“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

เปาโลปราศรัยต่อหน้ากษัตริย์อากริปปา

26 1กษัตริย์อากริปปาaตรัสกับเปาโลว่า “ท่านได้รับอนุญาตให้พูดแก้ข้อกล่าวหา”

2เปาโลจึงโบกมือให้ทุกคนเงียบและเริ่มพูดแก้ข้อกล่าวหาว่า “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ข้าพเจ้าคิดว่า บัดนี้ ข้าพเจ้าโชคดีที่ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ เพื่อแก้ข้อกล่าวหาทุกข้อที่ชาวยิวฟ้องกล่าวโทษข้าพเจ้า 3โดยเฉพาะอย่างยิ่งb ข้าพเจ้าคิดว่าพระองค์ทรงรู้จักขนบธรรมเนียมและข้อโต้แย้งต่างๆ ของชาวยิว ดังนั้น ขอท่านโปรดอดทนฟังข้าพเจ้าด้วย

4ชาวยิวทุกคนรู้วิถีทางดำเนินชีวิตของข้าพเจ้า ตั้งแต่วัยเด็กข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่กับเพื่อนร่วมชาติที่กรุงเยรูซาเล็ม 5เขารู้จักข้าพเจ้ามานานแล้ว และถ้าเขาต้องการเป็นพยานให้ข้าพเจ้า เขาก็เป็นพยานยืนยันได้ว่า ข้าพเจ้าเป็นชาวฟาริสีซึ่งดำเนินชีวิตในกลุ่มที่ปฏิบัติตามหลักศาสนาอย่างเคร่งครัดที่สุด 6บัดนี้ ข้าพเจ้าต้องถูกพิพากษาเพราะความหวังในพระสัญญาที่พระเจ้าประทานแก่บรรพบุรุษของเรา 7พวกเราชาวยิวทั้งสิบสองตระกูลรับใช้พระเจ้าตลอดมาทั้งกลางวันและกลางคืน ก็เพราะหวังว่าc พระสัญญานี้จะเป็นความจริง ข้าแต่พระราชา ชาวยิวกล่าวหาข้าพเจ้าเพราะความหวังนี้เอง 8ทำไมท่านทั้งหลายจึงคิดว่าพระเจ้าทรงทำให้บรรดาผู้ตายdกลับคืนชีพไม่ได้

9ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ข้าพเจ้าต้องทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางนามของเยซูชาวนาซาเร็ธ 10ข้าพเจ้าทำเช่นนี้ที่กรุงเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าได้รับมอบอำนาจจากบรรดาหัวหน้าสมณะให้จับกุมคริสตชนหลายคนจองจำไว้ในคุก เมื่อเขาถูกพิพากษาประหารชีวิต ข้าพเจ้าก็ลงคะแนนให้ประหารชีวิตเขาด้วย 11ข้าพเจ้าเข้าไปในศาลาธรรมต่างๆ หลายครั้ง ทรมานเขา บังคับเขาให้ปฏิเสธพระเยซูเจ้า ข้าพเจ้าโกรธแค้นบรรดาคริสตชนมาก จึงเบียดเบียนเขาในเมืองต่างๆ นอกแผ่นดินอีกด้วย

12วันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้รับมอบอำนาจและภารกิจจากบรรดาหัวหน้าสมณะ จึงเดินทางไปยังเมืองดามัสกัสเพื่อจุดประสงค์เดียวกันนี้ 13ข้าแต่พระราชา ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทาง เวลาประมาณเที่ยงวัน ข้าพเจ้าเห็นแสงสว่างจากท้องฟ้า สว่างจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ส่องแสงรอบตัวข้าพเจ้าและเพื่อนร่วมทาง 14เราทุกคนล้มลงที่พื้น ข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดเป็นภาษาฮีบรูว่า ‘เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม เจ้าจะต้องเจ็บตัวเหมือนวัวถีบปฏัก’e

15ข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า พระองค์คือใคร’

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราคือเยซู ที่เจ้ากำลังเบียดเบียน 16บัดนี้ จงลุกขึ้นยืนเถิด เราแสดงตนแก่เจ้า เพื่อแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้ของเรา เจ้าจงเป็นพยานยืนยันสิ่งที่เจ้าเห็นและสิ่งที่เราจะเปิดเผยอีก 17เราจะช่วยให้เจ้าปลอดภัยจากเพื่อนร่วมชาติของเจ้า และจากคนต่างศาสนาที่เราจะส่งเจ้าไปพบ 18เจ้าจะเปิดตาของเขา จะทำให้เขาผ่านพ้นความมืดมาสู่ความสว่างf และผ่านพ้นอำนาจของซาตานมาสู่พระเจ้า เพื่อจะได้รับการอภัยบาปg และรับมรดกร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพราะมีความเชื่อในเรา’

19ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ด้วยเหตุดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงไม่ต่อต้านภาพนิมิตจากสวรรค์ 20ข้าพเจ้าเทศน์สอนชาวเมืองดามัสกัสก่อน แล้วต่อมาจึงเทศน์สอนชาวกรุงเยรูซาเล็มและผู้คนในแคว้นยูเดียทั้งหมด รวมทั้งคนต่างศาสนาให้กลับใจและหันมาสู่พระเจ้า ปฏิบัติกิจการที่แสดงการกลับใจอย่างแท้จริง 21เพราะเหตุนี้ ชาวยิวจึงจับกุมข้าพเจ้าในพระวิหาร และพยายามฆ่าข้าพเจ้า 22แต่พระเจ้าทรงช่วยเหลือข้าพเจ้าจนถึงวันนี้ ข้าพเจ้าเป็นพยานเสมอมาทั้งต่อหน้าผู้น้อยและผู้ใหญ่ ข้าพเจ้ายืนยันแต่เพียงสิ่งที่บรรดาประกาศกและโมเสสกล่าวไว้ว่าจะต้องเกิดขึ้น 23คือพระคริสตเจ้าจะต้องรับทรมาน และจะทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเป็นพระองค์แรก จะทรงประกาศแสงสว่างแก่ประชากรอิสราเอลและแก่บรรดาคนต่างศาสนา”

ปฏิกิริยาของผู้ฟัง

24ขณะที่เปาโลกำลังพูดเช่นนี้เพื่อแก้ข้อกล่าวหา เฟสตัสตะโกนเสียงดังว่า “เปาโล ท่านเป็นบ้าแล้วหรือ การเรียนมากทำให้ท่านเป็นบ้า”h

25เปาโลตอบว่า “ท่านเฟสตัสที่เคารพอย่างสูง ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นบ้า ข้าพเจ้ากำลังพูดความจริงสมเหตุสมผล 26กษัตริย์อากริปปาทรงทราบเรื่องเหล่านี้ดี ข้าพเจ้าทูลพระองค์ได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะข้าพเจ้าคิดว่า เหตุการณ์ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้มิได้เกิดขึ้นในที่ลับตาi จึงเป็นที่ทราบดีแก่พระองค์ 27ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา พระองค์ทรงเชื่อบรรดาประกาศกมิใช่หรือ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงเชื่อ”

28กษัตริย์อากริปปาจึงทรงตอบเปาโลว่า “อีกนิดเดียว ท่านก็ชักชวนเราให้เป็นคริสตชนjได้แล้ว”

29เปาโลตอบว่า “อีกนิดเดียวหรือไม่นิดเดียวk ข้าพเจ้าไม่รู้ แต่ข้าพเจ้าก็อธิษฐานต่อพระเจ้าให้พระองค์และทุกคนที่กำลังฟังข้าพเจ้าในวันนี้กลับเป็นอย่างที่ข้าพเจ้าเป็น แต่อย่าถูกพันธนาการเช่นนี้”

30กษัตริย์อากริปปาทรงลุกขึ้นพร้อมกับผู้ว่าราชการ พระนางเบอร์นิสและทุกคนที่ประชุมอยู่ที่นั่น 31ขณะที่ทุกคนกำลังออกจากห้อง ต่างก็พูดกันว่า “ชายผู้นี้ไม่ได้ทำผิดอะไรที่สมควรจะถูกประหารชีวิตหรือถูกจองจำ”

32กษัตริย์อากริปปาตรัสกับเฟสตัสว่า “ถ้าชายผู้นี้ไม่ได้อุทธรณ์ต่อพระจักรพรรดิ เขาน่าจะถูกปล่อยไปก่อนนี้แล้ว”

 

26 a คำปราศรัยของเปาโลมีโครงสร้างดังนี้ (1) คำยกย่องชมเชย (ข้อ 2-3; เทียบ 24:2-3, 10) (2) เปาโลยืนยันว่าความเชื่อของคริสตชนเรื่องการกลับคืนชีพของร่างกายตรงกับความเชื่อของชาวฟาริสี (ข้อ 4-8; ดู มธ 3:7 เชิงอรรถ f) (3) เปาโลเล่ารายละเอียดการกลับใจของตน (ข้อ 9-18; เทียบ 9:1-18; 22:3-16) (4) เปาโลสรุปการเทศน์สอนของตนแสดงว่าความเชื่อคริสตชนคือพระสัญญาในพระคัมภีร์เป็นความจริง (ข้อ 19-23; เทียบ 13:15-41) ปัญหาที่ว่าพระสัญญาในพระคัมภีร์เป็นความจริงแล้วหรือไม่ คือประเด็นความแตกต่างระหว่างศาสนายิวและคริสตศาสนา (ดู 24:14 เชิงอรรถ f)

b “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง” บางคนแปลว่า “มากกว่าใครๆ”

c ความหวังเรื่องพระเมสสิยาห์มีความหมายชัดเจนในความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ชอบธรรม ซึ่งจะเข้าอยู่ในพระอาณาจักรในวันุสดท้าย (ดู 2 มคบ 7:9 เชิงอรรถ c; ดนล 12:1-3) ความหวังนี้เริ่มเป็นความจริงเมื่อพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ การกลับคืนพระชนมชีพนี้เป็นพื้นฐานแห่งความหวังของคริสตชน (1 คร 15:15-22; คส 1:18)

d ข้อ 7-8 สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ทั้งสิบสองตระกูลของเรารับใช้พระเจ้าโดยไม่หยุดหย่อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็เพราะหวังว่าพระสัญญาจะเป็นความจริง ชาวยิวกล่าวหาข้าพเจ้าก็เพราะความหวังนี้เองคือ พระเจ้าทรงทำให้บรรดาผู้ตายกลับคืนชีพ”

e สุภาษิตของชาวกรีก หมายความว่า การต่อต้านผู้มีอำนาจมากกว่าไม่เพียงแต่ไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่ยังทำให้เจ็บตัวด้วย

f พระเยซูเจ้าทรงเรียกเปาโลให้เป็นธรรมทูตโดยใช้สำนวนในพันธสัญญาเดิมที่กล่าวถึงประกาศกยิ่งใหญ่สองท่าน คือ เยเรมีย์ (ยรม 1:5-8) และผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ (อสย 42:7, 16)

g ใน 9:17-18 เปาโลได้กลับมองเห็นอีก เป็นการผ่านจากความมืดไปสู่ความสว่าง ใน 22:16 (เทียบ 9:18) เปาโลได้รับคำสั่งให้ชำระล้างบาปของตนด้วยศีลล้างบาป ดังนั้น ประสบการณ์นี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของภารกิจของเปาโลต่อผู้อื่น

h เฟสตัสรู้สึกแปลกใจที่เปาโลรู้จักพระคัมภีร์เป็นอย่างดี อ้างเหตุผลตามวิธีการของธรรมาจารย์ชาวยิวได้ ส่วนกษัตริย์อากริปปาไม่ทรงกล่าวอะไรเพราะทรงสะเทือนใจ เทียบคำตอบในข้อ 28 ซึ่งไม่ตรงประเด็น

i เหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นทำให้พระสัญญาที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์เป็นความจริง (ข้อ 23; พระทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้า บรรดาอัครสาวกได้แยกย้ายกันออกไปเทศน์สอนทั่วโลก) เหตุการณ์เหล่านี้ทุกคนแลเห็นได้

j “คริสตชน” ดู 11:26 เชิงอรรถ l

k เปาโลเล่นคำ “นิดเดียว” ที่กษัตริย์อากริปปาทรงใช้

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก