"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด ”

43. พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์(4)

(b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
1.    ความสัมพันธ์ที่พระเยซูเจ้าทรงมีกับพระบิดากำหนดความสำคัญพระบุคคลและคุณค่างการเทศน์สอนของพระเยซูเจ้ารวมทั้งศาสนบริการของพระองค์ ถ้าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรสุดที่รักของพระเจ้าอย่างแท้จริง เพราะมีความเสมอภาคและความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวสมบูรณ์กับพระบิดา  พระเยซูเจ้าก็ทรงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร พระองค์ทรงเปิดเผยเจตจำนงและพระประสงค์ของพระเจ้าแก่เราโดยตรง พระเจ้าประทานพระพรยิ่งใหญ่แก่เรา โดยทรงบันดาลให้พระบุตรเสด็จออกมาจากสภาพเร้นลับของพระเทวภาพมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อทำให้เขารู้จักพระบิดาอย่างน่าเชื่อถือ และถาวรตลอดไป


2.    ทุกวันนี้ มนุษย์หลายคนยังโต้เถียงกันในเรื่องพระบุคคลของพระเยซูเจ้าหรือบางคนดำเนินชีวิตแตกต่างจากผู้อื่นโดยคิดว่าตนกำลังติดตามพระองค์ แต่หนังสือพันธสัญญาใหม่และธรรมประเพณีของพระศาสนจักรเป็นพยานถึงความเชื่ออย่างเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับความเสมอภาคของพระเยซูเจ้ากับพระเจ้า พระบิดา เช่น อารัมภบทของพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น เริ่มต้นว่า “เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้าและพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า“ (ยน1:1) และคำลงท้ายของอารัมภบทรับรองว่า “ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ผู้สถิตในพระอุระของพระบิดานั้นได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้” (ยน 1:18) นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า แม้พระคริสตเยซู “ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้นเป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น” (ฟป 2:6-7)

3.    โดยทั่วไปเรามักจะคิดว่า ความเสมอภาคระหว่างพระเยซูเจ้ากับพระเจ้านั้นเป็นเรื่องปกติและชัดเจนอยู่แล้ว เราจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดบรรดาศิษย์จึงยอมรับความจริงนี้ได้ยากและผู้ร่วมสมัยของพระเยซูเจ้าต่อต้านความจริงนี้ โดยแท้จริงแล้ว มนุษย์ไม่เคยได้ยินความจริงนี้มาก่อน และจะเปรียบเทียบกับสิ่งใด ๆ ไม่ได้เลย เราจึงต้องเห็นใจบุคคลเหล่านั้นและถามตนเองว่า เราเข้าใจความจริงนี้ลึกซึ้งมากน้อยเพียงใด  เพราะความเสมอภาคระหว่างพระเยซูเจ้ากับพระเจ้าต้องทำให้เราเข้าใจบทบาทและหน้าที่ต่าง ๆ ของพระเยซูเจ้าแบบใหม่และให้คุณค่าอย่างถาวร เช่น ทำให้เรามองพระเยซูเจ้าไม่เพียงในฐานะมนุษย์ แต่กิจการของพระองค์ในฐานะพระอาจารย์ผู้ทรงสอนบรรดาศิษย์ พระเมสสิยาห์ที่ประชากรของพระเจ้ารอคอยอยู่ ผู้ต่อสู้กับบรรดาคู่อริของพระองค์ เพื่อนของทุกคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง ฯลฯ เป็นกิจการของพระเจ้าอีกด้วย ดังนั้น เราต้องตีคุณค่าของทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัส ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวและเสมอเทียบเท่ากับพระเจ้า

4.    พระเจ้า พระบิดาทรงดำรงอยู่ในแสงสว่างที่มนุษย์ไม่อาจเข้าถึงได้ ภาพใดเกี่ยวกับพระองค์ที่เราคิดหรือประดิษฐ์ขึ้นมาก็เป็นเพียงรูปเคารพเท่านั้น พระบิดาไม่ทรงมีพระพักตร์ให้มนุษย์จะมองเห็นได้ แต่ทรงมีพระสุรเสียงให้ได้ยิน พระสุรเสียงนี้สั่งบรรดาศิษย์ให้ติดตามพระเยซูเจ้าด้วยความเชื่อต่อไปจนกว่าจะได้พบเอกลักษณ์สมบูรณ์ของพระเยซูเจ้า นี่เป็นการเดินทางของเราด้วย หลักการเปลี่ยนแปลงของเราคือการเชื่อฟังพระเยซูเจ้า

5.    เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขา ดูเหมือนว่าทุกอย่างคงเดิมฉันใด เมื่อเราเชื่อฟังพระวาจาของพระองค์แล้วก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างเป็นปกติคงเดิมฉันนั้น แต่โดยแท้จริงเรามีสายตาใหม่ เราสามารถแลเห็นทุกอย่างแบบใหม่

6.    การเปิดเผยที่พระเยซูเจ้าทรงสงวนไว้แก่บรรดาอัครสาวกเพียงสามคนเท่านั้น พระองค์จะทรงมอบแก่ทุกคนบนภูเขากัลป์วารีโอ เมื่อนายร้อยชาวโรมันทำให้สุรเสียงของพระบิดาดังกึกก้องว่า “ชายคนนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้าแน่ทีเดียว” (มก 15:39) พระเยซูเจ้าผู้ทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์เป็นความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและมนุษย์

7.    เมื่อเราเชื่อฟังพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้า เราก็กลับเป็นบุตรบุญธรรมของพระบิดา การที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์สอดคล้องกับชีวิตใหม่ที่เราได้รับเมื่อรับศีลล้างบาป เราผ่านจากชีวิตเก่าที่เห็นแก่ตัวเข้าสู่ชีวิตใหม่ที่มีความรัก ผ่านจากความโศกเศร้าไปสู่ความชื่นชมยินดี จากความวุ่นวายใจไปสู่ความสงบ จากการไม่มีความอดทนไปสู่ความพากเพียร จากความประสงค์ร้ายไปสู่ความปรารถนาดี จากความใจร้ายไปสู่ความใจดี จากความไม่ซื่อสัตย์ไปสู่ความซื่อสัตย์ จากใจแข็งกระด้างไปสู่ความอ่อนโยน และจากการเป็นทาสของกิเลสไปสู่การรู้จักควบคุมตนเอง (เทียบ กท5:22) บนใบหน้าของเราสะท้อนพระพักตร์ของพระบุตรซึ่งเป็นพระพักตร์เดียวกันของพระบิดา

8.    เราควรอธิษฐานภาวนาขอพระเจ้าให้ประทานความสามารถที่จะฟังพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง รู้สึกว่าพระองค์ประทับอยู่เคียงข้างเราทั้งในเหตุการณ์ที่สำคัญ และในเหตุการณ์จำเจของชีวิตประจำวัน ขอพระองค์ทรงสอนเราให้รู้จักเห็นความสวยงามและลิ้มรสความสุขที่จะอยู่กับพระองค์โดยลำพัง เพื่อเราจะเห็นคุณค่าของความเงียบและการอธิษฐานที่ช่วยเราให้รู้จักตนเอง และพระธรรมล้ำลึกของพระองค์