“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2016

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

1คร 3:18-23…………….
18จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จงยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง 19เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง” 20และยังมีเขียนไว้อีกว่า “พระเจ้าทรงทราบว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” 21ฉะนั้น อย่าให้ใครยกเอามนุษย์มาอวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน 22เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดี ทุกสิ่งล้วนเป็นของพวกท่าน 23แต่พวกท่านเป็นของพระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

“บางทีเราคิดว่าเราสุดยอด เราฉลาด แต่....” พ่อมีประสบการณ์หลายอย่างในชีวิตที่เวลาที่พ่อกระทำ เวลาที่พ่อตัดสินใจกระทำเวลานั้นเราว่า เรายอดแล้วนะ เราคิดว่าเราเจ๋งนี่นา แต่ทำไม ทำไม ทำไม... “ไม่ฉลาดเอาเสียเลย” พ่อมีประสบการณ์เล่าให้ฟังครับ...มีหลายเรื่องครับ อ่านดีๆนะครับ เทห์ดูฉลาดเสียไม่มี (ประชดประชันตนเองครับ)
• ตอนเด็กชอบนกพิราบเป็นชีวิตจิตใจ ประสบการณ์แสนชาญฉลาด(น้อย)ของพ่อ
o บนหลังคาเล้าไก่ที่บ้านก็เป็นหลังคาสังกะสีเป็นร้อยแผ่น...จำนวนแผ่นมาก เพราะเป็นหลังคาเล้าหมูเล้าไก่ของบ้านของเราและของบ้านป้าที่ติดกัน... เป็นพื้นที่แผ่นเลย หลังคาใหญ่มากๆ เมื่อคิดด้วยมาตราวัดสมัยเราเป็นเด็ด
o เวลานั้น...พ่อกับพี่ชายและลูกผู้พี่ พวกเรานั่งมองนกพิราบ รักมันมาก ชอบมาก และอยากจะจับมาเลี้ยงเป็นชีวิตจิตใจ... พ่ออยากจับนกพิราบมาเลี้ยงครับ เพราะชอบมาก อยากได้ๆๆ แต่บนหลังคาบ้านเราไม่ค่อยมีนกพิราบมาเกาะเลย ทำไมๆๆๆมองไปฝั่งตรงข้าม (เข้าเรียกวันว่าบ้านตาวิน) บ้านแกมีนกพิราบเป็นสิบๆ เป็นร้อยบางครั้ง มาเกาะบนหลังคาเต็มไปหมด แค่ข้ามคลองเท่านั้นคือบ้านเรา สถานที่ใหญ่กว่า หลังคาใหญ่กว่า... พวกมันนะเจ้านกพิราบมากมาย สีขาว สีเทาเยอะที่สุด สีน้ำตาลก็มี... พวกมันจะบินมันก็บินมาหลังคาบ้านเราบ้างก็ได้ แต่ทำไมหลังคาบ้านเราไม่อยู่ในสายตาพวกนกพิราบเลยเล่า...
o นกพิราบทั้งหลายเอ๋ย สีเทาก็เยอะ สีขาวๆ ก็มี น้ำตาลปนขาวก็สวย อยากได้ไปหมด อยากจับมาเลี้ยงไว้ในกรงที่ทำไว้ เพราะบ้านยายเราเป็นโรงสีข้าว มีข้าวเปลือกเลี้ยงพวกเจ้าอย่างสบาย... ทำไมไม่มาเกาะที่หลังคาเล้าไก่บ้านเราบ้างหนอ????

• ดังนั้น พ่อ พี่ชาย และลูกผู้น้องชายอีกคน “สามเซียนสามซน”
o เรียกว่า เซียนมาก และเจ้าความคิดกันทุกคน...
o วางแผนครับ... วิธีการคือเราต้องไปเอาข้าวเปลือกจากโรงสีของยายมาหนึ่งปี๊บ โปรยให้ทั่วหลังคาเล้าไก่ที่เป็นหลังคาสังกะสีเป็นตัวนำไฟฟ้าชั้นดี (เราคิด คิด ไตร่ตรองกันเรียกว่า เป็นความคิดที่ฉลาดสุดๆ (ประชดความโง่ของพวกเรา)
o แผนคือ...พวกเราจะโปรยข้าวเปลือกบนหลังคานั้น เพื่อล่อให้พวกเจ้านำพิราบมันมาเกาะกิน และมาเดินให้ทั่วหลังคาเลย มีข้าวเปลือกเหลือหอมกรุ่นแห่งท้องทุ่งบนหลังคาสังกะสีมีหรือนกพิราบจะไม่มาหาเรา (ฮา)
...

• เจ๊งครับ ฉลาดมาก...
o ประการต่อไป เราวางแผนกลยุทธแบบที่ต้องจับทีเดียวให้ได้ทั้งฝูง ยิงไม่ได้เดี๋ยวมันเจ็บ ตายและจะเอามาเลี้ยงไว้ไม่ได้... “คิด” (ด้วยปัญญาอันชาญฉลาด น้อยๆ)
o พวกเราเราเคยเห็นผู้ใหญ่แถวบ้านเขาเอาไฟฟ้าช๊อคปลาในน้ำ ปลามันก็ช๊อคและตัวแข็งเหมือนตายชั่วขณะแต่ไม่ตาย เดี๋ยวก็ฟื้น
o ได้การล่ะ... สำหรับนกพิราบ ก็คงไม่ต่างกัน... เราก็เอาไฟฟ้าช๊อคมัน รับรองจับได้ทั้งฝูงแน่นอน... ดังนั้น สามเซียนพี่น้อง... นำโดยใครพี่น้องไม่ต้องจินตนาการพวกเราฉลาดพอกัน... อย่าเดาเดี๋ยวจะถูกต้อง... พวกเราลงมือดำเนินการตามแผน...

• แผนเป็นดังนี้
o เอาสายไฟที่มีปลั๊กเสียบมาเตรียมเสียบปลั๊ก และก็เอาปลายสายที่เปลือยตอนปลายสายไว้ ซึ่งมีสองทางแยกเป็นสองบวกลบตามปกตินั่นแหละไปผูกไว้กับรูชายหลังคาสังกะสี เจาะรูเป็นสองรูคู่กัน และเชื่อมสายซ้ายรูหนึ่ง ขวาอีกรูหนึ่งที่สั่งกะสีคู่กันนั่นแหละ (ฉลาดจริงๆ (ประชด))
o ตกลงกันเพื่อความปลอดภัย พวกเราห้ามใครแตะสังกะสีเด็ดขาดเพราะไฟฟ้าจะเดินไปทั่วหลังคาเลยทุกพื้นที่ เหมือนในน้ำเวลาเขาช้อคปลา...
o ภายในพริบตา สุดยอด เราพิจารณาศึกษาและจินตนาการกันว่าแผนพวกเราสามเซียน เราจะต้องจับนกพิราบได้ทั้งฝูงแน่นอน...
o ทุกอย่างพร้อม ขึ้นไปบนหลงคาเดินโปรยข้าวเปลือก ติดสายไฟ และเราสามคนก็เฝ้าสังเกตและเข้าที่กำบังเพื่อความปลอดภัย พ่อเองเป็นคนลงมือถือปลั๊กไฟและคอยเสียบเตรียมเสียบปลั๊กไฟ เพราะเป็นน้องเล็กสุดต้องคอยทำตามคำสั่งของพี่ชาย... ที่ซ่อนตนดูนกกันอยู่ 5555555 “ได้ทั้งฝูงแน่งานนี้เจ้านกพิราบน้อยๆเอ๋ย น่ารักทุกตัว จะเอากรงที่ไหนมาเลี้ยงพวกเจ้าไหวเล่านี่ จะเลือกตัวไหนดี พวกแกจะนอนตัวแข็งเพราะโดนไฟช้อค แต่ไม่ตายหรอกจะเอาแค่สลบ ตัวเกร็งๆแป๊บเดียว...”
o พี่ชายกับลูกผู้น้องเตรียมกระสอบขึ้นไปจับได้เลย รับรอง ช๊อคทั้งฝูงหลับชั่วขณะแน่นอน เลือกตัวสวยๆ ได้เลย มีเวลาหลายนาที เตรียมตัวที่ทางขึ้นหลังคา และอย่าแตะหลังคานะเดี๋ยวไฟดูด.....

• เป็นไปตามแผน
o พวกเราเข้าที่หลบซ่อนกัน ดูความเป็นไปหลังโปรยข้าวเปลือก... เหลือแต่สายไฟและปลั๊กไฟพร้อมอยู่ในมือไอ้เกียรติแล้วรอฟังพี่ๆสองคนออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด พิชิตพิราบทั้งฝูง “โอ้ย มือสั่น จนจ่อ ตื่นเต้นมาก....” ...
o ดูพวกนกสิ...เฮ้ย...และแล้วพวกมันก็มาจริงๆ ค่อยๆร่อนลงจอดบนหลังคาเล้าไก่อขงเราแล้ว โห โห โห ... มาลงจอดกันเต็มไปหมด หนึ่งตัว สองตัว สามตัว เพิ่มเป็นสิบ ยี่สิบ สวยๆน่ารักทุกตัว นกพิราบแสนซื่อและเครื่องหมายแห่งสันติภาพ....
o สามเซียนแอบคุยกัน ดีใจ ใจเต้นตุ้บๆเลย “คิดว่าพอแล้วล่ะเดี่ยวเลี้ยงไม่ไหว มันเยอะไป ”....
o พวกเราพร้อม เสียงพี่ชายตะโกนมาเบาๆกันนกตื่น มือโบกเหมือนนายพลในหลุมหลบภัยกำลังบัญชาให้พลทหราอย่างพ่อ ลงมือใช้อาวุธหนัก “เกียรติพร้อมยัง” พี่ชายส่งสัญญาณ (ขณะนั้น พี่สาวกำลังปั๊มน้ำฉีดน้ำให้หมู แม่กับยายกำลังนอนเล่นคุยกันในครัว มีพัดลมหมุนๆๆๆ จ่อๆอยู่ จากำลังทำงานในโรงสี เปิดพัดลมฟังวิทยุสบายแฮ...)
o เสียงพร้อม “เอ้าพวกเรา พร้อมแล้ว มันมาเยอะแล้ว” พวกนกพิราบน่ารัก เดี๋ยวเยอะไปเลี้ยงไหวนะย้ำๆๆๆ...
o เตรียมพร้อม เสียงนัดหมายนับ “หนึ่ง สอง สาม” !!!! เสียงพี่ชาย “เกียรติเสียบปลั๊ก” พ่อมั่นใจมาก เสียบทันที...เสียงดังปึ้บที่สะพานไฟหลักของบ้าน... 55555555
o “ฟิวส์ขาด” ไฟดังทั้งบ้าน พัดลม ไฟฟ้า ปั๊มน้ำหยุดหมด...
o เงียบกันทั้งสามตัวเลยเรา คาดไม่ถึง ไม่เป็นไปตามคาด (ก็โง่งัยครับ) พวกนกเดินกินข้าวเปลือกกันต่อไปอย่างไร้เยื่อใย เอนจอยๆๆ ไม่ยอมแม้แต่จะแกล้งชักตายให้เห็นหรืออย่างน้อยสะดุ้งก็ยังดี ไม่ได้แกล้งทำเป็นตายชั่วขณะให้ดีใจสักหน่อยก็ไม่มี เสียดายไม่เห็นพวกมันชัดๆ เพราะมันอาจจะยิ้มเยาะหัวเราะเย้ยพวกเราแน่ๆเลย....กินข้างเปลือกเหลืองอร่ามบนหลังคาสังกะสีของเรา

• จบครับผลทันตา...
o ไฟดับทั้งบ้าน เสียงผู้ใหญ่ตะโกน “เกิดอะไร ทำไมไฟดับ”... จาเดินมาจากโรงสีทันทีสีหน้าเครียดหาสาเหตุ เราสามคนสามเซียนนั่งท่าหมอบฟุบหลบหน้าดุจเอวาและอาดัมในสวนสวรรค์...ตอนทำบานั่งกันเงียบ ไม่กล้าปริเสียงเลย โหพวกเราช่าง “โง่สนิทจริง” “โง่ไร้ร่องรอยฉลาดจริงๆ” ปลายสายไฟมันเกาะคู่กันที่สังกะสี มันก็ช้อคสิ... (ฉลาดสุดๆ)
o ทั้งสามคนเก็บตัวซ่อนเงียบ ไม่มีแม้แต่เวลาจะไปปลดสายไฟออกจากหลังคาที่พวกเราได้เชื่อมต่อไว้อย่างแสนฉลาด (ประชดตนเอง)...

• จาเดินตรวจตราหน้าเข้มมาแต่ไกล... ตามนิสัยแสนละเอียด... ฟิวส์ขาด แต่ทำไมมันขาด มองสอดส่ายสายตา เห็นสายไฟแปลกๆ เกาะหลังคาและไต่จากปลั๊กไฟขึ้นไปบนหลังคา ไปเชื่อมกับรอยรูสังกะสี
o เสียงจาดังมาแบบขมมาก.... “ใคร ใคร ใคร” เสียงขมๆ คนฟังสามคนก็ขื่นๆๆๆ สุดๆ “ใครเล่นอะไร...ไอ้ยศ ไอ้เกียรติ ไอ้เป็ด...” เสียวสันหลังวาบเหมือนโดนไฟช้อคกันเอง มือพ่อยังถือปลักไฟที่เสียบและช้อคดับหมด... คาปลั๊กอยู่เลยจะดึงออกยังไม่มีแรงเหมือนกล้ามเนื้อมือออกแรงเมื่อเจอจาเดินมา
o “ทำอะไรกัน... เอาสายไฟไปทำอะไรบนหลังคา... ออกมา อยู่ไหน” เสียงเหมือนพระเจ้าเรียกอาอัมเอวาในสวนสวรรค์ตอนทำบาปเข้าแล้ว....
o เงียบสักพักเห็นหมดทางซ่อนตัวต่อไปรู้สึกเหมือนอาดัมเอวาในสวนเอเดนจริงๆ ใครเล่าจะหนีพ้น... เสียงย้ำมาอีก...“แล้วใครเอาข้าวเปลือกไปโรยบนหลังคา...” ความผิดกระทงที่สอง (ถ้านกมันตอบได้ มันคงตอบไปแล้ว... และพ่อรู้สึกเสมอมาว่า นกพิราบเนี่ยหน้ามันยิ้มๆแบบฉงนๆตลอดเวลา ทุกครั้งที่มองหน้ามันนะมันยิ้มเยาะๆให้พ่อทุกทีจนปัจจุบัน ไม่เชื่อลองสังเกตสิครับ) ในที่สุด เรื่องแบบนี้ไม่มีใครแน่ๆ....
o ออกมาจากที่ซ่อนในที่สุด ตามลำดับจอมวางแผน หรือตามลำดับความฉลาดน้อย (โง่นั่นเอง) คุกเข่า.... ตี และตำหนิ สอน ว่าเรา “ทำเรื่องอะไรโง่ๆ ทำอะไรแบบนั้น เอาสายไฟเปลือยๆไปเกาะหลังคาคู่กันแบบนี้ได้อย่างไร... นี่ถ้าไฟไหม้บ้านขึ้นมาทำอย่างไร....” (โถจา..ก็เราคิดว่าพวกเราฉลาดแล้วนี่ ก็อยากได้นกพิราบน่ะ... คิดในใจเท่านั้นนะ) หน้ากระดานเรียงหนึ่งคนหนึ่งหลายทีครับ โดนตีน่ะ
o กลับมาคิดเวลานี้ เออ ตอนนั้นเราว่าเราวางแผนแสนฉลาดแล้วเชียว... สามหัวช่วยกันคิดวางแผนอย่างแยบยลเชียวนะ... แต่ทำไม “โง่เช่นนี้หนอ” หลาบจำเลยครับโดนครั้งนั้น ทำให้รู้ว่า เราคิดกันสุดๆ คิดว่าฉลาดเหลือเกิน แต่เด็กอย่างเราก็ช่างเด็กโง่จริงๆในสายตาของจาและแม่และผู้ใหญ่....
o ยอมครับ ยอมจำนน ไมทำอีกแล้ว รอดตายจากไฟช๊อคตายมาได้ก็บุญโขแล้วครับ..... ความจริงมีเรื่องแบบนี้อีกมากเล่าไม่ไหวครับ.... เรื่องแบบที่เราคิดว่า เราฉลาดแล้วเนี่ย แต่ทำไมโง่จังเลย(หน้าแดง เขินเลยแหละครับ)

• พ่อเล่าประสบการณ์ปัญญาน้อย ฉลาดน้อยหรือโง่มากๆมาให้ฟังครับ
o มีใครบ้างไม่เคยทำอะไรโง่ที่เราคิดว่าฉลาดล้ำเลิศเช่นพ่อ ตอนเป็นเด็กๆนะครับ
o เราว่าเราฉลาดแล้ว แต่ช่างโง่เขลาเหลือเกิน...

• ส่วนพระเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่และฉลาดเพียงใดเมื่อเราได้พิจารณาตัวเราเอง
o อ่านพระคัมภีร์วันนี้นะครับจะเข้าใจ และจะทำให้เราถ่อมตนสุภาพเจียมตนมากทีเดียวครับกับปัญญาของเรา ที่เขาว่า “ความรู้หรือปัญญาเท่าหางอึ่งน่ะครับ” เอ...อึ่งมันมีหางที่ไหนล่ะครับ...
o ดังนั้น เราจงรู้จักพระเจ้า
o จงรู้ตนเองดีๆ และจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าครับ....
o พระเจ้าอวยพรครับ อย่าลืมคิดถึงเรื่องฉลาดๆ(น้อย)ของเราในอดีตบ้างนะครับ สนุกดีครับ... ยิ้มได้เลยแหละครับ และเราจะเห็นว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุดจริงๆ “เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้ เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า”

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก