"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“นี่มันเรื่องอะไร เป็นคำสั่งสอนแบบใหม่ที่มีอำนาจ”

7. พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกอบพระภารกิจ (4)

ค) พระเยซูเจ้าทรงรักษามารดาของภรรยาซีโมน
          ในศาลาธรรมพระเยซูเจ้าตรัสพระวาจาและทรงกระทำกิจการที่ทำให้ประชาชนประหลาดใจ เมื่อพิธีกรรมจบลง พระเยซูเจ้า “เสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมนและอันดรูว์พร้อมกับยากอบและยอห์น” ซีโมนคือนักบุญเปโตรเป็นชาวเบธไซดา (ยน 1:44) แต่มาอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม และเป็นเจ้าของบ้านที่นั่น (มธ 8:14; ลก 4:38) ในบ้านหลังนี้มีทั้งซีโมน ภรรยา มารดาของภรรยาและอันดรูว์น้องชายอาศัยอยู่ ก่อนที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม พระองค์ประทับอยู่กับศิษย์สี่คนแรกดังที่กล่าวมา (1:16-20) และเมื่อทรงลาประชาชนในศาลาธรรมก็ทรงร่วมกับศิษย์กลุ่มนี้อีกครั้งหนึ่ง เป็นหมู่คณะเล็ก ๆ ที่มาชุมนุมกันเพื่อรับฟังคำสั่งสอนในบ้าน
             ตามธรรมเนียมของชาวยิว เขารับประทานอาหารมื้อใหญ่ฉลองวันสับบาโตทันทีหลังจบพิธีกรรมในศาลาธรรมราวเที่ยงวัน แต่ “มารดาของภรรยาซีโมนกำลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ เขาจึงทูลพระองค์ให้ทรงทราบทันที” นางช่วยรับใช้แขกไม่ได้ ต้องการความช่วยเหลือและพระกรุณาจากพระเจ้า ชาวยิวมักจะมองการรักษาโรคให้หายว่า เป็นของประทานจากพระเจ้า เขาอาจจะพึ่งแพทย์ก็จริง แต่เป็นพระเจ้าผู้ประทานสมรรถภาพให้แพทย์รักษาโรคได้ (เทียบ บสร 38:1-2) พระองค์ผู้เดียวทรงเป็นนายแพทย์แท้จริง

             เมื่อบรรดาศิษย์ทูลพระเยซูเจ้าให้ทรงทราบว่านางป่วย พระเยซูเจ้าไม่ตรัสแม้วาจาเดียว ไม่ทรงยื่นยารักษา ไม่ทรงร่ายเวทมนตร์คาถา และไม่ทรงวอนขอพระบิดาให้ทรงรักษานาง แต่  “พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น” พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์ว่าเป็น “องค์พระผู้เป็นเจ้า” (1:3) ผู้เสด็จมาช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นและรักษาให้หายจากโรคต่าง ๆ ก่อนหน้านั้น ในศาลาธรรม พระองค์ทรงแสดงอำนาจโดยตรงเหนือปีศาจ ผู้หลอกลวงมนุษยชาติและทำให้บางคนมีโรคภัยไข้เจ็บ บัดนี้ พระเยซูเจ้าทรงแสดงอำนาจเหนือสตรี ผู้เป็นคนแรกในบรรดาผู้ป่วยที่จะได้รับการรักษาจากพระองค์ พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่ใด ไม่ว่าในศาลาธรรมหรือในบ้าน พระองค์ทรงนำความรอดพ้นและทรงพิสูจน์ด้วยการกระทำว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว” (1:15) และชัยชนะเหนือความชั่วร้ายก็เป็นไปได้

             นักบุญมาระโกเคยเล่าว่า เมื่อพระเยซูเจ้าทรงถูกซาตานประจญแล้ว “บรรดาทูตสวรรค์ปรนนิบัติรับใช้พระองค์” (1:13) ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงชัยชนะของพระองค์เหนือซาตาน ในที่นี้ก็เช่นกัน เมื่อนางหายไข้ซึ่งเป็นผลการกระทำของปีศาจ “นางจึงรับใช้ทุกคน” แสดงว่านางหายจากโรคทันทีอย่างสิ้นเชิง พระองค์ทรงมีชัยชนะเหนือความชั่วร้ายที่อยู่ในตัวนาง และนางเป็นคนแรกที่รับใช้หมู่คณะของพระเยซูเจ้า

ง) พระเยซูเจ้าทรงรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก
             กิจการที่พระเยซูเจ้าทรงทำในเมืองคาเปอรนาอุมเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคน การปรากฏของอานุภาพและอำนาจใหม่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะเก็บเป็นความลับไม่ได้ “เย็นวันนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว มีผู้นำคนป่วยและคนถูกปีศาจสิงมาเฝ้าพระองค์” เขาทั้งหลายรอจนถึงเวลาเย็นเพราะธรรมบัญญัติ ห้ามมิให้หามของหนักใด ๆ ตามถนนในวันสับบาโต สำหรับชาวยิวเริ่มนับวันใหม่ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกประมาณ 6 โมงเย็นจนถึงดวงอาทิตย์ตกในวันรุ่งขึ้น ดังนั้น เย็นวันเสาร์ของเราก็เป็นวันอาทิตย์พ้นจากวันสับบาโตแล้ว

            นักบุญมาระโกเล่าโดยสรุปว่า พระเยซูเจ้าทรงออกมาที่ประตูบ้าน “ทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่าง ๆ ให้หาย ทรงขับไล่ปีศาจออกไป แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มันพูด เพราะมันรู้จักพระองค์” สำนวนที่ว่า “หลายคน” อาจทำให้เข้าใจผิดว่าพระองค์ทรงรักษาผู้ป่วยเพียงส่วนหนึ่ง แม้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ทรงรักษาผู้ป่วยทุกคน โดยแท้จริงแล้ว สำนวนนี้ตามวิธีพูดของชาวยิวหมายถึง “ทุกคนซึ่งเป็นจำนวนมาก” สรุปแล้ว ในข้อความนี้นักบุญมาระโกเล่าว่า พระเยซูเจ้าทรงรักษาประชาชนทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกในศาลาธรรม ครั้งที่สองในบ้านของซีโมน และครั้งที่สามที่ริมถนน พระเยซูเจ้าจึงทรงตอบสนองความต้องการของทุกคน ทรงบรรเทาทุกข์ผู้เดือดร้อนโดยไม่ทรงเลือกสถานที่หรือบุคคล ทรงช่วยเหลือทุกคนในทุกหนทุกแห่ง