บทเทศน์โดยพระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์  วีระ  อาภรณ์รัตน์

วันอาทิตย์ที่ 2 เทศกาลปัสกา
วันอาทิตย์ฉลองพระเมตตา

23 เมษายน 2017
บทอ่าน    กจ  2:42-47  ;    1 ปต  1:3-9  ;    ยน  20:19-31
พระวรสารสัมพันธ์กับ    คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC)   515, 618, 878
จุดเน้น    พระเยซูเจ้าทรงยกเราให้พ้นความอ่อนแอภาษามนุษย์  และอาศัยพระเมตตาของพระองค์  ทรงนำเราให้สนิทสัมพันธ์กับพระบิดา


           สุขสันต์วันปัสกา  จริงอยู่ที่วันอาทิตย์ปัสกาเป็นสัปดาห์ที่แล้ว  แต่เทศกาลปัสกายังต่อเนื่องรวม 7 สัปดาห์  จนถึงวันสมโภชพระจิตเจ้า (วันเปนเตกอสเต)  ตลอดสัปดาห์เหล่านี้  ความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพช่วยให้เรากล้าขึ้น  เพื่อชื่นชมยินดีในธรรมล้ำลึกในชีวิต  ความตาย  และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า  ซึ่งนำความรอดมาให้   ตั้งแต่ ค.ศ. 2000  พระศาสนจักรรวมการฉลองปัสกากับพระเมตตาของพระเจ้า (นักบุญสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ประกาศวันฉลองพระเมตตา  ในวันอาทิตย์ที่ 2 เทศกาลปัสกา) ได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ถูกต้องของเรากับพระองค์  และอนุญาตให้เราเข้าสู่ชีวิตนิรันดร  ดังนั้น วันอาทิตย์หลังปัสกาจึงฉลองวันอาทิตย์พระเมตตาทั่วพระศาสนจักร

    บทอ่านต่างๆ วันนี้ก็เหมาะสมกับความหมายของวันฉลอง  ทั้งบทอ่านแรกและบทที่สอง  สอนเราว่าประชาชนได้ดำเนินชีวิตอย่างไรจึงมีสันติสุข  และได้รับพระพรที่พวกเราชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า  จากหนังสือกิจการอัครสาวก  เราได้ยินเรื่องคริสตชนสมัยแรกดำเนินชีวิตร่วมกันฉันพี่น้อง ร่วมพิธีนมัสการพระเจ้า แบ่งปันอาหาร  และดำเนินชีวิตในชุมชน  ทำให้มีโล่ฝ่ายวิญญาณป้องกันพวกเขาจากสิ่งอื่นๆ ในโลก   ภายใต้โล่นี้  พระเจ้าทรงเสริมให้มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น  และมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น  โล่นี้ก็คือพระเมตตาของพระเจ้านั่นเอง

    จดหมายนักบุญเปโตรฉบับที่หนึ่ง กล่าวถึง พระพรที่บรรดาคริสตชนสมัยแรกได้รับประสบการณ์  ท่านกล่าวว่า  ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า  พระบิดาของพระเยซูคริสต์  องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา  พระองค์ทรงพระกรุณาอย่างยิ่งใหญ่  พระองค์ทรงบันดาลให้เราบังเกิดใหม่  และมีความหวังที่จะมีชีวิต  อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า  นี่คือพระเมตตาที่นักบุญเปโตรฉลอง  และรับรู้ว่าเป็นแหล่งกำเนิดความรอดพ้นของเรา

    พระวรสารแสดงเมตตาธรรมในกิจการ คือ พระเยซูเจ้าทรงปรากฏองค์แก่บรรดาศิษย์เป็นครั้งแรก  หลังจากการกลับคืนพระชนมชีพ  พระองค์ปรารถนาให้พวกเขามีสันติสุข  และทรงยืนยันว่า  พระองค์สิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพจริงๆ  ทำให้สัญญาสำเร็จสมบูรณ์  ยังประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขา  ทำให้คำสอนที่พระองค์มอบให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน  เหมือนพวกเขาทำงานของพระบิดา  พระเยซูเจ้าทรงเป่าลมมอบพระจิตเจ้าแก่บรรดาอัครสาวกให้มีอำนาจอภัยบาปได้  พระองค์ทรงแต่งตั้งพวกเขาให้มีบทบาท  ประทานพระเมตตาแก่บรรดาผู้ที่รับใช้ในนามของพระเจ้า

    ที่สุด  เราได้ยินเรื่องของโทมัส  ก็เป็นตัวอย่างชัดเรื่องพระเมตตา  โทมัสไม่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพถ้าเขามิได้เห็น  พระเยซูเจ้าทรงยอมรับความอ่อนแอนี้ที่โทมัสสงสัย  การยอมรับนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระเมตตา  โทมัสเป็นตัวแทนของเรา  และความอ่อนแอหลายแบบของเรา  เหมือนที่พระองค์ได้ทำกับโทมัส  พระองค์จะทำให้เราเข้มแข็งเมื่อเราสงสัย  และช่วยเราแต่ละคนให้พ้นความอ่อนแอ  โดยอาศัยพระเมตตา  เพื่อนำเราให้สนิทสัมพันธ์กับพระบิดา

    นี่คือความรัก  นี่คือพระเมตตาที่พระเจ้าประทานให้เรา  เมื่อเราไตร่ตรองมหัศจรรย์แห่งพระเมตตานี้  ให้เราแสดงความกตัญญูด้วยการดำเนินชีวิตตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอนเรา  รักกันและกัน  มีเมตตาต่อผู้ที่เราจะพบปะทุกวัน

พระสังฆราช  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Daily Homilies โดย Catholic  Diocese  of  Lansing,
(เมษายน-มิถุนายน  2017), หน้า 175-177.