รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2015
สัปดาห์ที่ยี่สิบสาม เทศกาลธรรมดา
ลก 6:39-42…

39พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ 40ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน 41ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย 42ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า “พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด” ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง



อรรถาธิบายและไตร่ตรอง 
• ชีวิต “จำเป็นต้องพิจารณาตนเอง” พิจารณามโนธรรมของตนเองเสมอ ก็น่าจะเป็นการดี พ่อชอบการภาวนาทำวัตรคำของแต่ละวัน ที่ภาษาอิตาเลียนเรียกว่า Compieta เป็นเหมือนกับการสรุปชีวิตของวันแต่ละวันเมื่อเราได้ผ่านชีวิตมา ทุกๆทำวัตรค่ำ ก่อนจะภาวนาเราต้องมีเวลาเงียบๆ สักครู่ ที่เราพระสงฆ์นักบวช และคนที่ภาวนาทำวัตรทุกวันนี้ต้องพิจารณามโนธรรมเสมอๆ โดยปกติแต่ละค่ำก่อนภาวนาส่งท้ายและไปนอน สำหรับพ่อๆรู้สึกว่าเป็นการดีมากที่จะได้ไตร่ตรองเงียบๆว่าตลอดวันที่ผ่าน มากเราได้เจริญชีวิตอย่างไร ต่อพระเจ้า ต่อเพื่อนพี่น้องและต่อตนเอง เราได้ทำอะไรบ้างที่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า หรือเราได้ทำอะไรบ้างที่ไม่เป็นที่พอพระทัยพระองค์


• พ่อคิดว่าเป็นการดีจริงๆถ้าเราจะได้พิจารณามโนธรรมของเราแต่ละวัน... พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ทำให้เราได้เห็นการพิจารณามโนธรรมของเราจริงๆ

o คนเรามักจะมอง ฟัง และพิจารณา คนอื่นและสิ่งรอบข้างมากๆทั้งวัน การตัดสิน การให้คุณค่า การมองและตัดสนคนอื่นๆ มักจะส่งผลให้เรามีอาการตอบสอนหลายรูปแบบเสมอ เช่น
1. พอใจ ประทับใจ ปลื้ม
2. รัก ชอบ 
3. ให้เกียรติ ยกย่อง
4. ไว้ใจ ประทับใจ วางใจ
5. ดีใจ ยินดี มีสุข ฯลฯ
o หรือในทางกลับกัน...ผลจะออกมาจากการตัดสิน คือ
1. ไม่ชอบ ไม่พอใจ เกลียด
2. มีอคติ ไร้สาระ ไร้คุณภาพ ไร้คุณธรรม 
3. ดูถูก ลบหลู่ ไม่ขวางหูขวางตา
4. ต้องแก้ไข ไม่ดี ไม่ถูก หรือ “ผิด”
5. น่าตำหนิ น่า อุบาทว์ นาเกลีดยขยะแขยง ด่าว่าเหมือนไม่ใช่คน 
6. ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากเข้าใกล้ อย่าได้เข้ามาใกล้ ฯลฯ

• พี่น้องที่รัก นี่คือปฏิกริยาที่พ่อคิดได้ มีอีกมากมายจริงๆ พ่อมั่นใจ ประเภทเย่อหยิ่ง เชิดใส่ ถ้าเราไม่ชอบ หรือมีอคิต ฯลฯ ดูละครบ้าง แต่กลุ่มอาการแบบนี้มันเยอะมากจนสมองหรือหน่วยความจำในด้านความประพฤติน้อยๆ ของพ่อไม่สามารถบรรจุกลุ่มอาการเหล่านี้ได้ หรือไม่สามารถประมวณผลได้อย่างครบถ้วนเลย


• พระเยซูเจ้าสอนเราในวันนี้ สำคัญมาก... คือ เราต้องประเมินตนเอง พิจารณามโนธรรมของตนเองจะดีกว่ามาก เราต้องแน่ใจว่าเราเป็นคนตาดีพอ เพราะพระองค์ตรัสว่า “คนตาบอดจะนำคนตาบอดได้หรือ” อาการตาบอดคืออาการที่ตาของเรา ตากาย หรือตายใจของเราก็ตาม ไม่ได้เห็นสิ่งต่างอย่างที่เป็นจริงๆ แต่เต็มไปด้วยอุปสรรค์ของดวงตายกายใจ ไม่ว่าจะเป็นตาแห่งกายที่มีปัญหาสายตา มีต้อนานาชนิด เท่าที่พ่อรู้ ต้อหรืออุปสรรคทางกายภาพ คือ ต้อเนื้อ ต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ฯลฯ แล้วยังมีตาธรรมชาติที่บกพร่องอีก คือ ตาสั้น ตายาว ตาเอียง ตาถั่ว ตาสัปรด (อันสุดท้ายนี่นอกประเภทแต่มีอยู่จริง) นอกจากนั้นไหนจะมีต้อทางใจฝ่ายจิต มีอุปสรรคทางจิตใจ เรียกว่า “ต้อทางจิตใจและอคติ” ที่ทำให้มองไม่เห็นหรือเห็นได้ไม่ใช้ หรือไม่อยากเห็นชัด เลือกที่จะเห็นไม่ชัด หรือเลือกที่จะบอดในบ้างเรื่อง และบางเรื่องที่ไม่น่าจะเห็นได้ กลับมีตาทิพย์เข้าไปอีกเห็นลึกไปดึงความไม่ดีที่ตาปกติจะเห็นไม่ได้เลย นอกจากตาทิพยสมบัติและความโลภอยากได้หรืออยากเกลียดชังเท่านั้น

• พี่น้องที่รัก...คำถามสั้นๆ สำหรับเช้า ตาดีหรือเปล่า???
1. ทางกายภาพ วัดสายตา ประกอบแว่น เลนส์แพงมากถ้าเป็นโพรเกรสซีฟ... และไม่ร่วมขาแว่น... ถ้าเป็นแบรนด์เนมละก็หมือน แสน หลายแสน ไปเลย... มีเงินก็ตัดกันไป บางคนก็ตัดแว่นกันแดดแสนแพงกรอบหลายหมื่น แต่ส่วนใหญใช้เป็นที่คาดผมมากกว่าก็มี เออ แปลกดีดูไปเหมือนมสีตา เห็นแล้วตกใจ แปลกดี ทางกายภาพพ่อไม่ห่วงเพราะหมอรักษาเก่งๆมีมาก
2. ทางจิตใจ ตาจิต ตาใจ ตาแห่งธรรมนี่สิที่เราต้องพิจารณา... เราคงต้องพิจารณาจากพระดำรัสขอพระเยซูเจ้าในวันนี้นะครับ 

o “ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย

o ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า “พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด” ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง 

o ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง”

o พี่น้องที่รัก พ่ออ่านพระวาจาต้อนนี้เกี่ยวกับเรื่องตาใจ...อุปมาที่พระองค์ตรัส...พ่อ เขียนไปพ่อรู้สึกเคืองตาจริงๆ เคืองตาใจของพ่อมากๆเลย คนเรานะชอบตัดสิน ชอบมองเห็นเรื่องเล็กๆน้อย ข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ และวิจารณ์คนอื่นๆตลอดเวลา ชอบตัดสิน ไม่ใช่กรรมการนะครบ คือ อยู่คนละข้าง ไม่ได้อยู่ตรงกลาง แต่ชอบตัดสินคนอื่นๆด้วยความคิด ด้วยภาพลักษณ์ภายนอก อยากจะแก้ไขเขียเศษฟางในตาเพื่อนพี่น้อง แต่มองไม่เห็น “ท่อนซุง” ในตาตัวเอง (พระเยซูเจ้าใช้คำแรงมากๆๆๆ พระเจ้าข้าท่อนซุงเลยหรือที่อยู่ในตาของลูก โหแรงจริงๆ พระวาจาตอนนี้ หนักหน่วงนัก แล้วนี่ลลูกยังมีปัญญา มีแรงพอจะแบกท่อนซุงในตาตนเองไปเห็นไปเขี่ยเศษฟางในตาเพื่อนพี่น้องได้อีก หรือ) อยากบอกว่า พระองค์ตำหนิแรงมากกับพฤติกรรมที่ชอบตัดสินคนอื่นแบบหน้าซื่อใจคดนั่นเอง

• พี่น้องที่รัก จากพระวาจาตอนี้ พ่อพบคำตอบว่าเราจะมีสายตาที่ดีได้อย่างไร จะมีอะไรเป็นกระจกส่องดูสายตน และดูดวงตาตนเองได้ดี กระจกแบบไหนที่จะช่วยเราให้เราเห็นตัวเอง เห็นตัวเองทั้งตากายและตาใจได้ดีเป็นพิเศษ พ่อมีคำตอบครับ
o กระจกบานแรก... “พระวาจาของพระเยซูเจ้า” อ่านและพิจารณาชีวิตจิตใจของเราทั้งภายในและภายนอก จัดการตัดท่อนซุงออกจากตาของเราด้วยพระวาจา เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “วาจาของพระเจ้ามีฤทธิ์และคมยิ่งกว่าดาบสองคม ผ่าลึกถึงจิตใจมนุษย์” ดังนั้น อ่านพระวาจาไป วิญญาณของเราได้รับการจัดการถากถางที่รกไปด้วยท่อนซุงวุ่นวายด้วยอคติแห่ง วิญญาจะได้สะอาดเรียบราบ และวางใจได้
o กระจกบานที่สอง “เพื่อนพี่น้อง” เพื่อนพี่น้องเป็นกระจกบานใหญ่ที่สุดที่มีอยู่สามร้อยหกสิบองศารอบตัวเรา ดูเขาสิจะเห็นเรา ถามเขาสิ จะรู้จักเรา ดูว่าเขามีความสุขกันไหมเมื่อเขาอยู่กับเรา คนในชุมชน เขตวัด ในครอบครัว ในบ้าน แม่บ้าน คนขับรถ คนสวน (โอเค เขารับเงินจากเรา เป็นทำอาชีพ แต่เขาไม่ใช่ทาสเรานะครับ... และในพระคัมภีร์ระวังดี เสียงเล็กของคนเหล่านี้ The voices of minority เสียงของผู้เล็กน้อย ก่อให้เกิดมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่มาเยอะแล้วคัรบ...) ดังนั้น หมั่นดูพวกเขาว่ามีความสุขไม่ เมื่อเราอยู่ต่อหน้า...กระจกวิเศษเหล่านี้จะบอกความจริง อย่าตะคอกถาม เดี๋ยวกระจกเหล่านี้จะไม่กล้า และต้องกล้ำกลื่นพูดความเท็จให้เรารู้สึกดีจริงปนเท็จ และคือ “เท็จ” แน่นอน
o กระจกอีกบานหนึ่ง คือ “มโนธรรม” มีเวลาไตร่ตรอง ตระหนัก โดยมีพระเจ้าเป็นที่
ตั้ง บัญญัติของพระเจ้าเป็นหลักชัยเปรียบเทียบ เราจะได้รู้ว่า เราได้ดำเนินชีวิตอย่างไร อยู่กับกฎของพระเจ้าที่แสนดี อย่าตังแต่กฎเกณฑ์ของตนเองเท่าน้น... ไม่ดีครับ ไม่พอครับ หลงครับ มโนครับ.... เลือกมโนธรรมคือเสียงของพระเจ้าดีกว่านะครับ

• พี่น้องที่รัก ขอให้พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ ช่วยเราให้มีพลังและพระพรเพียงพอที่จะได้มีสายตาที่แสนดี งดงาม เห็นความจริง และเจริญชีวิตในความเป็นจริงกับทุกคน คริสตชนที่ดี มีมโนธรรมที่ดีเสมอ จะต้องน่ารักมากแน่ๆเลยครับ... พ่อมั่นใจ ว่าแล้วก็ไปดูกระจกรอบด้านคือคนรอบข้างเราเถอะว่าพวกเขามีความสุขไหม อยากพูดความจริงไหม ถามพวกเขาด้วยความรัก ฟังพวกเขาด้วยความอ่อนโยน...พี่น้องรอบข้าง คือ กระจกวิเศษ ที่พร้อมจะบอกความจริงกับเราเพื่อการดำเนินชีวิตที่งดงามตามแบบคริสต ชน...ครับ

• ขอพระเจ้าอวยพรครับ