วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2017
ระลึกถึง น.สกอลัสติกา พรหมจารี
ปฐก3:1-8 /  มก 7:31-37
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                       
            เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเขตเมืองไทระผ่านเมืองไซดอนไปยังทะเลสาบกาลิลีกลางดินแดนทศบุรีมีผู้นำคนใบ้หูหนวกคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ทูลขอร้องให้พระองค์ทรงปกพระหัตถ์พระองค์ทรงแยกคนใบ้หูหนวกคนนั้นไปจากกลุ่มชนทรงใช้นิ้วพระหัตถ์ยอนหูของเขาทรงใช้พระเขฬะแตะลิ้นของเขาทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบนถอนพระทัยแล้วตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด”

ทันใดนั้นหูของเขากลับได้ยินสิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุดเขาพูดได้ชัดเจนพระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนเหล่านั้นมิให้พูดเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ยิ่งห้ามก็ยิ่งเล่าลือกันมากขึ้นต่างก็ประหลาดใจมากกล่าวว่า “คนคนนี้ทำสิ่งใดดีทั้งนั้นเขาทำให้คนหูหนวกกลับได้ยินและคนใบ้กลับพูดได้”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

--------

 เปิดตาดู ที่อธิบายได้จากบทกลอนของ ท่าน ฟ.ฮีแลร์ ที่เขียนไว้นานแล้วว่า

 "จงตื่นเถิด เปิดตา หาความรู้   เรียนคำครู คำพระเจ้า เฝ้าขยัน   จะอุดม สมบัติ ปัจจุบัน   แต่สวรรค์ ดีกว่า เราอย่าลืม"
 เปิดตาดู โดยมีพื้นฐาน คำของพระดังก้องอยู่ในใจ คำสั่งสอนสะท้อนอยู่ในหู ทำให้เราเป็น "คนสุก" หรือ "คนดิบ"

 คนสุก ได้รับการอบรม บ่มเพาะ สั่งสอน จนจำคำศีลธรรม จำกระบวนการดำรงชีวิตที่ไม่ได้เบียดเสียดเอาเปรียบ อยู่เหนือยกตนข่มเหง หรือการกระทำใดๆ ที่รังเกียจเดียจฉันท์เบียดบังเอามา ที่ เป็น "สีดำ" ที่อยู่ในใจของหญิงคนแรก ที่ปฐมกาลกล่าวว่า

 งูบอกกับหญิงว่า “ท่านจะไม่ตายดอก พระเจ้าทรงทราบว่า ท่านกินผลไม้นั้นวันใด ตาของท่านจะเปิดในวันนั้น ท่านจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือรู้ดีรู้ชั่ว”

 สีดำในใจของเรา ถ้ามีสี สีขาวของคำพระเจ้า ดังคำกลอนข้างบน จะล้างคราบดำคล้ำมืดในชีวิตออกไปได้

 ดังนั้น คำพระเจ้าจะเปิดชีวิต ล้างคราบไคลสีดำออกไปให้ชีวิตเรา "ขาวใส" ด้วยการตัดสินใจ การเปิดเผยชีวิต การมีส่วนร่วมกับความดี ความงาม ความสมบูรณ์​ในพระเจ้า ด้วยเอฟฟาธา ดังคำอธิบายในพระวรสารที่บอกว่า

 "เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด” ทันใดนั้นหูของเขากลับได้ยินสิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุดเขาพูดได้ชัดเจน"