“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)


(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

เหตุการณ์ในแคว้นลิคาโอเนีย เปาโลรับทิโมธีเป็นผู้ร่วมงาน

16 1เปาโลเดินทางมาถึงเมืองเดอร์บีและเมืองลิสตรา ที่เมืองนี้ศิษย์คนหนึ่งชื่อทิโมธีa มารดาของเขาเป็นคริสตชนชาวยิว แต่บิดาเป็นชาวกรีก 2เขาเป็นที่นับถือของบรรดาพี่น้องคริสตชนที่เมืองลิสตราและเมืองอิโคนิยุม 3เปาโลต้องการให้เขาร่วมเดินทางไปด้วย จึงให้เขาเข้าสุหนัตb เพื่อเอาใจบรรดาชาวยิวที่อยู่ในที่ต่างๆ แถบนั้น เพราะทุกคนรู้ว่า บิดาของเขาเป็นชาวกรีก 4เมื่อคณะของเปาโลผ่านไปตามเมืองต่างๆ ก็แจ้งให้บรรดาคริสตชนรู้ข้อกำหนดที่บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสตกลงกันที่กรุงเยรูซาเล็ม เตือนเขาให้ปฏิบัติตามc 5บรรดากลุ่มคริสตชนจึงมีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้นและมีจำนวนคริสตชนเพิ่มขึ้นทุกวัน

เปาโลเดินทางข้ามเอเชียน้อย

6พระจิตเจ้าทรงห้ามคณะของเปาโลประกาศพระวาจาในแคว้นอาเซีย เขาจึงเดินทางผ่านแคว้นฟรีเจียและแคว้นกาลาเทียd 7มาถึงแคว้นมิเซีย เขาพยายามเข้าไปในแคว้นบิธีเนีย แต่พระจิตของพระเยซูเจ้าeไม่ทรงอนุญาตให้เข้าไป 8เขาจึงเดินทางผ่านแคว้นมิเซียfไปถึงเมืองโตรอัส 9เวลากลางคืนเปาโลเห็นนิมิต ชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอยู่ อ้อนวอนเปาโลว่า “โปรดข้ามมาในแคว้นมาซิโดเนียและช่วยพวกเราด้วยเถิด” 10เมื่อเปาโลเห็นนิมิตนี้แล้ว พวกเราgก็หาโอกาสที่จะไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที เพราะเชื่อแน่ว่าพระเจ้าทรงเรียกเราให้ไปประกาศข่าวดีแก่ชาวแคว้นนั้นด้วย

เปาโลมาถึงเมืองฟีลิปปี

11พวกเราแล่นเรือออกจากเมืองโตรอัส มุ่งไปยังเกาะซาโมธรัส วันรุ่งขึ้นก็เดินทางต่อไปถึงเมืองเนอาบุรี 12จากเมืองนี้เราเดินทางไปถึงเมืองฟีลิปปี อาณานิคมของชาวโรมัน เป็นเมืองเอกของแคว้นมาซิโดเนียh เราพักอยู่ที่เมืองนี้หลายวัน

13วันสับบาโตวันหนึ่ง เราออกนอกประตูเมืองไปยังริมลำธาร เพราะคิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับอธิษฐานภาวนาi เรานั่งพูดคุยกับบรรดาสตรีที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น 14สตรีคนหนึ่งชื่อลิเดีย มาจากเมืองธิอาทิรา เป็นคนขายผ้ากำมะหยี่สีม่วงแดง เป็นคนเลื่อมใสในพระเจ้าฟังเราอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดใจนางให้ยอมรับถ้อยคำของเปาโล 15นางและทุกคนในครอบครัวรับศีลล้างบาปj แล้วจึงเชิญเรา พูดว่า “ถ้าท่านคิดว่าดิฉันเป็นผู้มีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงมาพักที่บ้านของดิฉันเถิด” นางเชิญชวนจนเราปฏิเสธไม่ได้k

เปาโลและสิลาสถูกจองจำ

16วันหนึ่ง ขณะที่เรากำลังเดินไปยังสถานที่อธิษฐานภาวนา ทาสหญิงคนหนึ่งมาพบเรา นางเป็นคนทรงl ทำนายอนาคตได้ ทำให้นายของนางมีรายได้มากจากการทำนาย 17ทาสหญิงคนนี้ติดตามเปาโลและพวกเราพลางตะโกนว่า “คนเหล่านี้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้สูงสุด กำลังประกาศหนทางแห่งความรอดพ้นให้ท่านทั้งหลาย” 18นางทำเช่นนี้หลายวัน จนเปาโลรำคาญ จึงหันมาสั่งจิตที่เข้าทรงนั้นว่า “เดชะพระนามพระเยซูคริสตเจ้า ข้าพเจ้าสั่งเจ้าให้ออกไปจากนาง” ทันใดนั้น จิตก็ออกไป

19เมื่อนายของทาสหญิงนั้นเห็นว่าหมดโอกาสที่จะมีรายได้แล้ว จึงจับกุมเปาโลและสิลาส นำตัวไปขึ้นศาลต่อหน้าผู้ปกครอง 20เขานำเปาโลและสิลาสไปอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษาพูดว่า “คนเหล่านี้ก่อความวุ่นวายในเมืองของเรา เขาเป็นชาวยิว 21เทศน์สอนขนบธรรมเนียมซึ่งเราชาวโรมันไม่รับและไม่ปฏิบัติตามเพราะผิดกฎหมาย”m

22ประชาชนกลุ้มรุมกันจะทำร้ายเปาโลและสิลาส บรรดาผู้พิพากษาจึงสั่งให้เปลื้องเสื้อผ้าและเฆี่ยนเขาทั้งสองคน 23เมื่อได้เฆี่ยนหลายทีแล้ว ก็นำไปขังคุก สั่งให้ผู้คุมควบคุมไว้อย่างเข้มงวด 24เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนี้ ผู้คุมก็นำเปาโลและสิลาสไปขังไว้ในคุกชั้นในสุด และใส่โซ่ตรวนที่เท้าอย่างแน่นหนา

พระเจ้าทรงช่วยเปาโลและสิลาสให้เป็นอิสระ

25เวลาประมาณเที่ยงคืน เปาโลและสิลาสกำลังอธิษฐานภาวนาและขับร้องสรรเสริญพระเจ้า นักโทษคนอื่นกำลังฟังอยู่ 26ทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนฐานคุกสั่นสะเทือน ประตูคุกทุกบานเปิดออกทันที โซ่ตรวนของผู้ถูกจองจำทุกคนก็หลุด 27ผู้คุมตื่นขึ้น เห็นว่าประตูคุกเปิด จึงชักดาบจะฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าบรรดาผู้ถูกจองจำหนีไปหมดแล้ว 28แต่เปาโลร้องตะโกนว่า “อย่าทำร้ายตนเองเลย พวกเรายังอยู่ที่นี่กันทุกคน”

29ผู้คุมสั่งให้จุดตะเกียง กระโดดเข้าไปในคุก ตัวสั่นn กราบลงแทบเท้าของเปาโลและสิลาส 30พาคนทั้งสองออกมาข้างนอกพูดว่า “ท่านขอรับ ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไรจึงจะรอดพ้น”

31เปาโลและสิลาสตอบว่า “จงเชื่อพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านและครอบครัวจะได้รอดพ้น” 32ทั้งสองคนประกาศพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าoให้ผู้คุมและทุกคนในครอบครัวฟัง 33เวลาดึกคืนนั้น ผู้คุมพาเขาทั้งสองคนแยกไปล้างแผล ทันทีหลังจากนั้น เขาได้รับศีลล้างบาปพร้อมกับทุกคนในครอบครัว 34เขาเชิญทั้งสองคนขึ้นไปบนบ้าน จัดโต๊ะเลี้ยงอาหาร และมีความยินดีพร้อมกันทั้งครอบครัวที่ได้มีความเชื่อในพระเจ้า

35วันรุ่งขึ้น บรรดาผู้พิพากษาส่งเจ้าหน้าที่ไปพบผู้คุม สั่งว่า “จงปล่อยคนเหล่านั้นให้เป็นอิสระ”p 36ผู้คุมจึงแจ้งข่าวนี้แก่เปาโลว่า “ผู้พิพากษาสั่งให้ปล่อยท่านทั้งสองคนเป็นอิสระแล้ว บัดนี้จงออกไปเป็นสุขเถิด”q

37เปาโลกล่าวแก่ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ว่า “เขาสั่งให้เฆี่ยนเราทั้งสองคนต่อหน้าสาธารณชนโดยมิได้พิจารณาคดี แล้วยังจองจำเราในคุกอีกด้วย เราเป็นพลเมืองโรมันr บัดนี้เขาไล่เราออกไปอย่างเงียบๆ หรือ เราไม่ยอมหรอก เขาต้องมาด้วยตนเอง เพื่อพาเราทั้งสองคนออกจากที่นี่ 38เจ้าหน้าที่จึงรายงานเรื่องนี้แก่ผู้พิพากษา เมื่อได้ยินว่าเปาโลและสิลาสเป็นพลเมืองโรมัน ผู้พิพากษาก็ตกใจ 39จึงมาขอโทษ แล้วพาทั้งสองคนออกจากคุก ขอร้องให้ออกไปจากเมืองs 40เปาโลและสิลาสออกจากคุกแล้ว ก็เข้าไปที่บ้านของนางลิเดีย พบบรรดาพี่น้องคริสตชน ให้กำลังใจพวกเขา แล้วจากไป

 

16 a ทิโมธีจะเป็นเพื่อนร่วมงานถาวรของเปาโล (ดู 17:14ฯ; 18:5; 19:22; 20:4; รม 16:21; 1 คร 4:17; 16:10; 2 คร 1:19; 1 ธส 3:2, 6) 1 ทธ และ 2 ทธ เป็น “จดหมายเกี่ยวกับงานอภิบาล” ที่เปาโลเขียนถึงเขา

b เปาโลต่อต้านการบังคับให้คนต่างศาสนาที่กลับใจเข้าพิธีสุหนัต (กท 2:3; 5:1-12) แต่ทิโมธีมีมารดาเป็นชาวยิว ดังนั้นเขาจึงเป็นชาวยิวตามนิตินัย

c ข้อสังเกตของ ลก นี้ สอดคล้องกับข้อความในบทที่ 15 ซึ่งกล่าวถึงมติของการประชุมที่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งเปโตรและเปาโลอยู่ในที่ประชุมด้วย (แต่ดู 15:1 เชิงอรรถ a)

d “กาลาเทีย” ในที่นี้หมายถึงแคว้นกาลาเทียดั้งเดิมทางเหนือ (ดู ความรู้เกี่ยวกับจดหมายของนักบุญเปาโล ข้อ 4.3) ดังนั้น เมื่อเปาโลออกจากเมืองอิโคนิยุมแล้ว เขาเดินทางมุ่งไปยังเมืองเอเฟซัสทางตะวันตก แต่พระจิตเจ้าทรงขัดขวางไว้ เขาจึงเปลี่ยนทิศทางไปทางเหนือเข้าแคว้นฟรีเจีย แล้วเดินทางต่อไปทางตะวันตกเฉียงเหนือยัง “แคว้นกาลาเทีย” ดั้งเดิม เปาโลได้พักอยู่ระยะหนึ่งที่นั่นเพราะป่วย (กท 4:13-15) ประกาศข่าวดีในที่ต่างๆ บริเวณนี้ และในภายหลังได้กลับมาเยี่ยมบรรดาศิษย์ที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง (กจ 18:23)

e สำเนาโบราณบางฉบับละ “ของพระเยซูเจ้า”

f บางคนแปลว่า “เลียบแคว้นมิเซีย”

g น่าสังเกตว่าประธานของประโยคเปลี่ยนเป็นบุรุษที่หนึ่งพหูพจน์โดยกะทันหัน เป็นการเริ่มใช้เอกสารที่ผู้เขียนอยู่ในเหตุการณ์ (แต่ดู 11:27 เชิงอรรถ n) ในหนังสือ กจ 16:10-17 เป็นตอนแรกของข้อความเช่นนี้ และจะพบอีกในบทที่ 20:5-15 ดู “ความรู้เกี่ยวกับกิจการอัครสาวก” ด้วย )

h ฟีลิปปีเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งในแคว้นมาซิโดเนีย ต่อมาได้เป็นอาณานิคมโรมัน ประชาชนส่วนใหญ่เป็นทหารผ่านศึกจากกองทัพโรมัน พูดภาษาละติน เมืองนี้จึงมีการปกครองตามรูปแบบของกรุงโรม

