“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2015
สัปดาห์ที่เจ็ด เทศกาลปัสกา
ยน 21:20-25…
20เปโตรเหลียวไปดู ก็เห็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักตามมา เป็นคนที่เอนกายชิดพระอุระพระเยซูเจ้าในการเลี้ยงอาหารค่ำ และทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ผู้ที่ทรยศพระองค์เป็นใคร” 21เมื่อเปโตรเห็นเขา ก็ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “คนนี้จะเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า” 22พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ก็ธุระอะไรของท่าน ท่านจงตามเรามาเถิด”

23ดังนั้น จึงมีเรื่องที่เล่าลือกันไปทั่วในกลุ่มบรรดาพี่น้องว่าศิษย์คนนี้จะไม่ตาย แต่พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสว่า “เขาจะไม่ตาย” แต่ตรัสว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ก็ธุระอะไรของท่าน”
24นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำพยานของเขานั้นเป็นความจริง 25ยังมีเรื่องราวอื่นๆ อีกมากที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ก็ธุระอะไรของท่าน ท่านจงตามเรามาเถิด”
o พระเยซูเจ้าทรงถามเปโตร สามครั้ง “ท่านรักเราไหม” เปโตรตอบ “รักพระเจ้าข้า” การตอบรักคือการตัดสินใจติดตาม ตัดสินใจเลือกที่จะติดตามพระองค์ตลอดไป... ความรักทำให้คนเรากล้าออกไปเพื่อร่วมชีวิต เพื่อติดตามกันและกันตลอดไป
o สำหรับหนุ่มสาว...เติบโตมาในบ้านตั้งแต่อ้อนแต่ออก รักพ่อแม่ รักพี่น้อง วันหนึ่งเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ แข็งแกร่งพอ (หรือแม้แต่ไม่คอยพอนัก) วันหนึ่งถ้าเขาได้เจอคนรัก คนที่ดูใจ รักกัน จนมั่นใจในประสบการณ์การคบหาดูใจ และรัก รัก รักมากที่สุดแล้ว เขาจะตัดสินใจออกเดินทาง แม้ต้องออกจากความรักของครอบครัว บิดามารดาละพี่น้อง.. เขาก็กล้าจะออกไปเพราะใจของเขารักคู่ชีวิตที่เขาพบ ความรัก ทำให้คนเรากล้าออกเดินทางออกไป ความรักทำให้กล้าตัดสินใจ ละจากความรักของครอบครัวที่ว่าอบอุ่นและรักที่สุด และพร้อมจะไปเพื่อเจริญชีวิตครอบครัวใหม่....พ่อเคยเห็นลูกสาวที่จะต้องอำลา บิดามารดาเพื่อไปอยู่ที่เขากับสามีจะไปใช้เป็นเรือนหอ... เจ้าสาวร้องไห้น้ำตาไหลกอดจูบลาบิดามารดา...ล่ำลากันน้ำตากระจาย... แล้วกอดกันกลม โดยมีเจ้าบ่าวคุกเข่าอยู่ด้วย... ฝากฝังกันใหญ่ นานสอนนานกว่าจะออกไปเข้าเรือนหอ คือ บ้านใหม่ที่ทั้งสองคนสร้างไว้....แหะๆๆๆ บ้านอยู่หลังถัดไปนั่นเอง...รั้วถัดไปนั่นเอง.... ขำนะครับ แต่ก็รู้สึกได้ว่า เขาต้องออกจากอ้อมอกพ่อแม่และไปมีชีวิตครอบคัรวของตนเอง
o ประสบการณ์ของพ่อเอง...พ่อจำได้ว่า....วันที่พ่อเข้าบ้านเณรเล็ก พ่อก็ออกจากบ้านพร้อมกับพี่ชาย.. เราเตรียมทุกอย่างพร้อมสิ่งที่บ้านเณรกำหนด... และก็รอ แต่เมื่อวันเดินทางไกลมาถึง จากเจ้าเจ็ดย้ายไปนอนสามพราน...เศร้ามาก คิดถึงบ้าน เข้าไปลายายพ่อ ยายกอดและสอน แม่ก็สอน จาก็เงียบไม่พูดอะไร ปล่อยให้ไป.... ถามว่าพวกเขาห่วงไหม ไม่ต้องสงสัย เพราะจากวันนี้ไป...จะไม่มีเจ้าสองตัวนี้วุ่นวายให้ปวดหัวแล้ว... แต่พ่อจะไป ใจก็คงไหวๆกันบ้างล่ะน่า... เราก็มั่นใจมากออกเดินทาง “ไปบ้านเณร” อายุ 13 ขวบ พี่ชาย 14 ขวบ... ฉากที่จำได้...หลังจากนั้น...เศร้า ไปถึงบ้านเณร ตอนเย็นสองพี่น้อง “นั่งร้องไห้กันเลย คิดถึงบ้าน”... มันเหงา เศร้าพิกล... และอยู่บ้านเคยนอนบนเสื้อปูพื้น ดิ้นทะยานไปได้ไพศาล... มาบ้านเณรนอนบนเตียง... มีความลับจะบอก...ไม่เคยบอกใคร กลางดึกในห้องนอนรวม เด็กบ้านนอกคนนี้...นอนๆ ตกเตียงดังตุ้บ... ในความมืด... แล้วรีบทะยานขึ้นไปนอนเงียบ มืด ไม่มีใครเห็น ขนาดไม่มีใครเห็น ก็ยังอาย เขิน... เด็กบ้านนอกของแท้... ตกไปหลายคืนอยู่ครับ....เป็นเรื่องปกติ... แต่ไม่แปลกครับ ห้องนอนรวมสักสี่สิคน...คืนแรกๆ เดี๋ยวก็ตุ้บตรงนี้ ตุ้บตรงโน้น... 555 ก็เด็กบ้านนอกกันเกือบทุกคนครับ...

• ครับ ประเด็นสำคัญคือการออกจากบ้าน การออกจากความรัก ไปสู่ความรักที่พ่อกำลังเล่าขยายความมาไกล....

• นักบุญเปโตร ได้รับพระบัญชาให้ตามพระองค์ไป.. ดูเหมือนเปโตร ห่วงยอห์น คนที่เป็นศิษย์ที่ทรงรัก... “เปโตรเหลียวไปดู ก็เห็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักตามมา เป็นคนที่เอนกายชิดพระอุระพระเยซูเจ้าในการเลี้ยงอาหารค่ำ....เมื่อเปโตร เห็นเขา ก็ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “คนนี้จะเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า”


• ดูเหมือนเปโตรห่วงใยศิษย์ที่ทรงรัก เปโตรจะต้องตามพระองค์ไปในหนทางแห่งไม้กางเขนแน่นอน และการจะต้องจากไป ดูเหมือนเปโตรก็ห่วงใยยอห์นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก เปโตรถามด้วยความห่วงใย...แต่พะเยซูเจ้าทรงเรียกร้อง ค่อนข้างแรงและจริงๆจัง “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ก็ธุระอะไรของท่าน ท่านจงตามเรามาเถิด”

o ประโยคนี้มีความหมายว่า... ไม่ใช่ธุระของเปโตรที่จะต้องห่วงเท่านั้นหรือ
o ไม่ครับ รูปประโยคนี้ มีความหมายว่า “ตามเรามา” เน้นที่ตามเรามา ออกเดินทางด้วยใจมั่นคง ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร รักเราไม่ใช่หรือ... พระองค์ถามสามครั้ง เปโตรตอบสามครั้ง ชัดเจนว่า รัก ดังนั้น รักก็ออกเดินทางไปได้เลย
o แน่นอนความห่วงใย ความคิดถึง ก็มี แต่ความรักแท้ทำให้คนเรากล้าออกเดินทาง...ดังที่พ่อเล่ามาก่อนหน้านี้ หญิงชายที่รักกัน เพราะรัก จึงกล้าละทิ้งทางเดินเดิมไว้ข้างหลัง และออกเดินทางไปด้วยความรักเช่นกัน ไม่ว่าอะไรขวางกัน... พ่อจำเพลงนี้ได้ “แม้น้ำขวางหน้า แม้ฟ้าขวางกัน บุพเพสันนิวาส คือความรักยังทำให้คนเรามาพบกันจนได้”

• พ่ออ่านพระวรสารวันนี้ ด้วยความรู้สึกว่า ความรัก ทำให้เรากล้าออกไปจากความมั่นคงและหวงแหนที่สุด ออกจากบ้าน ออกจากครอบครัว...ออกไปเพื่อเจริญชีวิตในความรัก... ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ความเชื่อในความรักทำให้คนเรากล้าจริงๆครับ ไม่ง่ายพ่อรู้ ไม่ง่าย ทิ้งบ้านช่องไปเข้าบ้านเณร ก็คิดถึง แต่ก็กล้าไป... ทิ้งครอบครัวพ่อแม่ไปแต่งงานเริ่มครอบครัว ร้องไห้ล่ำลาแต่ก็กล้าไปเริ่มต้นกับคนอีกคนหนึ่งเพื่อเป็นครอบครัว สรุป ความรัก “รักเราไหม รักเรามากกว่าคนเหล่านี้รักเราไหม รักเราไหม... จงตามเรามาเถิด”
• พ่อกลับมาที่ประสบการณา ขณะที่พ่อเขียนอยู่นี้พ่ออยู่ภูเก็ต กำลังเดินทางกลับไปบ้าน พ่อรู้ว่า จาของพ่ออ่อนกำลัง ป่วยมานาน ความสดชื่นค่อยๆ หมดไป เมื่อวานดูไม่ดีเลย... คนเราเวลาที่ใกล้ความตาย พ่ออ่านพบว่า “จะอ่อนกำลัง ริมฝีปากแห้งมาก ดวงตาแห้งไม่ค่อยมีน้ำ... การแพทย์ให้นำเกลือน้อย เพราะคนระยะสุดท้าย ไตจะค่อยๆหยุดทำงานและจากไป.... ลูกๆทั้งหลายต้องใกล้ชิดดูแล เพื่อว่า นั่นจะเป็นเวลาสุดท้ายที่มีค่าและจดจำไปตลอดชีวิต... พ่อรู้ว่าเวลาเหลือไม่มาก...ตามสภาพที่หมอบอก... พ่อรู้ว่านี่เป็นการ “ออก” “ออกเดินทาง” ที่ยากที่สุด ยากกว่าการออกจากบ้านไปแต่งงาน ยากกว่าการออกไปเข้าบ้านเณร สละได้หมดเพราะรัก เพราะรักก็พร้อมจะสละทุกอย่าง...
o แต่ความตาย คือ ธรรมชาติ ที่ต้องสละชีวิต สละร่างกาย หัวใจที่เต้นมาตลอดชีวิต ผัสสะที่สัมผัสมา รู้สึกมาตลอดชีวิต... การเดินทางครั้งนี้ ทุกคนต้องผ่าน บรรพบุรุษเคยผ่าน และเราก็ต้องผ่าน แต่มันยากที่สุด เพราะเป็นการออกจากสิ่งที่คนเรารักและรู้สึกผูกพันธ์ที่สุด คือ “ตนเอง ร่างกาย และธรรมชาติของร่างกาย”...
o แต่ความรักทำให้คนเรากล้าออก กล้าสละ (แม้โดยจำเป็น แต่ความรักทำให้การละออกนั้นต่างกัน) ความรักทำให้คนเรากล้าออกเดินทาง... พ่อเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปกับจา... และพ่อรู้ว่า จารักพระเจ้า...แต่ แต่ แต่ ประสบการณ์ก็ทำให้รู้ว่า ไม่ง่าย...ไม่ง่ายเลย... พ่อได้แต่ภาวนาขอให้พระเจ้าผู้ที่จารักมาตลอดชีวิต แม้ในยามนี้อาจเจ็บ อ่อนแอ กลัว จนมองไม่เห็นความรักของพระก็เป็นได้ พ่อขอวิงวอนพระเจ้าองค์ความรัก โปรดโอบล้อม สวมกอดวิญญาณของจาจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้อง “ออกเดินครั้งสุดท้ายในโลกนี้” เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายอันรู้ตายของเรานี้จบสิ้นลง ขอให้จาได้รับการสวมกอดจากพระเจ้าองค์ความรักนิรันดร์ด้วยเทอญ... 

o ขณะเดียวกัน ทุกคนที่กำลังจะออกเดินทาง เหมือนหญิงคนนั้นที่พ่อเล่าแต่งงานและจะออกจากบ้าน สวมกอดกันกลมกับพ่อแม่... พ่อเชื่อว่า ทุกคนที่ใกล้จะสิ้นชีวิต จะออกเดินทางจากร่างกาย ล้วนต้องการการรายล้อมสวมกอดด้วยความรัก บริสุทธิ์ใจและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่สุดที่รู้สึกได้ในโลกนี้ จนกว่าจะผ่านไปสู่ความรักและการสวมกอดนิรันดร... คงแย่นะถ้าต้องถูกทอดทิ้งสำหรับมนุษย์เรา... เปโตรยังห่วงใยยอห์น แต่พระเยซูเจ้าบอก... “ตามเรามา” เหมือนกับว่า “ไม่ต้องห่วง”

• พี่น้องที่รัก ให้รักพระเจ้านะครับ และถ้าความรักของเราต่อพระองค์ไม่เพียงพอ จงรู้ไว้ว่า ความรักของพระองค์ต่อเรา เพียงพอและเหลือเฟือที่จะสวมกอดเรา แม้ในยามที่เราถูกเรียกร้องให้ออกเดินทาง...ไปในนิรันดรภาพกับพระเจ้า ผ่านความเจ็บปวดและความตาย... ขอพระเจ้าเสริมกำลัง และเรียกเราด้วยเสียงอ่อนโยนทรงพลังแก่เราว่า “ตามเรามาเถิด”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก