(ไฟล์ "เสียงวรสาร" โดย วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ กรุงเทพฯ)

IV. การฉลองเทศกาลอยู่เพิง

พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมฉลอง

7 1หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงพระประสงค์aจะเสด็จไปทั่วแคว้นยูเดียเพราะชาวยิวกำลังพยายามจะฆ่าพระองค์

2งานฉลองเทศกาลอยู่เพิงของชาวยิวใกล้เข้ามาแล้ว 3บรรดาพี่น้องของพระองค์bกล่าวกับพระองค์ว่า “จงออกจากที่นี่ เดินทางไปในแคว้นยูเดียเถิด เพื่อบรรดาศิษย์ของท่านcจะเห็นกิจการที่ท่านทำด้วย 4ไม่มีใครซ่อนเร้นสิ่งใด ถ้าต้องการให้ทุกคนรู้ ถ้าท่านกำลังทำกิจการเหล่านี้อยู่ ก็จงแสดงตนให้โลกเห็นเถิด” 5แม้แต่พี่น้องของพระองค์ก็ไม่เชื่อในพระองค์ 6พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “เวลาของเรายังมาไม่ถึงd แต่เวลาของท่านทั้งหลายนั้นพร้อมอยู่เสมอ 7โลกไม่เกลียดชังท่าน แต่โลกเกลียดชังเรา เพราะเราเป็นพยานยืนยันว่ากิจการของโลกนั้นชั่วร้าย 8ท่านทั้งหลายจงขึ้นไปร่วมงานฉลองกันเถิด เราจะไม่ขึ้นไปeร่วมงานฉลองนี้ เพราะเวลาของเรายังไม่ครบกำหนด” 9เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ยังประทับอยู่ในแคว้นกาลิลีต่อไป

10อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บรรดาพี่น้องของพระองค์ขึ้นไปร่วมงานฉลองแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปด้วยอย่างเงียบๆ ไม่ทรงประสงค์จะให้ผู้ใดเห็น 11ในระหว่างงานฉลอง ชาวยิวพยายามแสวงหาพระองค์ พูดกันว่า “คนนั้นอยู่ที่ไหน” 12ประชาชนซุบซิบกันมากfถึงพระองค์ บางคนพูดว่า “เขาเป็นคนดี” บางคนพูดว่า “ไม่ใช่ เขาหลอกลวงประชาชนต่างหาก” 13แต่ก็ไม่มีผู้ใดพูดถึงพระองค์อย่างเปิดเผย เพราะกลัวชาวยิว

14เมื่อเทศกาลฉลองผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปยังพระวิหารและทรงเริ่มเทศน์สอนg 15ชาวยิวต่างประหลาดใจ กล่าวว่า “ผู้นี้รู้พระคัมภีร์ได้อย่างไร เพราะไม่เคยศึกษาในสำนักใดเลย” 16พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า

“คำสอนของเราไม่ใช่ของเรา

แต่เป็นของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา

17ผู้ใดต้องการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า

ผู้นั้นจะรู้ว่าคำสอนนี้มาจากพระเจ้า

หรือว่าเราพูดตามใจตนเอง

18ผู้ที่พูดตามใจตนเอง

ย่อมแสวงหาเกียรติของตน

แต่ผู้ที่แสวงหาพระสิริรุ่งโรจน์ของผู้ทรงส่งเขามา

ย่อมพูดความจริง

และไม่มีความทุจริตแต่อย่างใด

19โมเสสให้ธรรมบัญญัติแก่ท่านทั้งหลายมิใช่หรือ

ถึงกระนั้น ไม่มีท่านใดปฏิบัติตามธรรมบัญญัตินั้น

ทำไมท่านจึงพยายามจะฆ่าเรา” 20ประชาชนตอบว่า “ท่านถูกปีศาจสิงแล้ว ใครพยายามจะฆ่าท่าน” 21พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราได้ทำเพียงกิจการเดียว และท่านทุกคนก็แปลกใจ 22โมเสสได้กำหนดให้ท่านเข้าสุหนัต อันที่จริง พิธีสุหนัตไม่ได้มาจากโมเสส แต่มาจากบรรพบุรุษ และท่านก็ทำพิธีสุหนัตในวันสับบาโตด้วย 23ถ้ามนุษย์รับพิธีสุหนัตในวันสับบาโตได้โดยไม่ละเมิดธรรมบัญญัติของโมเสส ทำไมท่านจึงโกรธที่เราได้รักษาคนคนหนึ่งในวันสับบาโตให้หายขาดจากโรคและแข็งแรงดังเดิมh 24อย่าตัดสินตามที่เห็น แต่จงตัดสินตามความยุติธรรมเถิด”

ประชาชนถกเถียงกันเรื่องต้นกำเนิดของพระเมสสิยาห์

25ชาวเยรูซาเล็มบางคนพูดว่า “คนนี้มิใช่หรือที่เขาพยายามจะฆ่า 26ดูซิ คนนี้กำลังพูดคุยอย่างเปิดเผย และไม่มีใครห้ามปรามเขา หรือบางทีบรรดาหัวหน้าอาจiยอมรับว่าเขาเป็นพระคริสต์ 27พวกเรารู้ว่าคนนี้มาจากไหน พระคริสต์นั้นเมื่อเสด็จมา ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์เสด็จมาจากไหน”j

28ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงสอนในพระวิหาร พระองค์ตรัสเสียงดังว่า

“ท่านทั้งหลายรู้จักเรา และรู้ว่าเรามาจากไหน

เราไม่ได้มาตามใจตนเอง

พระองค์ผู้ทรงส่งเรามาทรงสัจจะk

ท่านไม่รู้จักพระองค์

29แต่เรารู้จักพระองค์

เพราะเรามาจากพระองค์l

และพระองค์ทรงส่งเรามา”

30คนเหล่านั้นพยายามจะจับกุมพระองค์ แต่ไม่มีใครลงมือ เพราะเวลาของพระองค์ยังมาไม่ถึง

พระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าจะทรงจากไป

31ประชาชนจำนวนมากเชื่อในพระองค์ พูดว่า “เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงทำเครื่องหมายอัศจรรย์มากกว่าที่ผู้นี้ได้ทำหรือ” 32ชาวฟาริสีได้ยินประชาชนซุบซิบเกี่ยวกับพระองค์เช่นนี้ จึงร่วมมือกับบรรดาหัวหน้าสมณะm ส่งยามรักษาพระวิหารไปจับกุมพระองค์

33พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า

“เราอยู่กับท่านอีกไม่นาน

แล้วเราจะกลับไปหาพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา

34ท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา แต่จะไม่พบn

เราอยู่ที่ไหน

ท่านไปที่นั่นไม่ได้”

35ชาวยิวจึงพูดกันว่า “คนนี้กำลังจะไปไหน เราจึงพบเขาไม่ได้ เขาตั้งใจจะไปหาชาวยิวที่กระจัดกระจายอยู่ในหมู่ชาวกรีก และตั้งใจไปสอนชาวกรีกหรือ 36เขาหมายถึงอะไรเมื่อกล่าวว่า

‘ท่านทั้งหลายจะแสวงหาเรา แต่จะไม่พบ’

และ ‘เราอยู่ที่ไหน

ท่านไปที่นั่นไม่ได้’”

พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะประทานน้ำที่ให้ชีวิต

37ในวันสุดท้ายของเทศกาลอยู่เพิงซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุดo พระเยซูเจ้าทรงยืนและตรัสเสียงดังว่า

“ผู้ใดกระหาย จงมาหาเราเถิดp

38ผู้ที่เชื่อในเรา จงดื่มเถิด

ตามที่พระคัมภีร์กล่าวว่า ‘ลำธารที่ให้ชีวิตจะไหลออกมาqจากภายในผู้นั้น’”r

39พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้หมายถึงพระจิตเจ้า ซึ่งผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รับ แต่เวลานั้นพระเจ้ามิได้ประทานพระจิตเจ้าให้s เพราะพระเยซูเจ้ายังมิได้รับพระสิริรุ่งโรจน์

ประชาชนโต้เถียงกันอีกเรื่องต้นกำเนิดของพระเมสสิยาห์

40เมื่อประชาชนบางคนได้ยินพระเยซูเจ้าตรัสพระวาจานี้ จึงพูดว่า “คนนี้เป็นประกาศกจริงๆ” 41บางคนพูดว่า “คนนี้เป็นพระคริสตเจ้า” บางคนพูดว่า “พระคริสตเจ้าจะมาจากแคว้นกาลิลีได้หรือ 42พระคัมภีร์มิได้กล่าวหรือว่าพระคริสตเจ้าจะต้องมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดและจากเมืองเบธเลเฮมt เมืองที่กษัตริย์ดาวิดเคยอยู่” 43ประชาชนจึงมีความคิดเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับพระองค์ 44บางคนต้องการจับกุมพระองค์ แต่ไม่มีใครลงมือจับกุม

45ทหารยามรักษาพระวิหารกลับมาหาบรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟาริสี ซึ่งถามเขาว่า “ทำไมท่านทั้งหลายไม่นำเขามาด้วย” 46ทหารยามตอบว่า “ไม่มีคนใดพูดจาเหมือนกับชายผู้นี้เลย” 47ชาวฟาริสีถามว่า “ท่านทั้งหลายถูกเขาหลอกลวงไปแล้วหรือ 48มีหัวหน้าหรือชาวฟาริสีคนใดบ้างที่เชื่อเขา 49แต่ประชาชนเหล่านี้ที่ไม่รู้เรื่องธรรมบัญญัติ ก็ถูกสาปแช่งอยู่แล้ว” 50ชาวฟาริสีคนหนึ่งชื่อนิโคเดมัส ที่เคยไปหาพระเยซูเจ้าก่อนหน้านั้นกล่าวกับเขาว่า 51“ธรรมบัญญัติของพวกเราไม่ตัดสินลงโทษผู้ใดโดยที่มิได้ฟังคำให้การของผู้นั้น และไม่รู้ก่อนว่าเขาทำอะไร” 52เขาเหล่านั้นจึงตอบว่า “ท่านก็มาจากแคว้นกาลิลีด้วยหรือ จงค้นดูจากพระคัมภีร์เถิด แล้วจะเห็นว่าไม่มีประกาศกคนใดมาจากแคว้นกาลิลีเลย”      

หญิงผิดประเวณีu

53แล้วทุกคนก็กลับบ้าน

 

เรียนพระคัมภีร์กับคุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร
พระวรสารนักบุญยอห์น บทที่ 7-8

 



 

 

7 a สำเนาโบราณบางฉบับว่า พระองค์ไม่ทรงสามารถ

b บรรดาพี่น้องของพระองค์ มีความหมายกว้างๆ หมายถึง ลูกพี่ลูกน้อง หรือญาติ (ดู มธ 12:46 เชิงอรรถ o)

c หมายถึง บรรดาศิษย์ซึ่งอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มและในแคว้นยูเดีย (เทียบ 2:23; 3:26; 4:1)

d เวลาของเรา (ดู 2:4 เชิงอรรถ e) เวลาของท่านพร้อมอยู่เสมอ ท่านจะทำอะไรตามใจก็ทำได้ทุกเวลา

e สำเนาโบราณบางฉบับว่า เรายังไม่ขึ้นไป

f สำเนาโบราณบางฉบับละ กันมาก

g ยน 7:14-52 ประกอบด้วยคำปราศรัยหลายตอนที่มีความคิดเรื่องเดียวกัน คือปัญหาว่าพระเยซูเจ้ามาจากไหน (1) การทราบถึงที่มาของพระองค์ในฐานะมนุษย์ ทำให้หลายคนมองไม่เห็นว่าทรงมาจากพระเจ้า พระองค์ไม่ทรงเคยเป็นศิษย์ของรับบีคนใด ความรู้ของพระองค์จะมีอะไรมากมายนัก (ข้อ 14-18) รายละเอียดเกี่ยวกับวัยเด็กของพระองค์ก็เป็นที่รู้กันอยู่ พระองค์จะเป็นพระเมสสิยาห์ได้อย่างไร (ข้อ 25-30) (2) การที่ทุกคนรู้ว่าพระองค์เป็นชาวนาซาเร็ธ แสดงว่าพระองค์ไม่ใช่พระคริสตเจ้า (หรือพระเมสสิยาห์) (ข้อ 40-52) ความคิดเรื่องการ “จากโลกนี้ไป” ก็เช่นเดียวกัน (ข้อ 33-36 ดู 8:21-23) มีความสัมพันธ์กับความคิดเรื่องพระเยซูเจ้ามาจากพระเจ้าหรือไม่ คนที่ชื่อเยซูได้จากโลกนี้ไปยังสถานที่ที่พระองค์ทรงอยู่ตลอดมา (ในธรรมชาติพระเจ้า) (ดู ข้อ 29 และ 34) *ข้อ 19-24 อาจเป็นบทสรุปของ 5:1-16 เพราะดูเหมือนว่าไม่สู้จะเข้ากับบริบทของตอนนี้

h พระเยซูเจ้าทรงให้เหตุผลตามวิธีที่บรรดารับบีนิยมใช้ การเข้าสุหนัตนับว่าเป็น การรักษา ส่วนหนึ่งของร่างกาย ถ้าการรักษาส่วนหนึ่งทำได้ในวันสับบาโต การรักษาคนทั้งตัวก็ยิ่งน่าจะทำได้ในวันสับบาโตด้วย

i สำเนาโบราณบางฉบับว่า บรรดาหัวหน้าสมณะ หรือ ผู้อาวุโส หรือ เขาทั้งหลาย

j ชาวยิวรู้ว่าพระเมสสิยาห์จะต้องบังเกิดที่เมืองเบธเลเฮม (ข้อ 42; มธ 2:5ฯ) แต่คนทั่วไปเชื่อกันว่า พระเมสสิยาห์จะต้องซ่อนองค์อยู่ในสถานที่ลึกลับ (เทียบ มธ 24:26 เช่น ในสวรรค์ตามความคิดของบางคน) จนกว่าจะถึงวันที่จะเสด็จมา พระเยซูเจ้าทรงเห็นด้วยกับความเชื่อถือนี้เมื่อทรงยืนยันว่าทรงมีต้นกำเนิดจากสวรรค์ แต่ประชาชนที่ฟังพระองค์ไม่เข้าใจ

k แปลอีกอย่างหนึ่งได้ว่า พระองค์ผู้ทรงส่งเรามาเป็นผู้น่าเชื่อถือ

l แปลอีกอย่างหนึ่งได้ว่า เพราะเราอยู่เคียงข้างพระองค์

m สำเนาโบราณบางฉบับละ กับบรรดาหัวหน้าสมณะ

n มนุษย์เราต้องแสวงหาพระเยซูเจ้า เช่นเดียวกับแสวงหาพระเจ้า ขณะที่ยังมีเวลาจะพบพระองค์ได้ แต่ชาวยิวจะปล่อยให้ เวลา ของพระองค์ล่วงผ่านไป เขาจึงจะไม่พบความรอดพ้น แต่คนต่างศาสนา (ชาวกรีก) จะพบ (ดู 12:20-21, 35 เชิงอรรถ m; 19:37 เชิงอรรถ v)

o วันสุดท้ายของเทศกาลอยู่เพิงคงจะเป็นวันที่เจ็ดหรือวันที่แปด

p สำเนาโบราณบางฉบับมีเพียง จงมาเถิด *คำเชิญของพระเยซูเจ้านี้มีสำนวนคล้ายกับคำเชิญของปรีชาญาณ (ดู 6:35 เชิงอรรถ j)

q พิธีกรรมของเทศกาลอยู่เพิง ซึ่งเป็นภูมิหลังของพระวาจาของพระเยซูเจ้านี้ ประกอบด้วยการอธิษฐานภาวนาขอฝน ขบวนแห่ไปยังสระสิโลอัม และการตัก น้ำเป็น หรือ น้ำที่ให้ชีวิต คือน้ำที่ไหลอยู่จากบ่อ แล้วจึงแห่กลับมายังพระวิหารเพื่อใช้ชำระในพิธี พิธีเหล่านี้ระลึกถึงอัศจรรย์เรื่องน้ำที่โมเสสได้ทำ (อพย 17:1-7; เทียบ 1 คร 10:4) ในพิธีนี้ยังมีการอ่านข้อความจากพระคัมภีร์ กล่าวล่วงหน้าว่าพระเจ้าจะประทานน้ำที่ให้ชีวิตแก่ศิโยน (อสค 47:1ฯ; ศคย 14:8; ดู ยน 4:1 เชิงอรรถ a)

r จากภายในผู้นั้น หมายถึง จากใจของผู้ที่มีความเชื่อในพระคริสตเจ้า แต่บางคนเข้าใจว่า ประโยคนี้หมายถึง พระเยซูเจ้า จึงแปลว่า จากภายในพระองค์

s แปลอีกอย่างหนึ่งว่า เวลานั้นยังไม่มีพระจิตเจ้าเลย

t ผู้ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้าเท่านั้นรู้ว่า พระองค์ทรงบังเกิดที่เมืองเบธเลเฮม

u ผู้ประพันธ์เรื่องหญิงผิดประเวณีนี้ (7:53-8:11) ไม่ใช่ยอห์น พยานหลักฐานโบราณ (สำเนาคัดลอก, คำแปลโบราณ, และปิตาจารย์) จำนวนหนึ่งละข้อความตอนนี้ และในสำเนาโบราณหลายฉบับจัดข้อความนี้ไว้ที่อื่น นอกจากนั้น ลีลาการเขียนข้อความนี้มีลักษณะเหมือนกับพระวรสารสหทรรศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกา (ดู ลก 21:38 เชิงอรรถ h) อย่างไรก็ตาม ข้อความตอนนี้เป็นที่ยอมรับใน
สารบบพระคัมภีร์ และไม่มีเหตุผลใดที่จะคิดว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง