“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2015
อัฐมวารปัสกา
ยน 21:1-14…
1หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์อีกครั้งหนึ่งที่ฝั่งทะเลสาบทีเบเรียส เรื่องราวเป็นดังนี้ 2ศิษย์บางคนอยู่พร้อมกันที่นั่น คือซีโมน เปโตร กับโทมัสที่เรียกกันว่า “ฝาแฝด” นาธานาเอล ซึ่งมาจากหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองคนของเศเบดีและศิษย์อีกสองคน 3ซีโมน เปโตรบอกคนอื่นว่า “ข้าพเจ้าจะไปจับปลา” ศิษย์คนอื่นตอบว่า “พวกเราจะไปกับท่านด้วย” เขาทั้งหลายออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาจับปลาไม่ได้เลย


4พอรุ่งสาง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่ง แต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า 5พระเยซูเจ้าทรงร้องถามว่า “ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม” เขาตอบว่า “ไม่มี” 6พระองค์จึงตรัสว่า “จงเหวี่ยงแหไปทางกราบเรือด้านขวาซิ แล้วจะได้ปลา” บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป แต่ดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจำนวนมาก 7ศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักกล่าวกับเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้านี่” เมื่อซีโมน เปโตรได้ยินว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อมาสวม เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ แล้วกระโดดลงไปในทะเล 8ศิษย์คนอื่นเข้าฝั่งมากับเรือ ลากแหที่ติดปลาเข้ามาด้วย เพราะอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น

9เมื่อบรรดาศิษย์ขึ้นมาบนฝั่ง ก็เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาและขนมปังวางอยู่บนไฟ 10พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเอาปลาที่เพิ่งจับได้มาบ้างซิ” 11ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือ แล้วลากแหขึ้นฝั่ง มีปลาตัวใหญ่ติดอยู่เต็ม นับได้หนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว แต่ทั้งๆ ที่ติดปลามากเช่นนั้น แหก็ไม่ขาด 12พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “มากินอาหารกันเถิด” ไม่มีศิษย์คนใดกล้าถามว่า “ท่านเป็นใคร” เพราะรู้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า 13พระเยซูเจ้าทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา แล้วทรงแจกปลาให้เช่นเดียวกัน 14นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย

 

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• พระวรสารตอนที่แสนรักและแสนอบอุ่นที่สุดในตอนท้ายๆ ของพระวรสารนักบุญยอห์น... บทที่ 21 ของพระวรสารนักบุญยอห์น นักวิชาการเชื่อกันว่าเป็นส่วนเสริมของพระวรสาร แต่สาระสำคัญและให้พลังแห่งความรักที่แสนงดงามของ “พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนม์” มีเทคนิคที่จำเป็นในการตีความและชวนให้อ่านอย่างยิ่ง
• พระเยซูผู้กลับคืนพระชนม์ เสด็จไปปรากฏพระองค์แก่บรรดาศิษย์ที่กาลิลี ทะเลสาบแสนงดงามและเปี่ยมประสบการณ์แห่งพลังของพระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์... ภาพสุดยอดหลายภาพปรากฏในพระวรสารที่เราอ่านวันนี้ครับ...
• “ซีโมน เปโตรบอกคนอื่นว่า “ข้าพเจ้าจะไปจับปลา” ศิษย์คนอื่นตอบว่า “พวกเราจะไปกับท่านด้วย” เขาทั้งหลายออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาจับปลาไม่ได้เลย”
o บรรดาศิษย์กลับไปกาลิลี อย่างน้อยตามชื่อกลุ่มนี้มีหลายคน “โมน เปโตร กับโทมัสที่เรียกกันว่า “ฝาแฝด” นาธานาเอล ซึ่งมาจากหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองคนของเศเบดีและศิษย์อีกสองคน” จำนวนพวกเขาในเรื่องเล่านี้คือ 7 คน
o พวกเขาหิวกระนั้นหรือที่ต้องออกไปหาปลา สำหรับพระวรสารนักบุญยอห์นซึ่งเต็มไปด้วยสัญลักษณ์มากมาย... เป็นไปได้ที่ความริเริ่มของเปโตร “ฉันจะออกไปจับปลา” ... การจับปลาสำหรับพระวรสารมีความหมายด้วยที่หมายถึงการไปประกาศข่าวดี พระเยซูเจ้าเคยตรัสว่า “เราจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นชาวประมงจับมนุษย์แทนจับปลา”.. ดังนั้น ความริเริ่มของเปโตร สำหรับยอห์น บางทีมีความหมายถึง การออกไปเพื่อประกาศข่าวดี ไปทำให้ทุกคนได้รู้จักพระเจ้า
o แต่ทั้งคืนพวกเขาจับปลาไม่ได้เลย... ต้องหัวเราะกระมัง ชาวประมงอย่างเปโตร และสองพี่น้องบุตรเศเบดี.. พวกเขาเป็นชาวประมงมาตลอด แต่ได้ทิ้งแหอวนไปติดตามพระเยซูเจ้า เวลานี้ดูเหมือนว่า พวกเขากลับไปทำอาชีพเดิมที่ชำนาญกันมา... แต่ ทั้งคืน (ซึ่งกลางคืนเป็นเวลาจับปลา) แต่เขาจับปลาไม่ได้เลย... ไม่น่าเชื่อจริงๆ มืออาชีพกลับจับปลาไม่ได้ พวกเขาดูเหมือน (ถ้าเป็นการประกาศข่าวดี) จะไม่มีความสามารถเลยที่จับปลา แต่ถ้าอ่านต่อไปเราจะพบว่า เพราะพระบัญชา ทำตามคำสั่งของพระเยซู ความสามารถของพวกเขาที่หมดท่าเลยนั้น กลับจับปลาได้มากมายจริงๆ

• พอรุ่งสาง พระองค์ปรากฏพระองค์อยู่บนฝั่ง แต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระองค์.. การจำไม่ได้เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลังทรงกลับคืนชีพ... พระองค์ร้องถาม แต่คำถามนี้ต้องพิจารณาเลย ““ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม” เขาตอบว่า “ไม่มี””
o “ลูกเอ๋ย” เป็นคำเรียกที่อ่อนโยนมากๆ ภาษากรีกสื่อให้เราเห็นว่า สำหรับพระองค์ บรรดาศิษย์เป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ที่พระองค์ทรงรักและห่วงใยพวกเขา ทรงห่วงใยและถามถึงเรื่อง “อาหาร” พระองค์ถาม “มีอะไรกินบ้างไหม” คล้ายกับพระวรสารนักบุญลูกาที่เราอ่านเมื่อวาน (ลก 24) “พวกท่านมีอะไรกินบ้างไหม และพวกเขาถวายปลาย่างชิ้นหนึ่งแด่พระองค์”
o พ่อสังเกตว่า ความห่วงใย คือความห่วงใยพื้นฐานจริงๆ เรื่องอาหารการกิน และเราต้องไม่ลืมว่านี่คือพื้นฐานของความรัก คนรักกันก็เลี้ยงดูกันเป็นเรื่องปกติ... พ่อมีคนที่ชวนพ่อรับประทานอาหารบ่อยๆ พวกเขาอยากเชิญพ่อไปทานอาหาร อยากเลี้ยงอาหารพ่อ และพ่อเองก็เลี้ยงอาหารคนอื่นบ่อยๆ น้องเณรนั้นประจำเลยที่พ่อจะพาไปรับประทานข้าว และพ่อจะเลี้ยงดู ให้สิ่งที่ดีที่สุด เหมือนพี่น้องพาพ่อไปเลี้ยงและให้สิ่งที่ดีที่สุด...
o จากประสบการณ์เหล่านี้ และย้อนมองพระวรสาร พ่อรู้และแน่ใจว่า... การให้อาหาร การเลี้ยงดูห่วงใย คือ “ความรัก” แน่นอน... อยากรู้ว่าคนอื่นๆเขารักเราไหม... ดูสิว่า เขาชวนเรารับประทานอาหารบ้างไหม และเขาให้อาหารที่ดีแก่เราไหม... และเราเอง พ่อเองด้วย เคยเตรียมอาหารให้คนอื่นๆบ้างไหม ไปรับประทานอาหารได้จ่ายเงินเลี้ยงคนอื่นบ้างไหม... ดูง่ายมากครับ ถ้าไม่เคยชวนไปรับประทาน และหรือชวนไปรับประทานและไม่เคยจ่ายเงินเลย (สงสัยจะไม่ค่อยรักครับ) คิดได้ง่ายๆเช่นนี้ครับ... พ่อเป็นพระสงฆ์ เป็น “คุณพ่อ” พ่อคงต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงเสมอกระมัง.. แต่ถ้าพ่อรับเชิญไปเลี้ยงและไม่เคยเป็นผู้จ่ายเลย... สัตบุรุษจ่ายเท่านั้น พ่อ (พระสงฆ์) ไม่เคยมีหน้าที่จ่ายและไม่เคยคิดว่าต้องจ่ายเลี้ยงดู... น่าสงสัย “ความรัก” จังเลย

• คำตอบของบรรดาศิษย์เมื่อพระองค์ถามว่ามีอะไรกินบ้างไหม... คำตอบคือ “ไม่มี”
o อ่านแล้วรู้ว่า คำตอบห้วนมาก เหมือนอารมณ์ไม่ได้ ทำงานไม่ได้ผล จับปลาตามอาชีพเดิมทั้งคืนกลับจับปลาไม่ได้เลย... เหมือนกับว่า “ผิดหวังกับความสามารถของพวกตน”
o สำหรับพระวรสารนักบุญยอห์น น่าจะไตร่ตรองได้ว่า บรรดาศิษย์พวกเขาไม่มีความสามารถจริงๆ ย้ำ ไม่สามารถเพราะพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพไม่ได้ประทับอยู่กับเขา กล่าวได้ว่า “ขาดพระองค์พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย” แม้เป็นงานอาชีพเดิมของตนก็ตาม ดูเหมือนว่า นักบุญยอห์นต้องการสื่อความหมายเช่นนั้นจริงๆ

• “พระองค์จึงตรัสว่า “จงเหวี่ยงแหไปทางกราบเรือด้านขวาซิ แล้วจะได้ปลา” บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป แต่ดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจำนวนมาก”
o พระเยซูไม่เคยเป็นชาวประมง พระองค์มาจากนาซาแร็ธ ที่นั่นไม่ติดทะเลสาบกาลิลี พระองค์เป็นลูกช่างไม้... แต่ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และแม้พวกเขาอยู่ใกล้ฝั่งแล้ว เช้าแล้ว หมดเวลาที่เหมาะกับการจับปลาแล้ว... แต่คำสั่ง “พระวาจา” ทรงพลังมาก
o พระองค์สั่งพร้อมกับพบกว่า “กราบเรือด้านขวา” จะเรียกว่าเป็น ทิศทางใหม่ที่ทรงประทานให้ New Direction ที่มาจากพระอาจารย์เจ้า... คำสั่งใหม่ของพระองค์... ขอเพียงเชื่อฟัง...
o และก็เป็นเช่นนั้น พวกเขาทำตามพระบัญชา... ผลคือ “จับปลาได้มากมายจนดึงขึ้นไหม่ไหวจริงๆ” แม้ผิดที่คือใกล้ฝั่ง ผิดเวลาจับปลาคือรุ่งเช้าแล้ว.. แต่คำสั่งของพระองค์ ขอเพียงปฏิบัติตาม ได้ผลมากเกินกว่าประสบการณ์ของพวกเขา... เรื่องนี้สอนเราจริงๆให้เราเชื่อฟัง และปฏิบัติตามพระบัญญัติและพระวาจาของพระองค์

• “ประสบการณ์ทำให้ศิษย์ที่ทรงรักจำพระองค์ได้” พ่อสะดุดใจจริงๆ ประสบการณ์และความรักทำให้จำกันได้ เขาจึงบอกกับคนอื่นๆ ว่าผู้ที่อยู่บนฝั่งนั้นคือพระอาจารย์เจ้า.. เปโตรยังคงเป็นผู้นำเสมอในพระวรสารนักบุญยอห์น ท่านกระโดดลงน้ำไปก่อน ไปหาพระเยซูเจ้า

• ภาพที่พบและพระดำรัสต่อไปนี้... คือ ภาพสำคัญและงดงามอ่อนโยนและสุดยอดไปหมดครับ
o “เมื่อบรรดาศิษย์ขึ้นมาบนฝั่ง ก็เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาและขนมปังวางอยู่บนไฟ” นี่เป็นภาพสุดยอด สุดบรรยาย พระอาจารย์เจ้า พระเจ้าสูงสุด ทรงเตรียมอาหารเลี้ยงบรรดาศิษย์เพื่อดับความหิวของพวกเขา อะไรคือเหตุผล... คำตอบ คือ “ความรัก รักมาก รักจริงๆ” พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า มีพระเจ้าที่ไหนจะน่ารักเช่นนี้... ทรงเตรียมอาหารเลี้ยงบรรดาศิษย์ของพระองค์
o “พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเอาปลาที่เพิ่งจับได้มาบ้างซิ” 11ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือ แล้วลากแหขึ้นฝั่ง มีปลาตัวใหญ่ติดอยู่เต็ม นับได้หนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว แต่ทั้งๆ ที่ติดปลามากเช่นนั้น แหก็ไม่ขาด” พระองค์ทรงอ่อนโยนและบัญชาเพื่อเลี้ยงดูพวกเขา แต่ทำไม้ต้องนับจำนวนปลา ยอห์นเสนอว่าจำนวน 153 ตัว ตรงนี้เป็นความลึกลับของจำนวนเลขที่ยากจะอธิบาย “นั่งนับปลากันทำไม” หรือเป็นเลขสัญลักษณ์ตามสไตล์ของนักบุญยอห์นกันหนอ ความเป็นไปได้น่าสนใจ ดังนี้
1. บางความคิดบอกว่า 153 คือจำนวนชนชาติของคนทั่วโลก ที่เป็นที่รู้จักในสมัยผู้นิพนธ์พระคัมภีร์ ดังนั้น หมายถึง การประกาศข่าวดี “ชาวประมงจับมนุษย์” สำเร็จและครอบคลุมทุกชาติที่จะได้รับการประกาศข่าวดี
2. พ่อเคยเสนอความคิดนี้ที่พ่อได้พบในขณะเดินทางไปอิสราเอล ได้สนทนากับชาวยิวที่เก่งมากๆ คนหนึ่ง... เขาได้เสนอความเข้าใจเลข 153 คือจำนวนเลขที่เกิดจากการคำนวณคำภาษาฮีบรู ประโยคที่ว่า “Anoki Elohim” เมื่อนำภาษาฮีบรูนี้มาคำนวณเป็นตัวเลขและรวมกันจะได้ 153 พอดี และคำนี้ แปลว่า “ฉันคือพระเจ้า” (I Am God) การตีความเช่นนี้ลงตัวมาก... เพราะการจับปลาได้จำนวนนี้เป็นการประกาศให้รู้ว่าพระองค์เป็นใคร และบรรดาศิษย์รับประทานอาหารโดยไม่มีใครกล้าถามพระองค์ “ไม่มีศิษย์คนใดกล้าถามว่า “ท่านเป็นใคร” เพราะรู้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” (ส่วนตัวพ่อ นี่คือสุดยอดของการเข้าใจตัวเลขจำนวนปลามากมาย เป็นการบอกว่า นี่คือพระเจ้าเท่านั้นที่ทำได้)

o “มากินอาหารกันเถิด” นี่แหละ “ความรัก” ที่พ่อเองเห็นความสุดแสนน่ารักของพระเยซูเจ้า และความยิ่งใหญ่แห่งการรับใช้และจัดเตรียมอาหารเพื่อเลี้ยงดูศิษย์ของพระองค์...
o “พระเยซูเจ้าทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา แล้วทรงแจกปลาให้เช่นเดียวกัน” พระองค์เคยทำเช่นนี้มาตลอด ทรงมอบอาหารให้ นี่คือการสอนเรื่องความรักที่เราสามารถเรียนรู้ได้ พระเจ้าผู้รับใช้จริงๆ แบบอย่างของเรา

• “นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย” เลข 3 คือความครบครัน พระองค์ปรากฏพระองค์สามครั้ง คือความครบครันที่พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งและทรงรักประชากรของพระองค์ พ่อสรุปความน่ารักของพระวรสารวันนี้...
o พี่น้องที่รักจะมีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ในความรักเช่นนี้...
o เราจะเลียนแบบและเดินตามพระองค์ได้ตลอดไป
o ความรัก คือ การเลี้ยงดูที่เราเลียนพระฉบับของพระองค์ได้ รู้จักเลี้ยงคนอื่นกันเสมอๆ นะครับ ความรักคือการให้ รักจริงๆ คือให้อาหาร รักจริงคือให้อภัย รักที่สุดคือรักศัตรูและให้อภัยได้ตลอดไป
o ขอให้เรามั่นใจว่า พระองค์คือพระเจ้าของเรา Anoki Elohim (I Am God) และเราทุกคนสามารถรักแบบที่พระองค์รักเรา
o เชื่อในพระบัญชาของพระองค์เสมอ...นะครับ.. ทิศทางสำหรับเราคือกราบเรือด้านขวาเสมอ อย่าดำเนินชีวิตผิดทางหรือใช้แต่ความสามารถของตน จับปลาทั้งคืนอาจไม่ได้ปลาสักตัว หากเราเลือกตามใจ ตามความสามารถของเรา ความเก่งของเรา... จะดีกว่าด้วย ถ้าเราได้เชื่อ ศรัทธา และทำตามพระบัญชา การทำงานอาชีพของเราดีครับ แต่ถ้ามีบัญญัติแห่งความรักเป็นทิศทาง พ่อมั่นใจว่าดีที่สุดแน่นอน...

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก