รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2015
สัปดาห์ที่เก้า เทศกาลธรรมดา
มก 12:1-12...

1พระเยซูเจ้าตรัสเรื่องอุปมาให้บรรดาผู้นำชาวยิวฟังว่า “ชายคนหนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ทำรั้วล้อม ขุดบ่อย่ำผลองุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง 2เมื่อถึงเวลากำหนด เขาก็ใช้ผู้รับใช้คนหนึ่งไปหาคนเช่าสวน เพื่อรับส่วนแบ่งจากผลผลิตของสวน 3แต่คนเช่าสวนจับผู้รับใช้คนนั้นทุบตี แล้วไล่กลับไปมือเปล่า 4เจ้าของสวนจึงส่งผู้รับใช้ไปอีกคนหนึ่ง คนเช่าสวนตีหัวและด่าว่าผู้รับใช้คนนี้อย่างหยาบคาย

5เจ้าของสวนส่งผู้รับใช้ไปอีกคนหนึ่ง คนเช่าสวนก็ฆ่าเขา เจ้าของสวนยังส่งผู้รับใช้คนอื่นไปอีกหลายคน ก็ถูกคนเช่าสวนทุบตีบ้าง ฆ่าเสียบ้าง 6เจ้าของสวนยังมีคนเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง คือบุตรสุดที่รัก เขาจึงส่งบุตรไปเป็นคนสุดท้าย โดยคิดว่า ‘พวกนั้นคงจะเกรงใจลูกของเราบ้าง’ 7แต่คนเช่าสวนเหล่านั้นพูดกันว่า ‘คนคนนี้เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเถิด มรดกจะได้ตกเป็นของเรา’ 8แล้วเขาก็จับบุตรของเจ้าของสวนฆ่า ทิ้งศพไว้นอกสวน 9เจ้าของสวนจะทำอย่างไร เขาจะมาทำลายคนเช่าสวนเหล่านั้น แล้วยกสวนให้คนอื่นเช่า 10ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือว่า
‘หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น
ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม
11องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเช่นนั้น’”
เป็นที่น่าอัศจรรย์กับเรายิ่งนัก
12บรรดาผู้นำชาวยิวพยายามจับกุมพระองค์ เพราะรู้ว่าพระองค์ตรัสอุปมานี้กระทบถึงเขา แต่เขายังเกรงประชาชนอยู่จึงผละจากพระองค์ไป

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• คนเช่าสวนองุ่นใจร้าย....ไม่ซื่อสัตย์ ไม่รักษาสัญญา และฆาตกรรม.... พ่อมานั่งอยู่ที่บ้านเจ้าเจ็ดของจา พ่อมานั่งอยู่สักอาทิตย์แล้ว ไปๆมาๆเพื่อเยี่ยมเป็นกำลังใจให้กับจา และพี่น้อง ก็มาบ้าน นอนบ้าน ทุกเช้าพ่อนั่งที่ศาลาริมน้ำ ภาวนา รำพึง เขียนบทเทศน์ และทุกเช้าแต่เช้าทางโรงเรียนบ้านแถว เขามีสถานวิทยุกระจายเสียงชุมชนของโรงเรียน ทุกเช้า ก็มีบทเพลงประจำ เปิดทุกวันก่อนรายการที่จะมีคนกระจายข่าว.. พ่อก็ฟังเพลงที่เขาเปิด หาฟังที่อื่นไม่ได้ ไม่มีตามเอฟเอ็มต่างๆ ไม่มี เป็นเพลงเชิญชวนให้ “ออกไปทำนา” ทุกเช้าเลย พ่อได้ยินเสียงเชิญชวนให้ออกไปทำนาจากบทเพลง สลับกับเสียงร้องของนกวิหคต่างมากมาย... พ่อก็นั่งฟังเสมอ


• ข้อน่าสังเกต พ่อนั่งฟังทุกวัน การประจายข่าว มีข่าวแรกของวัน มีทุกวันเลย เสียงเยือกเย็นของผู้ประกาศข่าว แบบไม่มีอะไรรีบร้อน เพราะไม่มีค่าโฆษณาแบบพวกช่องเอฟเอ็ม เขาอ่านภาษาไทยเนิบๆ ชัดถ้อยชัดคำ...ฟังเย็นได้ใจ ข่าวแรกของวันหลังจากฟังเพลงเชิญชวนออกไปทำนา... คือ ข่าว “ขอเชิญร่วมงาน...สวดพระอภิธรรมศพของ.....ตั้งอยู่ที่ศาลาหมายเลข... ณ วัดเจ้าเจ็ดใน..วัดเจ้าเจ็ดนอก... (หรือบ้าน) และก็ตามมาด้วยจำนวนวัดสวด... และก็...ชาปณกิจ...เวลา ส่วนใหญ่จะบอกว่า เวลา 15:30 น. และจะลงท้ายด้วยคำว่า “ประชุมเพลิง”....


• พ่อฟังทุกวัน มาอยู่บ้านนอนบ้านประมาณสี่คืน ได้ยินทุกเช้า รวมสามรายการผู้วายชนม์ แต่เขาใช้ภาษาทางความเชื่อว่า “ถึงแก่กรรม” พ่อก็ฟัง ไตร่ตรอง และก็คิดทางปรัชญา ทางศาสนา ฯลฯ ถึงแก่กรรมคือกรรมจบแล้ว อะไรทำนองนั้น....

• ฟังไป พ่อก็ใช้เวลากับการอยู่บ้าน อยู่กับจา (บิดาพ่อ) ช่วงท้ายของชีวิตเช่นกัน... คุยกับจา ช่วยเข็นรถ พาออกมาจากห้อง สวดด้วย ร้องเพลง อวยพร พ่อก็ดูชีวิตช่วงท้ายของมนุษย์ เราก็คุยกันในระหว่างพี่น้อง รูปสำหรับพิธีงานจาเราก็ทำไว้แล้ว แต่ซ่อนไว้ แม้ต่อหีบบรรจุร่างจาพ่อก็สั่งซื้อไว้ ของแจกที่ระลึก ซีดีของพ่อเพื่อการประกาศข่าวดี ก็ทำไว้นานแล้ว... และก็ที่ระลึกอีกนิดหน่อยตามกำลังของครอบครัว... ทำไว้แล้วเช่นกัน พี่ๆน้องๆก็ไปดูอาหารว่างสำหรับขอบคุณแขกที่มาสวด(ถ้าจาวันหนึ่งพระเจ้าทรง เรียกกลับไป) เราก็ไม่อยากให้ถึงวันนั้น แต่วันนั้น ต้องมาถึง... กำหนดสิ่งต่างๆไว้ แม้ไม่ทุกอย่างเพราะเราก็ยังไม่สามารถเตรียมทุกอย่าง แต่เราก็ค่อยๆ ทำไป...ดูแลจาไป

• มีพี่น้องมาเยี่ยมเยียน พ่อก็เห็นความงดงามของชีวิต.. เมื่อวานหลานคนโตของจามาเยี่ยม...อายุท่านก็แปดแล้ว...อาหลานพบกัน (ไม่ทราบว่าเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่) แต่พ่อเห็นภาพประทับใจ... หลานคนนี้รักจา...เพราะเป็นหลานกับอาที่อายุใกล้กัน... และด้วยความร่าเริงชีวิตแจ่มใส คุยน่ารักของหลานคนนี้.. (ลูกผู้พี่ของพ่อ) ความร่าเริง ทำให้ท่านมีแต่รอยยิ้ม และความรัก มาพบจาพ่อ พ่อก็เห็นหลานหอมแก้อา(จา) ดูแล้วอิ่มใจ... ความสุข ของชีวิตคริสตชน... ภาวนาด้วยกัน... ก่อนกลับ..จาพูดเสียงอ่อนแรงแต่เต็มด้วยความหวัง “มาเยี่ยมอาบ่อยๆนะ” (พ่อฟังแล้วก็รู้ว่าความรัก ความสุข ของญาติมิตรพี่น้องคือคลังสมบัติของเราคริสตชน)

• พี่น้องที่รัก ร่างกายของเราในโลกนี้ ชีวิตของเราในโลกนี้ เป็นเหมือนสวนองุ่นที่เราได้เช่าไว้ ทำสวน ทำงาน สร้างรายได้ และใช้ไปจนกว่าจะหมดสัญญาเช่ากระมัง... พ่ออ่านพระวรสารวันนี้ ดูเรื่องราวรอบตัวที่เจ้าเจ็ด เสียงประกาศทุกเช้าถึงการถึงแก่กรรม ฯลฯ พ่อมาถึงคำตอบเล็กจากพระวรสารวันนี้...

o พวกเราเหมือนคนเช่าสวนครับ สวนองุ่นที่พระเจ้าประทานให้เราเช่าใช้ ให้ใส่ใจ พระองค์สร้างอย่างดี เตรียมไว้อย่างดี “ชายคนหนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ทำรั้วล้อม ขุดบ่อย่ำผลองุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง”

o พระเจ้ามอบให้เรา “ชั่วคราวในโลกนี้” เราเช่าใช้...เพื่อสร้างคุณค่าให้กับแผ่นดิน คือ ผลองุ่น น้ำองุ่น เหล้าองุ่น คือ ผลที่สังคมรอบข้างควรได้สัมผัส ได้รับผลดีเสมอ.. ก็ไม่รู้สินะ พ่อคิดว่า ชีวิตของเราคริสตชนต้องเกิดผลดีแก่ทุกคนรอบข้าง... (ต้นไม้ดีย่อมเกิดผลดี ต้นองุ่นดีจะเกิดผลเปรี้ยวไม่ได้ สวนองุ่นดี ผลคือเหล้าองุ่นชั้นเลิศ ในพระคัมภีร์ เหล้าองุ่นชั้นดีคือเครื่องหมายของความสุขและการเฉลิมฉลอง)

o แต่เมื่อถึงเวลาเก็บผลประโยชน์ เก็บค่าเช่าเก็บผลของสวนองุ่นนั้น.. (แน่นอนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระเยซู บรรดาประกาศก ที่พระเจ้าส่งมาหาชาวยิว ที่ต้องต้อนกรับด้วยดี แต่กลับอธรรมและกระทำร้าย จนถึงขั้นประหารบุตรของเจ้าของสวน คือ พระเยซูพระบุตรของพระเจ้า... เรื่องเทววิทยาข้อนี้และความหมายนี้พ่อทราบดี แต่ละไว้ในวันนี้)

• ขอกลับมาที่การให้ความหมายกับเรื่องพระวรสารวันนี้ กับชีวิตของเราแต่ละคน... ร่างกายของเรา เวลาของเราในโลกนี้...เหมือนการเช่าสวนองุ่นของพระเจ้า พระเจ้าสร้างเราอย่างดี ให้ชีวิตเรา ประทานร่างกาย โอกาสให้เรา แต่ เราไม่ใช่เจ้าของสิทธิ์ขาดนะครับ 
o (พระศาสจักรคาทอลิกจึงไม่เคยยอมรับการทำลายชีวิต ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม การทำการุญฆาต หรือการทำแท้ง หรือการฆ่าทำลายชีวิตตนเอง เพราะเราไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีสิทธิ์ขาดนะครับ แม้แต่ปัจจุบันที่ทำกันมากขึ้นเรื่อย โอกาสทำมาหากินของหมอใหม่ๆ คือ ศัลยกรรมความงาม ถ้าเกิดอุบัติเหตุต้องผ่าตัดตัดแต่งให้เข้าที่เข้าทาง ก็ทำได้เป้าหมายคือ “เพื่อการักษาพยาบาล” แต่ถ้าเป็นการตัดแต่งเพื่อให้สวยเกินตัวตน เพราะไม่พอใจกับหน้าตาที่ปกติแล้วแต่อาจไม่สวย ไม่โด่งเด้งดึ๋งพอแล้วไปทำ จนถึงการตัดข้ามไปมาเป็นสาวเป็นนาย... พระศาสนจักรคาทอลิกไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนเลย เพราะ “เราไม่ใช่เจ้าของแต่เราเช่า” แน่นอนต้องดูแลให้ดีที่สุด รักษาให้งามที่สุด แต่ไม่ใช้ผ่าเปลี่ยนโฉม... พ่อรู้ว่า เรื่องนี้พูดยากและเดี๋ยวจะเคืองกัน..เพราะหลายคนดั้งไม่มีแบบพ่อ เพราะพ่อก็ไม่มีเหมือนกันแต่โดยรวมก็ดูเป็นมนุษย์เหมือนคนอื่น... แต่ไปทำมาแล้ว... เอาเถอะ พ่อไม่วิจารณ์ละครับ แต่ติงด้านความเชื่อ และความ “พอเพียง พอใจ และรักในความจริง” เอาไว้หน่อยนะครับ

o คิดดูสิครับ ถ้าเราไปผ่าตัดทำศัลยกรรมหน้าตาออกมาเป็นนางเอกกันหมดทั้งประเทศ ไม่มีใครไม่สวย เออ แล้วมันจะสวยไหม ถ้าหน้าทุกคนเหมือนกันหมด... ตอนนี้ก็เป็นกันเอามา หมอก็รวยกันใหญ่... การันตีแค่ไหน...ไม่รู้ แต่ได้เงินละ... บางคนได้รางวัลเป็นเงินก้อนโตทางรายการต่างๆ สิ่งแรกที่อยากเอาเงินไปทำคือศัลยกรรม พ่อฟังแล้วก็ระเหี่ยใจ... เออ เอาเงินไปร่ำเรียนได้การศึกษา คิดเป็นกว่านี้ดีไหม... ศัลยกรรมที่ไม่ต้องเจ็บตัวและได้คุณค่าคือศัลยกรรมสมองกระมัง... ก็แล้วแต่ ก็ไม่รู้สินะ เอาที่สบายใจละกัน... แต่ความจริง ไม่ใช่ก็แล้วแต่ ไม่รู้ไม่ได้ และเอาแต่สบายใจไม่ได้นะครับ

• สรุปว่า เราไม่ใช่เจ้าของร่างกายและชีวิต แต่พระเจ้าทรงพระทัยดี สร้างเราอย่างดีตามพระทัยพระองค์ ความบกพร่องอาจเกิดบ้างตามธรรมชาติแวดล้อมรอบข้าง แต่พระเจ้าประทานด้วยความพระทัยดีแน่นอน...

• เราเช่าหรือเซ้งกรรมสิทธิ์อยู่ เราต้องซื่อสัตย์ ดูแล ก่อให้เกิดผลดี แต่การจะเปลี่ยนแปลงต้องให้เจ้าของสวนเขาทำไม่ใช่เรา... เรามีหน้าที่ใช้อย่างดี ดูแลร่างกาย คนให้เช้าสวน (หรือแม้แต่เช้าห้องพัก) ถ้าเข้ารู้ว่า คนเช่าไม่สนใจ ไม่ดูแล เอาแต่ประโยชน์ และทำลาย อีกทั้งถ้าไม่ส่งผลดีคือเจ้าของ เขาคงรับไม่ได้... เรื่องคนเช่าสวนองุ่นที่เราอ่านวันนี้ อาจช่วยเราให้เข้าใจพระเยซูพระบุตรที่ถูกฆ่าบนไม้กางเขน... แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนสอนเราได้ไม่น่อยแน่นอน... พ่อคิดว่า นี่เป็นเรื่องสอนที่ดีสำหรับการดำเนินชีวิต รู้คุณพระเจ้า ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และพยายามทำให้ชีวิตนี้ได้มีค่ามากขึขึ้นเกิดผลดีมากขึ้นนะครับ

o แต่จะโลภ และไม่ซื่อไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่เจ้าของ.... และถ้าคิดจะฆ่าคนของเจ้าของ หรือลูกของเจ้าของ และยึดมาเป็นของตนก็คิดผิดเพราะเจ้าของมีสิทธิ์จะเอาคืนเสมอ

o พี่น้องที่รัก พ่อคิดว่า การใช้ชีวิตของเราคริสตชน ไม่ใช่เพียงสรุปว่าทำตามกรรม เพราะเรามีพระเจ้า มีพระพร มีพระหรรษทาน มีความใจดีของพระเจ้า พระองค์ให้เราได้ใช้ชีวิต มีชีวิต และให้พระพรเพื่อเกิดผลในโลก เป็นสวนองุ่นที่ต้องยอดเยี่ยมที่สุด เราต้องตอบสนองพระพรนั้น... พระพรแห่งอิสระเสรีพร้อมความรับผิดชอบและสัตย์ซื่อ ไม่ใช่ตามใจไร้ขอบเขต... ประเภท “เอาที่สบายใจแล้วกัน” เพราะว่าความรักทำให้เราต้องทำให้คนรักของเราสบายใจเสมอ... เหนือกว่าคนรัก คือ “พระเจ้าผู้ทรงรักเรา”
o นักบุญเปาโลจึงสอนไว้ว่า “สำหรับข้าพเจ้า การมีชีวิตคือพระคริสตเจ้า ความตายคือกำไร”