(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์a

          17 1ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายไปบนภูเขาสูงที่ปราศจากผู้คนb 2แล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่างc 3โมเสสและประกาศกเอลียาห์สำแดงตนสนทนาอยู่กับพระองค์ 4เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆd ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ ข้าพเจ้าจะสร้างเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์” 5ขณะที่เปโตรกำลังพูดอยู่นั้น มีเมฆสว่างจ้าก้อนหนึ่งปกคลุมพวกเขาไว้ เสียงหนึ่งดังจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด” 6เมื่อได้ยินดังนั้น ศิษย์ทั้งสามคนซบหน้าลงกับพื้นดิน มีความกลัวอย่างยิ่ง 7พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ ทรงสัมผัสเขา ตรัสว่า “จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย” 8เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาไม่เห็นผู้ใด นอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น

คำถามเกี่ยวกับประกาศกเอลียาห์

          9ขณะที่กำลังลงจากภูเขา พระเยซูเจ้าทรงกำชับศิษย์ทั้งสามคนว่า “อย่าเล่านิมิตที่ได้เห็นนี้ให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย”

          10บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์จึงกล่าวว่า เอลียาห์ต้องมาก่อน”e 11พระองค์ตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว เอลียาห์จะมาและจะจัดทุกสิ่งให้อยู่ในสภาพเดิม 12เราบอกท่านทั้งหลายว่า เอลียาห์ได้มาแล้ว แต่ประชาชนไม่รู้จักและทำต่อเขาตามใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานจากประชาชนเช่นเดียวกัน” 13บรรดาศิษย์จึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสถึงยอห์นผู้ทำพิธีล้าง

พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนถูกปีศาจสิง

          14เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบประชาชน ชายผู้หนึ่งเข้ามาเฝ้าพระองค์ คุกเข่าลงทูลว่า 15“พระเจ้าข้า โปรดสงสารลูกชายของข้าพเจ้าเถิด เขาเป็นโรคลมชัก ทนทรมานมาก เคยตกไฟตกน้ำหลายครั้ง 16ข้าพเจ้าพาเขามาหาศิษย์ของพระองค์ แต่เขารักษาให้หายไม่ได้” 17พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก และชั่วร้าย เราจะต้องอยู่กับพวกท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนพวกท่านอีกนานเท่าใด พาเด็กมาพบเราที่นี่เถิด” 18พระเยซูเจ้าทรงขู่ปีศาจ มันจึงออกไปจากเด็ก เด็กก็หายเป็นปกติตั้งแต่นั้น 19บรรดาศิษย์จึงเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าเป็นการส่วนตัว ทูลถามว่า “ทำไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” 20พระองค์ตรัสว่า “เพราะท่านมีความเชื่อน้อยf เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อสักเท่าเมล็ดมัสตาร์ด แล้วพูดกับภูเขานี้ว่า ‘จงย้ายจากที่นี่ ไปที่โน่น’ มันก็จะย้ายไป และไม่มีอะไรที่ท่านจะทำไม่ได้”g (21)

พระเยซูเจ้าทรงทำนายเรื่องพระทรมานเป็นครั้งที่สอง

          22เมื่อบรรดาศิษย์ชุมนุมอยู่กับพระเยซูเจ้าในแคว้นกาลิลี พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย 23และถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม บุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ” บรรดาศิษย์รู้สึกเป็นทุกข์ยิ่งนัก

พระเยซูเจ้าและเปโตรเสียภาษีบำรุงพระวิหาร

          24เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ ผู้เก็บภาษีบำรุงพระวิหารhเข้ามาหาเปโตร ถามว่า “อาจารย์ของท่านไม่เสียเงินบำรุงพระวิหารหรือ”

          25เปโตรตอบว่า “เสียซิ” เมื่อเปโตรเข้าไปในบ้าน พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาก่อนว่า “ซีโมน ท่านมีความเห็นอย่างไร กษัตริย์ในโลกนี้ทรงเก็บภาษีจากใคร จากโอรสธิดาiหรือจากคนอื่น” 26เปโตรทูลตอบว่า “จากคนอื่น” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ถ้าเช่นนั้นโอรสธิดาย่อมได้รับการยกเว้น 27แต่เพื่อมิให้ใครตำหนิเรา ท่านจงไปที่ทะเล หย่อนเบ็ดลงไป จับปลาตัวแรกที่ตกได้ เปิดปากปลา ท่านจะพบเงินหนึ่งเหรียญj จงนำเงินนั้นไปเสียภาษีเพื่อเราและท่านเถิด”

 

17 a มัทธิวเล่าเรื่องนี้ต่างไปจากที่พบใน มก 9:2 และ ลก 9:28 เชิงอรรถ f ในเหตุการณ์นี้ พระเยซูเจ้าทรงสำแดงองค์เป็นโมเสสคนใหม่ (ดู มธ 4:1 เชิงอรรถ a) ที่พบพระเจ้าบนภูเขาซีนายใหม่ในกลุ่มเมฆ (มธ 17:5; อพย 24:15-18) มีใบหน้าส่องแสง (มธ 17:2; อพย 34:29-35 เทียบ 2 คร 3:7-4:6) มีบุคคลสำคัญในพันธสัญญาเดิม 2 คน ซึ่งได้รับการเปิดเผยบนภูเขาซีนายมาอยู่กับพระองค์ด้วย (อพย 19:33; 34; 1 พกษ 19:9-13) ทั้งสองคนเป็นผู้แทนธรรมบัญญัติและบรรดาประกาศก ซึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อทำให้สมบูรณ์ (มธ 5:17) เสียงจากสวรรค์สั่งให้เชื่อฟังพระองค์ในฐานะเป็นโมเสสคนใหม่ (ฉธบ 18:15 ดู กจ 3:20-26) และบรรดาศิษย์ซบหน้าลงกับพื้นดินเพื่อนมัสการพระองค์ (เทียบ มธ 28:17) เมื่อนิมิตนี้สิ้นสุด มีพระองค์เหลืออยู่เพียงพระองค์เดียว (ข้อ 8) เพราะพระองค์ทรงเป็นอาจารย์สอนธรรมบัญญัติที่สมบูรณ์ตลอดไป ไม่ต้องการอาจารย์อื่นอีก ถึงกระนั้น สิริรุ่งโรจน์ของพระองค์คงอยู่เพียงชั่วคราว เพราะพระองค์ทรงเป็น “ผู้รับใช้” (ข้อ 5; อสย 42:1 ดู มธ 3:16-17, 17 เชิงอรรถ o) จะต้องรับทรมานและความตาย (มธ 16:21; 17:22-23) เช่นเดียวกับยอห์นผู้นำหน้าพระองค์ (มธ 17:9-13) ก่อนที่จะเข้าไปรับพระสิริรุ่งโรจน์แห่งการกลับคืนพระชนมชีพ

b ธรรมประเพณีโดยทั่วไปคิดว่า ภูเขานี้คือภูเขาทาบอร์ บางคนคิดว่าเป็นภูเขาเฮอร์โมน

c สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ดุจหิมะ” (ดู 28:3)

d หรืออาจแปลว่า “อยู่ที่นี่ดีจริงๆ”

e บรรดาศิษย์ทราบว่าพระเมสสิยาห์เสด็จมาแล้ว (16:16) และได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ (17:1-7) ดังนั้น จึงแปลกใจที่ประกาศกเอลียาห์ไม่ได้มีบทบาทเป็นผู้นำหน้า ดังที่ประกาศกมาลาคีกล่าวไว้ พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า ประกาศกเอลียาห์ได้ทำหน้าที่นั้นแล้วในกิจการของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง แต่ไม่มีใครรับรู้ (ดู ลก 1:17 เชิงอรรถ l)

f สำเนาโบราณบางฉบับว่า “ไม่มีความเชื่อเลย”

g สำเนาโบราณบางฉบับเพิ่มข้อ 21 “เพราะปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไปไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาและการจำศีลอดอาหารเท่านั้น” (เทียบ มก 9:29)

h ชาวยิวทุกคนต้องเสียภาษีประจำปี เพื่อใช้บำรุงพระวิหาร

i “โอรสธิดา” หมายถึง “สมาชิกในครอบครัว” พระเยซูเจ้าทรงใช้คำคำนี้เพื่อแสดงว่าทรงเป็น “พระบุตร” หรือ “โอรส” ของพระเจ้า (เทียบ 3:17; 17:5 และ 10:32ฯ; 11:25-27) บรรดาศิษย์ก็เป็นพี่น้องของพระองค์ (12:50) เป็นบุตรของพระบิดาเดียวกัน (5:45; ดู 4:3 เชิงอรรถ d)

j การพบของมีค่าในปากปลาเป็นเรื่องที่มีเล่าบ่อยๆ ในเรื่องปาฏิหาริย์แบบชาวบ้านของชาวยิวและชาวกรีก