บทเทศน์โดยพระสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์  วีระ  อาภรณ์รัตน์วันอาทิตย์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา
26 มิถุนายน 2016
บทอ่าน
    1 พกษ  19:16ข, 19-21   ;    กท  5:1, 13-18   ;    ลก  9:51-62
พระวรสารสัมพันธ์กับ    คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC)   544, 557
จุดเน้น     พระเยซูเจ้ากำหนดมาตรฐานสูงสำหรับผู้ที่ต้องการดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ของพระองค์


    มีข้อสอนใจหลายประการในพระวรสารวันนี้  พระเยซูเจ้าคาดหวังหลายประการเหมือนเราส่วนใหญ่  บทอ่านวันนี้ก็มีสิ่งเล็กๆ เหมือนกัน  อย่างไรก็ดี  ในมุมมองพันธกิจของพระเยซูเจ้า  บทอ่านเหล่านี้มีข้อน่าสนใจเพิ่มเข้ามา
    ข้อแรก  ชาวสะมาเรียปฏิเสธพระเยซูเจ้า  เป็นเหตุผลทางการเมือง  ชาวสะมาเรียเป็นคนแปลกหน้าแตกต่างกับชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็ม  ดังนั้น  หากพระเยซูเจ้าหยุดพักในหมู่บ้านนี้ระหว่างการเดินทางไปเยรูซาเล็ม  ชาวสะมาเรียไม่สนใจพระองค์  แน่นอนเรารู้ว่าคำสอนของพระองค์มิใช่แนวการเมือง  ถึงแม้ว่าคำสอนนี้จริงๆ แล้วช่วยทั้งสองกลุ่มให้พบจุดร่วมเดียวกัน  อย่างไรก็ดี  พระเยซูเจ้าถูกปฏิเสธและเข้าใจพระองค์ผิด

    ดังนั้น  ยากอบและยอห์นต้องการตอบโต้ที่ปฏิเสธพระเยซูเจ้า  ด้วยการเรียกไฟจากฟ้ามาเผาผลาญหมู่บ้านนี้  พี่น้องคงมโนภาพพระเยซูเจ้าส่ายศีรษะเครียดๆ  อัครสาวกทั้งสองไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยที่เสนอเรื่องนี้  พระเยซูเจ้าทรงสอนทั้งหมดเกี่ยวกับความรัก  ไม่ใช่ลงโทษผู้ที่จะไม่ยอมรับพระองค์  เรื่องนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประกาศกเอลียาห์  ที่ได้ประหารชีวิตบรรดาทหารฝ่ายตรงข้ามที่ได้พยายามขัดขวางงานของประกาศก  พระเยซูเจ้ากำลังสอนชัดเจนถึงสิ่งใหม่  แต่แม้บรรดาศิษย์ใกล้ชิดที่สุดก็ยังไม่เข้าใจดีๆ

    ดังนั้น  เมื่อพระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ไปถึงอีกเมืองหนึ่ง  ชาวบ้านมาบอกพระองค์ว่าพวกเขาต้องการติดตามพระองค์  พระเยซูเจ้าตอบชัดว่า  มากกว่าการเป็นศิษย์  มากกว่าคำพูดสวยๆ  ยังต้องมีพลีกรรมด้วย  พระองค์ทรงชี้ชัดว่า  การเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ยากกว่าเป็นศิษย์ของประกาศก  ชาวบ้านในสมัยพระเยซูเจ้ารู้พระคัมภีร์  และรู้เรื่องกระแสเรียกของเอลีชา  ซึ่งเราได้ยินในบทอ่านแรกวันนี้  เอลียาห์ยอมให้เอลีชาสืบทอดงานเป็นประกาศกใหม่สุดของพระเจ้า  พระเยซูเจ้ามิได้ให้อะไรเสริม  หากพี่น้องจะติดตามพระองค์  ต้องทำสุดๆ  ห้ามเหลียวดูข้างหลัง  ทั้งพระวาจาและกิจการของพระองค์แสดงออกชัดเจนว่าทำแบบเดิมๆ ไม่ได้

    เราฟังบทอ่านในเทศกาลธรรมดา  ในปีพิธีกรรม (ของพระศาสนจักร)  เพราะเป็นบทเรียนต่อเนื่องที่มีความหมายต่อการเป็นคริสตชน  เพื่อติดตามพระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา  บนหนทางสู่ชีวิตนิรันดร์  เทศกาลธรรมดาไม่มีวันฉลองใหญ่  ไม่มีการฉลองสำคัญ  เป็นเวลาสำหรับศึกษาไตร่ตรอง  เพื่อความก้าวหน้าเติบโตทางชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ  และเพื่อดำเนินชีวิตอุทิศตนลึกซึ้งตามที่พระเยซูเจ้าได้สอน

    ในบทอ่านที่สอง  นักบุญเปาโลเตือนใจเราว่า  จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง  พันธกิจดูธรรมดาๆ แต่ก็ไม่ง่ายเลย  นี่ก็เป็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าสอนเรา  พระองค์ต้องการเดี๋ยวนี้  พระองค์ต้องการให้ซึมผ่านไปทุกมิติของชีวิต  พระองค์ต้องการให้เราตัดสินใจแบบมีสติ  เรากำลังประกอบพิธีวันนี้ต่อไป  และเวลาที่พี่น้องออกจากวัด  กลับไปบ้าน  ขอให้เราตระหนักว่า  พระเยซูเจ้ากำลังเรียก  กำลังสอน  ขอให้เราตั้งใจฟังพระองค์

พระสังฆราช  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Homilies  โดย Catholic  Diocese  of  Lansing,
(เมษายน-มิถุนายน  2016), หน้า 285-287.