i ชาวยิวไม่มีศาลาธรรมในเมืองฟีลิปปี เขาจึงมาชุมนุมกันที่ริมห้วยเพื่อทำพิธีชำระล้างทางศาสนา

j การกลับใจของนางลิเดียได้ทำให้ทุกคนในครอบครัวของนางมีความเชื่อ (เทียบ 10:44; 16:31, 34; 18:8; 1 คร 1:16)

k โดยปกติเปาโลไม่ยอมพึ่งพาใคร (ดู 20:33-35; 1 คร 9; 1 ธส 2:9; 2 ธส 3:8) แม้ว่าในภายหลังจะยอมรับความช่วยเหลือจากชาวฟีลิปปีอีกครั้งหนึ่งด้วย (ดู ฟป 4:10-18) เขาจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครอื่นเลย การที่เปาโลยอมไปพักอยู่ในบ้านของนางลิเดียและยอมรับความช่วยเหลือจากคริสตชนอื่นๆ ชาวฟีลิปปีจึงแสดงว่า เขาต้องการยกย่องความใจดีของนางลิเดียและของคริสตชนชาวฟีลิปปีเป็นพิเศษ

l “คนทรง” แปลตามตัวอักษรว่า “ผู้มีจิตของงูเหลือมพิโทน” เรียกเช่นนั้นตามชื่องูพิโทนซึ่งเฝ้าพระวิหารของเทพเจ้าที่เมืองเดลฟี พระวิหารที่นี่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณเพราะประชาชนนิยมไปเสี่ยงทายขอคำตอบจากเทพเจ้า

m ธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ที่ชาวฟีลิปปีอ้างถึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวยิว (ดู 6:14; 15:1; 21:21; 26:3; 28:17; ยน 19:40) ผู้กล่าวหาไม่รู้จักแยกคริสตชนจากชาวยิว ข้อกล่าวหาในโอกาสนี้คือ ความผิดฐานชักชวนให้เปลี่ยนศาสนา แม้ว่าชาวยิวได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติศาสนกิจของตนได้ แต่ไม่มีสิทธิชักชวนชาวโรมันให้เปลี่ยนศาสนา ดังนั้น การเผยแผ่ศาสนาของคริสตชนจึงเป็นการผิดกฎหมายด้วย

n ผู้คุมมีความกลัวเพราะตระหนักว่าตนได้ปฏิบัติต่อเปาโลและสิลาสเหมือนเป็นนักโทษ ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนเป็นทูตของพระเจ้า

o สำเนาโบราณบางฉบับว่า “พระวาจาของพระเจ้า”

p สำเนาโบราณบางฉบับปรับปรุงข้อ 35 นี้ว่า “พอรุ่งเช้า บรรดาผู้พิพากษาได้ประชุมกันที่ศาล เมื่อระลึกได้ว่าได้เกิดแผ่นดินไหว เขามีความกลัวและส่งเจ้าหน้าที่ไปที่คุกบอกว่า ‘จงปล่อยคนที่ท่านได้จำจองไว้เมื่อวานนี้เถิด’”

q สำเนาโบราณบางฉบับละ “เป็นสุข”

r กฎหมายโรมันห้ามมิให้เฆี่ยนพลเมืองโรมันเป็นอันขาด ผู้ฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษอย่างหนัก

s สำเนาโบราณบางฉบับว่า “(ผู้พิพากษา) ได้มาเชิญเขาทั้งสองคนให้ออกไปจากเมือง” (NJB) บางฉบับขยายความว่า “(ผู้พิพากษา) ไปที่คุกพร้อมกับมิตรสหายหลายคน เชิญเขาทั้งสองคนให้ออกไป พูดว่า “เราไม่รู้ว่าท่านต้องการอะไร และไม่รู้ว่าท่านเป็นผู้ชอบธรรม” ผู้พิพากษาจึงพาเขาทั้งสองคนออกมา และขอร้องว่า “จงออกไปจากเมืองนี้เถิด เพื่อมิให้คนที่ตะโกนต่อต้านท่าน รวบรวมประชาชนมาต่อต้านท่านอีก”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก