช่ไหม

• เรามีนักการเมืองที่แท้จริง เป็นคนการเมืองที่เป็น “ผู้แทน” จริงๆ หรือไม่และหรือเพียงใด... อะไรคือธรรมชาติของนักการเมืองหรือผู้แทน...

• คำตอบคือ คนที่ถูกเลือกหรือได้มาจากการเลือกตั้ง โดยธรรมชาติธาตุแท้ เขาต้องเป็นคนที่สุดยอด ยอดดีที่สุดของสังคม จนคนทั้งหลายเทคะแนนให้เขาเพราะเขาดีเหลือเกิน เป็นคนดีมีจริยธรรม มีศาสนา และมีความดีมากมายจนโดดเด่นในความดี เขาจึงได้รับเลือกใช่ไหม... ใช่แน่นอนครับ ถ้าเช่นนั้น สภาฯ ย่อมเต็มได้ด้วย 500 (ตั้งใจเขียนเลข 500 ที่เขาเรียกกันว่า ..ห้าร้อย) คนดีที่สุด ที่รวมตัวกันเพราะเป็นหัวกะทิสุดยอดของสังคมและได้รับเลือกเข้ามาเพื่อให้เป็นผู้เป็นปากเป็นเสียงแทนทุกคน เพื่อความดีของของทุกคน...

• นี่คือความคิดและความจริงที่ควรเป็น... แต่ความจริงเป็นอย่างไร...พี่น้องคิดว่าความคิดเกี่ยวกับนักการเมืองกับนักการเมืองตัวจริงๆ เป็นเช่นนั้นไหม เขียนไปก็รู้ว่าลำบากใจที่จะเอ่ยถึงนักการเมืองไทยของเราจริงๆ.. หลายคนได้อำนาจมาได้อย่างไร เป็นคนดีสุดๆหรือไม่ หลายคนเป็นนักการเมืองที่ไม่ซื่อตรงมากๆ สุดยอดโกหกพลิกลิ้นปลิ้นพลันกันไปวันๆแบบหาตัวจับได้ยากหมายความว่าลื่นจนจับตัวจริงไม่ได้ ค้นหาไปก็ไม่เจอได้เลย . พอดีกว่ากับเรื่องนักการเมือง... พ่อขอภาวนาเงียบๆ ในใจ

2. ตำรวจหรือทหาร (ตอนนี้รัฐบาลทหารปกครอง ตอนที่เข้ามาปกครองพ่อก็ดีใจนะครับ ตอนนี้ก็หวังว่าจะได้รักษาความดีใจที่ประเทศเราจะได้รับการฟื้นฟูต่อไป อย่าทำให้ผิดหวังนะครับ) ตอนเด็กๆในชั้นเรียน ถ้าครูถามพวกเราว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ (สมัยพ่อ) บอกว่าอยากเป็นตำรวจ เพราะในความคิดหรืออุดมการณ์ ตำรวจคือยอดคนเก่ง ผู้พิทักษ์ประชาชน ผู้บำบัดทุกข์บำรุงสุข และที่สำคัญ ถ้ามีตำรวจอยู่เราไม่ต้องกลัวคนร้ายเลย เพราะตำรวจจะต้องจับผู้ร้ายให้เรา ทำให้เราปลอดภัย ตำรวจคือเครื่องหมายของความปลอดภัยในชีวิตและในทรัพย์สิน ความปลอดภัยในทุกสิ่ง...

• แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นนั้นไหม...

• ตำรวจของเราดีจริงๆใช่หรือไม่ ปลอดภัยอุ่นใจวางใจได้เมื่อมีตำรวจใช่ไหม...

• ข่าวต่างๆประจำวัน ความจริงของสังคมบอกกับพ่อว่า ตำรวจกลายเป็นโจรก็มีให้เห็นบ่อยๆ ถึงขนาดปล้นรถขนเงินเพื่อนำเงินไปซื้อตำแหน่งเรื่องนี้ก็จริงใช่ไหม... ตำรวจกลายเป็นมาเฟียค้ายา รีดไถ ปล้นประชาชนไปเลี้ยงนายก็มีอยู่จริงๆใช่ไหม แม้มีเครื่องแบบและดูดี แต่.... ก็นะ... คิดกันต่อไป... อ่านไปก็คงยิ้มเหนื่อยๆใจกันบ้าง พ่อเขียนยังยิ้มเหนื่อยๆ ใจเหมือนกัน

• วันนี้เพิ่งมีข่าว รถตำรวจจัดรถตู้ตำรวจบริการประชาชนยามค่ำเพื่อความปลอยภัยของประชาชนขอให้ยั่งยืนและขอให้บรรดารถตู้จริงๆ ได้เป็นรถตู้บริการด้วยวุฒิภาวะ ไม่มีโจรแทรกตัวเข้าไปอีก จัดการคัดสรรให้เกิดของแท้กันหน่อยครับ

3. ครูบาอาจารย์ เรื่องนี้ พ่อก็คิดถึงความหมายของครูอาจารย์ที่แท้จริง คือ ต้นแบบ หรือที่เราเรียกว่า แม่พิมพ์ของชาติ

• การพัฒนาชาติบ้านเมืองก็อยู่ที่คุณภาพทางการศึกษาจริงๆ ครูแท้จริงต้องเป็นคนที่เป็นสุดยอดความรู้คู่คุณธรรม ต้องมีความรู้ที่สติปัญญาที่สุดยอดเพื่อถ่ายทอดความรู้และบรรดาศิษย์ ครูโดยธรรมชาติ ต้องเป็นคนที่เป็นต้นแบบจริงๆ

• พ่อก็คิดต่อจริงๆครับว่าครูของเรา อาจารย์ทั้งหลายของเรา ณ ปัจจุบัน เป็นไปตามธรรมชาติที่แท้จริง จริงไหม..

• พ่อได้ยินว่า ครูในเวียตนามคือยอดหัวกะทิของสังคม อาชีพครูค่าตัวแพงมากๆ คนเก่งๆและต้องมีศีลธรรมจรรยาเท่านั้นได้เป็นครู พ่อก็อยากได้จริงๆกับประเทศไทยของเรา สถาบันผลิตครูควรสุดยอดจริงๆใช่ไหมครับ แล้วความจริงเป็นอย่างไร... พ่อเห็นใจครูไทย ครูในชนบท ครูที่พ่อจำได้ในชีวิตคือคนที่ล้ำค่าที่สุดรองจากพ่อแม่จริงๆนะครับ

4. วันนี้คงต้องกล่าวถึง “สื่อ คนสื่อแท้ๆ”ด้วย หรือต้องกล่าวถึง “คนศาสนาแท้ๆ ด้วย” บ้านเมืองเราต้องการของแท้ ไม่โกง ไม่แถ จำเป็นมากๆ ครับ ของแท้เท่านั้นที่จะชี้นำสังคม นำสังคมในสื่อสารมวลชนได้ดี ได้ความจริง ได้จิตวิญญาณ ได้ผู้นำจิตวิญญาณคนศาสนาจริงๆ มีหลายอย่างต้องกลับมาฟัง มาสู่ของแท้กันมากจริงๆ ครับ

พี่น้องครับ ยังมีอีกหลายอาชีพที่พ่ออยากกล่าวถึง แต่คงจะยืดยาวเกินไปแน่ๆ เอาเป็นว่า เรามาสรุปกันว่าเราคงต้องพิจารณาความจริงและความเป็นจริงกัน โลกของเราปัจจุบันต้องการของจริง ตัวจริง ตรงไปตรงมากับชีวิตและจิตวิญญาณที่แท้จริง

ที่สุดพ่ออยากพูดถึงเราคริสตชนสักหน่อย
1. เราต้องการคริสตชนจริงๆ ไม่แสร้างว่า...
2. เราต้องการครอบครัวคริสตชนจริงๆ
3. เราต้องการการนักบวชหรือคนศาสนาแท้จริง
4. เราต้องการมากๆ คือพระสงฆ์แท้จริงๆ รวมทั้งพระสังฆราชจริงๆด้วย...

พี่น้องที่รักครับ พ่อคิดว่าสิ่งเดียวที่เราต้องกล้า...
1. กล้าตัดสินใจ เราต้องกล้าจัดการกับตัวเรา
2. กล้าอบรมตัวเรากันให้หนักจริงๆ คือ
a. เราต้องประกาศความซื่อสัตย์ “ความซื่อสัตย์” เท่านั้นที่เป็นประเด็นสำคัญที่สุด...
b. เราต้องเจริญชีวิตแบบที่เป็นของจริงๆ ตรงกันภายในภายนอก ไม่แสร้งเสแกล้งว่าเป็นในสิ่งที่เรากระทำ อาชีพ การงาน ฐานะทางศาสนา ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคารวะกิจ ต้องซื่อสัตย์และเที่ยงตรงออกมาจากความจริงใจ และต้องตรงกับความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าจริงๆ...
c. หัวใจสำคัญคือ “เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า” อย่างสุดจิตใจ
d. ครับกล่าวถึงนักการเมือง ทหารตำรวจ ครู สื่อมวลชน คนศาสนาโดยรวม ฯลฯ บัดนี้ถึงเวลาที่ต้องหันมาไตร่ตรองตนเองจริงๆ หันมาถึงพวกเรากันจริงๆ คริสตชน นักบวช พระสงฆ์ พระสังฆราช ตัวพ่อเองด้วย ย้ำว่า “ตัวพ่อเองและเราเองแต่ละคน” ต่อหน้าพระวาจาของพระเจ้าในประกาศกเยเรมีย์
e. บัดนี้เราคงต้องสงบเงียบและไตร่ตรองมโนธรรมให้หนักพิเศษเลยครับ มองรอบข้างมากแล้ว เมื่อหันมามองตนเองและเราคริสตชนให้มากเป็นพิเศษดีกว่านะครับ

พี่น้องที่รัก สุดท้าย พ่อเชื่อว่า เราต้องใช้เวลาแห่งมหาพรตนี้เพื่อการฟังพระเจ้า เพื่อเชื่อฟัง เพื่อฟังความจริง เรียนรู้ความจริงและพิจารณาความจริงให้มากขึ้นเป็นพิเศษนะครับ
• อ่านเยเรมีย์วันนี้กันให้ดีๆนะครับ และ

• ฟังพระเจ้าให้มากๆ ที่สำคัญ

• จริงจังและตรงไปตรงมากับการเป็นคริสตชนของเราให้มากที่สุดนะครับ... ‘จงฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน และท่านจะเป็นประชากรของเรา จงเดินตามทางที่เราจะสั่งท่านไว้ แล้วท่านจะได้อยู่อย่างเป็นสุข’

• ขอให้เราได้ซื่อสัตย์ ขอให้เราได้เป็นคริสตชน ขอให้เราได้เป็นของพระเจ้า และที่สำคัญขอให้พระองค์เป็นพระเจ้าของเราจริงๆ ขออย่าได้เพียงแสร้างว่า... เลยนะครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก