ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันพุธที่ 1 มีนาคม 2017
วันพุธรับเถ้า
ยอล 2:12-18 /  2 คร 5:20-6:2 /
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                  

มธ 6:1-6,16-18
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง อย่าปฏิบัติศาสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพื่ออวดคนอื่น มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ดังนั้น เมื่อท่านให้ทาน จงอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนที่บรรดาคนหน้าซื่อใจคดมักทำในศาลาธรรมและตามถนนเพื่อจะได้รับคำสรรเสริญจากมนุษย์

เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อให้ทาน อย่าให้มือซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำลังทำสิ่งใด เพื่อทานของท่านจะได้เป็นทานที่ไม่เปิดเผย แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบำเหน็จให้ท่าน

     เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาในศาลาธรรม และตามมุมลานเพื่อให้ใครๆ เห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่ง แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบำเหน็จให้ท่าน

     เมื่อท่านทั้งหลายจำศีลอดอาหาร จงอย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำหน้าหมองคล้ำ เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่าเขากำลังจำศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจำศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้น้ำมันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำลังจำศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำเหน็จให้ท่าน”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

------

 การเร่ิมต้นเทศกาลมหาพรตที่ดี คือ การกระทำย้อนศร ไม่ใช่ ขวางคลอง

 การกระทำ "ย้อนศร" คือ การลดลง แทนที่เพิ่มขึ้น
 ตัดทอน แทนที่ เพิ่มเติม
 สะกดอดใจ แทนที่ ตามใจตัว

 แต่ ขวางคลอง เป็น ไม่ทำ ไม่ไหล ไม่ไปตาม ไม่ชอบไม่เห็นด้วยในวิธีการที่ไม่ใช่ "แนวทางมหาพรต"

 การลดอาหาร ไม่ใช่ เลิกกินอาหาร แต่เป็นจำกัดเพื่อสร้างนิสัยที่ควบคุมตนเอง

 การลดของหวาน ทำพลีกรรม ไม่ใช่ ไม่เห็นคุณค่าของอาหารหวาน แต่เป็นการตัดใจมากกว่า

 การเลิกบางอย่าง ทำให้ดีขึ้นบางอย่าง ก็เพราะเห็น คุณค่าที่มีมาหลังจากนั้น มากกว่า ปล่อยให้เลย ปล่อยให้ไหลไปแบบเสียๆ หายๆ ไม่ได้คุณค่าอะไรต่อตน

 ดังนั้น คำว่า "ฉีกใจ ไม่ใช่ ฉีกเสี้อผ้า" จึงตรงกับความหมายนี้ ในหนังสือโยเอล บอกว่า

 "ท่านทั้งหลายจงกลับมาหาเราด้วยสุดจิตสุดใจเถิด จงจำศีลอดอาหาร ร่ำไห้ และไว้ทุกข์คร่ำครวญ จงฉีกใจของท่าน มิใช่ฉีกเสื้อผ้า"
 ที่สอดรับกับคำสอนของพระวรสารวันนี้ ที่ทำให้เราย้อนศร ในความหมายว่า

 "เมื่อท่านทั้งหลายจำศีลอดอาหาร จงอย่าทำหน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำหน้าหมองคล้ำ เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่าเขากำลังจำศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจำศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้น้ำมันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำลังจำศีลอดอาหาร"