"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“พระองค์ทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ”

25. พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองนาซาเร็ธ (4)
b. ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
       1.น่าสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างการทำอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้ากับความเชื่อของผู้วอนขอ ทำไมพระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์ไม่ได้ถ้าผู้วอนขอไม่มีความเชื่อ ก็เพราะพระเยซูเจ้าไม่ทรงทำอัศจรรย์เพื่อโอ้อวดพระองค์เอง แต่เพื่อช่วยผู้วอนขอให้บรรลุความเชื่อที่สมบูรณ์มากขึ้น ผู้วอนขอจึงต้องเปิดใจรับพระองค์ด้วยความไว้วางใจ


       2.ชาวนาซาเร็ธเป็นครื่องหมายของผู้ไม่มีความเชื่อทุกยุคทุกสมัย และนี่เป็นบาปยิ่งใหญ่คือการปฏิสธไม่ยอมรับพระคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็นแสงสว่างสองโลก ผู้ส่องแสงการเดินทางของมนุษย์ในความมืดและทรงขับไล่ความกลัวต่าง ๆ ที่อยู่ในใจมนุษย์ การปฏิเสธไม่ยอมรับพระคริสตเจ้าหมายถึงการสูญเสียความรักและความสุขที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้ได้รับตลอดเวลา ความเชื่อไม่เป็นความคิดที่เรามีเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าตามจินตนาการของตน แต่เป็นการยอมรับว่าชายผู้นี้ ซึ่งมีชื่อว่าพระเยซูเจ้า เป็นพระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้น
 
       3.ไม่มีผู้ใดได้เห็นพระเจ้า แต่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์ในพระชนมชีพและในพระวาจา เราจึงต้องพยายามค้นหาพระประสงค์ของพระเจ้าในพระบุคคล พระชนมชีพและพระวาจาของพระเยซูเจ้าตามที่เราพบในพระวรสาร

      4.อุดมการณ์ของผู้เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าคือ การอยู่กับพระองค์และมีความสุขที่พระองค์ประทับอยู่อย่างใกล้ชิดกับตน มีความยินดีในคำสั่งสอนของพระองค์ในทุกกรณี แม้ในเวลาที่พระองค์ไม่ทรงแสดงเครื่องหมายอัศจรรย์ แต่ทรงอยู่ในชีวิตธรรมดา ๆ ประจำวันของตน หรือในกรณีที่ข่าวดีซึ่งบรรดาศิษย์ประกาศสืบต่อจากพระเยซูเจ้าประสบความล้มเหลว เพราะคนจำนวนมากปฏิเสธไม่ยอมรับข่าวดีนั้น

      5.ชาวนาซาเร็ธคงพร้อมที่จะยอมรับสมาชิกคนหนึ่งเป็นผู้ทำอัศจรรย์ได้ เพราะผู้นี้จะนำชื่อเสียงแก่ชาวเมืองซึ่งมีความภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของผู้นั้น แต่เขาไม่ยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงมีอำนาจทำอัศจรรย์ เพราะเขาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เราก็เช่นกัน เราอาจยอมรับการกระทำของพระเจ้าเมื่อแสดงออกอย่างน่ามหัศจรรย์ แต่เป็นการยากที่จะค้นพบว่าพระเจ้าเสด็จเข้ามาในเหตุการณ์ธรรมดาของชีวิตประจำวัน โดยแท้จริงแล้ว เราควรคิดว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ที่พระเจ้าพอพระทัยประทับอยู่กับเราโดยทรงดำเนินพระชนมชีพธรรมดาอย่างถ่อนตนเช่นเดียวกับมนุษย์ทั้งหลาย

      6.แม้คริสตชนที่ปฏิบัติศาสนกิจเป็นประจำอาจตกในอันตรายที่จะเลิกเอาใจใส่สิ่งที่ทำบ่อย ๆ เขาจึงสูญเสียความสำนึกว่า พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพ ทรงสร้างสิ่งใหม่อยู่เสมอ และสูญเสียความรู้สึกว่าการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เราจึงควรคำนึงถึงบ่อย ๆ ว่า พระเจ้าผู้สถิตกับเรานั้นคือพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทรงสรรพานุภาพ ทรงอยู่กับเราเพราะทรงรักเรา ตรัสกับเราทางพระวาจาและทรงเลี้ยงดูเราด้วยศีลมหาสนิท เป็นพระเจ้าผู้ทรงพร้อมเสมอที่จะให้อภัย ทุก ๆ วัน ถ้าเราคิดเช่นนี้บ้างสักเล็กน้อย ใจที่มีความเชื่อคงจะยินดีที่พบพระเจ้าในกิจการประจำวันของเรา