“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2015
สัปดาห์ที่สิบสาม เทศกาลธรรมดา
มธ 8:28-34…

28พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามฟากมาถึงดินแดนของชาวกาดารา ผู้ถูกปีศาจสิงสองคน ออกจากบริเวณหลุมศพมาเฝ้าพระองค์ ทั้งสองคนดุร้ายมากจนไม่มีใครเดินผ่านทางนั้นได้ 29ทันใดนั้น ทั้งสองคนร้องตะโกนว่า “ข้าแต่บุตรของพระเจ้า ท่านมายุ่งกับเราทำไม ท่านมาที่นี่เพื่อทรมานเราก่อนเวลาหรือ” 30ไม่ไกลจากที่นั่นมีหมูฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่
31พวกปีศาจจึงอ้อนวอนพระองค์ว่า “ถ้าท่านขับไล่พวกเรา ขอได้ส่งเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถิด” 32พระองค์ตรัสกับมันว่า “จงไปเถิด” พวกปีศาจจึงออกไปสิงในหมู หมูทั้งฝูงต่างวิ่งกระโจนจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบ จมน้ำตาย 33คนเลี้ยงหมูหนีเข้าไปในเมืองเล่าเรื่องทั้งหมดนี้และเรื่องผู้ถูกปีศาจสิง ด้วย 34คนทั้งเมืองต่างออกมาเฝ้าพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นพระองค์ ก็ทูลขอพระองค์ให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• ชาวกาดารา ไม่ต้องการให้พระองค์อยู่กับพวกเขา เพราะพระองค์ขับไล่ปีศาจออกไปจากคนสองคน แต่พวกเขาต้องเสียหมูไปมากมายกระนั้นหรือ... พ่อก็นั่งลงไตร่ตรองครับ เมืองกาดารา เมื่องนี้อยู่ทางตะวันออกของทะเลสาบกาลิลี ห่างไปประมาณหกไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบัน เมืองนี้ชื่อ Um-Deis เป็นหนึ่งในทศบุรีที่แบ่งโดยชาวโรมมัน อยู่ทางใต้ของแม่น้ำที่ชื่อว่า Hieromax เป็นเมืองที่ทอดยาวอยู่ในประเทศจอร์แดน ต่อจากกาลิลี บางทีเรียกว่า เกราซา 


• พระวรสารบันทึกถึงคนถูกปีศาจสิงสองคนที่อาศัยอยู่บริเวณหลุมฝังศพ และเจ้าคนปีศาจสิงสองคนนี้ดูดุร้าย และปรารถนาจะอยู่ในสภาพนั้นเมื่อได้พบพระเยซูเจ้า มันร้องถามพระองค์ว่า “จะมาขับไล่มันไปก่อนเวลาหรือ” และมันขอร้องว่า “ให้มันไปสิงในหมูเถิด” ความจริงนี่คงเป็นส่วนหนึ่งของความรู้สึกชิงชังหมูสำหรับชาวยิว เพราะการเลี้ยงหมูเป็นสิ่งที่คนต่างชาติทำ และคนต่างชาติก็คงยอมรับว่าหมูคือสิ่งที่มีค่า (มีค่ากว่าคนสองคนที่ถูกปีศาจสิงด้วยกระมัง) ดังนั้น นี่คงเป็นเหตุให้ชาวยิวไม่กินหมู และโลกมุสลิมก็ไม่ยอมรับหมูเช่นกัน... นอกจากเหตุผลทางการศึกษาที่พวกเขาเชื่อว่าหมูเป็นสัตว์ที่มีมลทิน มีเชื้อโรคมากมายสำหรับพวกเขา และนี่คือสาเหตุที่พวกเขาปฏิเสธ... พระวรสารยังบอกว่าเราว่า ปีศาจขอไปสิงในสหมูและก็ทำให้หมูกระโดดจากหน้าผาลงน้ำตายสิ้น... ที่เมืองกาดาราตามภูมิศาสตร์ก็มีหน้าผา และการขุดค้นพบทางโบราณคดีก็มีหลุมศพจำนวนมาก... จึงสนับสนุนว่า คนถูกปีศาจสิงก็คงอาศัยอยู่ตามหลุมศพนั้นเอง

• แต่ประเด็นที่พ่อไตร่ตรองคือ คนที่ผีสิงสองคนที่ได้หายเป็นปกติ กับหมูของชาวบ้านที่กระโดดน้ำตาย.... ที่สุด เราพบจากพระวรสารว่า... “คนเลี้ยงหมูหนีเข้าไปในเมืองเล่าเรื่องทั้งหมดนี้และเรื่องผู้ถูกปีศาจสิง ด้วย คนทั้งเมืองต่างออกมาเฝ้าพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นพระองค์ ก็ทูลขอพระองค์ให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา”

o พวกเขาเลือกที่จะออกมาและเชิญให้พระองค์เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา 

o พ่อหาเหตุผลไม่เจอมากนักจากพระวาจาตอนนี้ว่าเพราะอะไร ทำไมพวกเขาไม่ต้อนรับพระเยซูเจ้า ทำไมต้องขอให้พระองค์เสด็จออกไปจากแผ่นดินของเขาเพราะพวกเขาเสียหมูไป กระนั้นหรือ??

o นี่คือประเด็นคำถามของพ่อจริงๆ... แต่แน่นอนพ่อคงไม่ค้นคว้าไปไกลกว่านี้ นอกจากที่นี่คือดินแดนคนต่างชาติ พวกเขาไม่มีความเชื่อในพระเยซูเจ้า และพวกเขาก็หวงแหนหมูของพวกเขากระมัง หรือว่าพวกเขาคิดว่าหมูของพวกเขามีค่ามากกว่าคนที่ถูกผีสิงแล้วหายแล้ว หรือว่า พวกเขาไม่ต้องการต้อนรับพระเยซูเพราะทรงเป็นชาวยิว พ่อหาเหตุผลต่อไปคงจบปริญญาเอกเรื่องหมูกระโดดหน้าผานี้กระมังครับ

• แต่ประเด็นที่พ่อสนใจและไตร่ตรองคือ เรื่อง “คนผีสิงสองคนที่ผีออกไปและเขาสองคนได้รอดจากอำนาจปีศาจ และเรื่องที่หมูจำนวนมากกระโดดหน้าผาเพราะผีเข้าไปสิงพวกมัน” 


• พอดีเมื่อเช้านี้พ่อนั่งรับประทานอาหารเช้าที่บ้านพ่ออาวุโสที่บ้านอับราฮัม เราคุยกันเรื่อง “หมา” (สุนัข ภาษาสูงหน่อย จริงๆก็คือหมานั่นแหละ) เราคุยกันขำๆว่า ปัจจุบันกฎหมายทรมานสัตว์ ใครทำร้ายสุนัข โทษหนักมาก (บ้านเรา) โทษหนักว่าต่อย ตบ ตี มีเรื่องกับเพื่อนมนุษย์อีก จริงๆ นะครับ กฎหมายใหม่เรื่องหมานี้ทำให้พ่อคิด... ปัจจุบันคนเรานี่แปลกจริงๆ หมาได้รับเกียรติและการดูแลดีมาก มีเกียรติมากๆ มีคลีนิก มีโรงพยาบาล มีสปา ร้านตัดขน อาบน้ำ ทำสปา เกินหน้าคนไปเยอะเหมือนกัน

o คนปัจจุบันนิยมเรียก “หมา” ว่า “น้องหมา” เรียกหมาธรรมดาดูเหมือนไม่ได้แล้ว ต้อง “น้อง” เราเริ่มผูกเชื่อมสายวางระบบเครือญาติกับหมากันเข้าไปเต็มๆ เมื่อก่อนถ้าด่ากันว่า “หมา” โกรธกันตาย แต่ปัจจุบัน “หมากลายเป็นน้องเป็นนุ่งกันไปแล้ว” 

o แต่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นั่งรถมาด้วยกันแท้ๆ นั่งคู่กันมาแท้ๆ บังเอิญเพื่อนคนขับเกือบชนหมา... เพื่อนที่นั่งมาด้วยกัน มนุษย์ด้วยกันแท้ๆ บางทีก็เป็นพี่น้องคลานตามกันมาจากแม่ “คน” คนเดียวกัน แต่เสียงอุทานร้องลั่นรถว่า “ไอ้...ระวังน้องหมาสิวะ...ไอ้...(ตัวหางยาวๆว่ายน้ำกินปลาอยู่ในบ่อน่ะ ครับ)” 

o คนเราหนอคนเรา ปัจจุบันเจอหน้ากัน คุยกัน ภาษาคนกรุงแท้ๆ พ่อได้ยินบ่อยๆ จริงๆ “ไอ้...ไอ้...” ไม่น่าเชื่อ คนเราปัจจุบันนับถือหมาเป็นน้องและเครือญาติแล้ว แต่กลับเห็นพี่น้องเป็นอย่างอื่นไปเสียนี่ ไม่น่ารักเลยครับ

o มนุษย์เรามีศักดิ์ศรีมากนะครับ... ““พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” (ปฐก. 1:27) มนุษย์ทุกคนจึงมีคุณค่าและศักดิ์ศรีในฐานะลูกของพระเจ้า เราตระหนักว่าพันธกิจรักและรับใช้ด้วยชีวิตที่เป็นประจักษ์พยาน จะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์ได้รับการ เคารพตั้งแต่การปฏิสนธิ์และสิ้นสุดเมื่อความตายตามธรรมชาติมาถึง พระศาสนจักรมีพันธกิจที่จะต้องปกป้องชีวิต ส่งเสริมชีวิต มุ่งพัฒนาชีวิตและศักดิ์ศรีของมนุษย์แบบองค์รวม โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้โลกเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง”

• แต่มนุษย์ปัจจุบัน ก็กลับให้คุณค่ากับสัตว์เลี้ยงหลายชนิดมาก บ่อยครั้งดูจะมากกว่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน... เกินไป เกินไป บางคนเลี้ยงหมาโดยให้คนรับใช้เลี้ยง เกินไป ตกค่ำหมาไร้วิญญาณและความคิดต้องประคบประหงมไปนอนในห้องแอร์... แต่คนรับใช้คือเพื่อนมนุษย์มีจิตวิญญาณและภาพลักษณ์ของพระเจ้ากลับต้องไปนอน ในห้องแถวซอมซ่ออย่างยากไร้... เกินไป เข้าใจผิดเกินไปจริงๆนะครับ... พ่อไม่ได้พูดเล่น และไม่ต่อรองอะไร เพียงให้คิด

• ชาวกาดารา เห็นแก่หมูมากกว่ามนุษย์ เพราะพวกเขาเป็นคนต่างชาติ ต่างศาสนา นับถือพระเท็จเทียมและได้รู้จักคุณค่าของพระเจ้า พวกเขาก็เลยไม่ได้เห็นคุณค่าของพี่น้องเพื่อนมนุษย์...

o ถ้าเราคริสตชนไม่ได้ให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ แต่ไปให้ราคาและดูเหมือนให้เกียรติสัตว์เลี้ยงแล้วไซร้ เราก็ไม่ต่างจากชาวกาดาราในสมัยพระเยซู เราเหมือนคนต่างชาติ คนนับถือพระเท็จเทียม แต่ไม่ได้ให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ของเรา จบกันเลย

o ตรงข้าม ถ้าเรามีพระเจ้าจริง ถ้าเรารักพระเจ้าจริงๆ มีความเชื่อจริงๆเราจะเห็นคุณค่าของทุกสิ่ง รักสุนัขด้วย แต่ไม่มีวันเหนือกว่าเพื่อนมนุษย์ เพราะเรารู้จักแยกแยะคุณค่า ด้วยสิ่งสร้างที่พระเจ้าทรงสร้างมาให้เรา เราจะรักเพื่อนมนุษย์มากๆ เห็นใจมากๆ และเมื่อเราจะต้องดูแลโลกและสรรพสัตว์เราก็จะดูแลด้วยความรักเช่นกัน

o พ่อคิดว่าเราเพียงเริ่มให้ถูกที่ และชี้ให้ถูกประเด็น พระเจ้า เพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์และสรรพสิ่ง ทุกอย่างล้วนดีและมีค่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด มนุษย์เรามีค่าสูงสุด เพราะเราเหมือนพระเจ้าครับ...

• ขอพระเจ้าอวยพรให้เราเป็นคุณค่าและความรักของพระองค์ ในเพื่อนพี่น้อง ในสิ่งสร้างสรรพสัตว์สรรพสิ่ง และเคารพทุกชีวิตด้วยความรักต่อพระเจ้าพระผู้สร้างนะครับ

• ข้อเสนอสมัชชาฯ ข้อที่ 24 รักษ์สิ่งสร้าง

o พระเจ้าทรงมอบหมายให้มนุษย์มีหน้าที่ดูแลโลกและสรรพสิ่ง (เทียบ ปฐก. 1) ดังนั้น มนุษย์จึงต้องทำงานร่วมกับพระผู้สร้าง สานต่อกิจการสร้างโลกโดยทำให้สิ่งสร้างสมบูรณ์ มั่นคง และเติบโตอยู่เสมอ เราจึงมีหน้าที่ต้องเคารพและสำนึกรู้คุณต่อพระผู้สร้าง โดยไม่ละเมิดหรือทำลายระบบนิเวศและความงดงามของโลก มีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติแบบมีส่วนร่วม โดยเอาใจใส่ทำนุบำรุงดูแลสภาพแวดล้อมด้วยโลกทัศน์และภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อ ให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน

o เป็นหน้าที่สำคัญของพระศาสนจักรที่จะต้องเอาใจใส่ดูแล และเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงพันธกิจแห่งการคุ้มครองรักษาโลก ใช้ทรัพยากรต่างๆ อย่างคุ้มค่าโดยคำนึงถึงความดีงามส่วนรวมทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

• ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ... รักพี่น้องรอบข้างก่อน และเราจะรู้จักรักสรรพสัตว์และสรรพสิ่งครับ... กลัวอย่างเดียว รักสรรพสัตว์แต่ไม่รักเพื่อนมนุษย์ หมดกันเลยครับ...

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก