“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2017
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
ลก 13:10-17…
        10ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในศาลาธรรมแห่งหนึ่งในวันสับบาโต 11สตรีคนหนึ่งถูกปีศาจสิง เจ็บป่วยมาสิบแปดปีแล้ว หลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้เลย 12เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็น จึงทรงเรียกนางเข้ามาและตรัสว่า “นางเอ๋ย เธอพ้นจากความพิการของเธอแล้ว” 13พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนั้น นางก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า


14แต่หัวหน้าศาลาธรรมรู้สึกขัดเคืองที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคในวันสับบาโต จึงกล่าวแก่ประชาชนว่า “วันที่ทำงานได้มีถึงหกวัน จงมารับการรักษาโรคในวันเหล่านั้นเถิด อย่ามาในวันสับบาโตเลย” 15องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด เจ้าแต่ละคนมิได้แก้โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินน้ำในวันสับบาโตดอกหรือ 16หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะถูกแก้จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ” 17เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้ว ผู้ต่อต้านทุกคนของพระองค์รู้สึกอับอาย ขณะที่ประชาชนต่างชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายที่ทรงกระทำ

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• อ่านพระวาจาวันนี้แล้วพ่อคิดถึงหญิงคนนี้... เธอหลังค่อมมานานเท่าไหรหนอนานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่สามารถมองแบบที่คนทั่วไปมอง ตลอด 18 ปี อย่างที่พระวรสารบอกเรา 18 ปีแล้วที่เธอไม่เคยได้ยืนตัวตรงขึ้นได้เลย น่าเวทนาจริงๆ...
o คนหลังค่อม ไม่สามารถเงยหน้าหรือเห็นอย่างที่คนอื่นๆเห็น นางหลังค่อม และคนที่หลังค่อมสิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้คือการมองขึ้นไปข้างขน Looking up ปกติคนหลังค่อมต้องมองไปทางซ้ายหรือทางขวาเท่านั้น
o พี่น้องเคยสังเกตไหม การ “เงยหน้า” เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย และเวลาที่จะมองอะไรๆ ที่สูงหน่อย คนหลังค่อมต้องหันข้างเข้าไปหา และพลิกหน้าออกด้านข้างเพื่อมองดู สิบแปดปีแล้วที่นางมาศาลธรรมในสภาพนี้
o ชาวยิวมาทำอะไรในศาลาธรรม.. มาเพื่อสรรเสริญพระเจ้า เพื่อฟังพระธรรมของพระเจ้า และการสรรเสริญพระเจ้านั้นมีอากัปกริยาหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ “การเงยหน้าขึ้น” มองดูเบื้องบน looking up to the sky มองดูท้องฟ้า มองดูที่สูงเพราะชาวยิวเชื่อว่าพระเจ้าประทับอยู่เบื้องบน ต้องเงยหน้าขึ้นหาพระองค์และสรรเสริญพระเจ้า

• แต่เราทราบพระจากพระคัมภีร์ ที่น้องที่รัก เป็นเวลา 18 ปีที่หญิงหลังค่อมคนนี้ไม่ได้เห็นโลกอย่างที่คนอื่นได้เห็น ไม่ได้เห็นพี่น้องในมุมมองที่คนอื่นได้เห็น และที่แย่มากๆ สำหรับนางผู้มีศรัทธาในพระเจ้า นางมาศาลธรรม แต่นางไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองดูพระเจ้าเบื้องบนฟาสวรรค์ และแย่กว่านั้น
o ในพระคัมภีร์บอกว่า นางถูกปีศาจสิง ทำให้หลังค่อม และพระคัมภีร์ย้ำว่า “ยืนตัวตรงไม่ได้" ใช่ครับ ปีศาจเป็นศัตรูกับพระเจ้า และนางถูกกระทำให้ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองดูพระเจ้า ทั้งๆที่นางมาศาลาธรรมแสดงว่านางต้องการยากสายตาขึ้นสรรเสริญพระเจ้าจริงๆครับ แต่เหมือนกับทั้งกระดูและร่างกายถูกยึดไว้ให้ต้องก้มหน้าลงยาวนาน
o ในพระคัมภีร์ คนบาปหนักทำผิดหนักก็จะก้มหน้าครับ... เช่น ปฐก 3 เมื่ออาดัมเอวาทำบาป เขาทั้งสองซ่อนตัวไม่ยอมพบพระพักตร์ของพระเจ้าในสวน... ปฐก 4 เมื่อคาอินคาอาแบลแล้ว พระเจ้าตรัสชัด “ถ้าเจ้าทำดี เจ้าต้องเงยหน้าขึ้น” เพราะขณะนั้น พระคัมภีร์บันทึกว่า หน้าของเขาก้มลงต่ำไม่ยอมยกสายตาขึ้น (His countenance fails) คือ คอตก ไม่ยกขึ้นมาสบพระพักตร์พระยาห์เวห์....

• หญิงหลังค่อคนนี้อยากสรรเสริญพระเจ้า นางมาศาลาธรรมแต่ในสภาพที่เงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรงไม่ได้เลย และเราเห็นชัดที่สุดเมื่อพระเยซูเจ้าทรงพบนาง เราเห็นในคำตรัสของพระองค์และผลที่นางกระทำทันที เราดูในตัวบทสิครับ
o “เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็น
o จึงทรงเรียกนางเข้ามาและตรัสว่า “นางเอ๋ย เธอพ้นจากความพิการของเธอแล้ว” พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง
o ทันใดนั้น นางก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า”

• สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีหลังพระดำรัส นางสามารถยืดตัวตรง สรรเสริญพระเจ้าได้ทันที.. นางคงอยากทำอย่างนี้มา 18 ปีแล้ว คงได้แต่ตะแคงด้านข้างและผินหน้าบึ้นในแนวราบมองขึ้นข้างบน แต่ไม่สามารถยืนตัวตรงสรรเสริญพระเจ้า คนเราเวลาให้เกียรติ ต้องยืนตรงได้ ดูทหารสิครับ ฝึกยืนตรง แถวตรงกันตลอด พระเจ้าทรงเป็นจอมทัพในความหมายของพระคัมภีร์ เมื่อถวายเกียรติพร้อมกันก็ต้องยืนตรงเหมือนกองทหารแห่งอิสราเอล แต่นางทำไม่ได้มานาน

• ยิ่งกว่านั้น ทุกสายตาที่มองดูนาง บรรดาธรรมาจารย์ฟาริสีและประชาชนที่เครงครัด ก็คงมองนางอย่างคนบาป คนที่ไม่สามารถยืนตรงเงยหน้าหาสวรรค์และสรรเสริญพระเจ้าได้ นางคงถูกคนอื่นๆ มองลงมากด้วยสาตาที่กดลง คือ ดูถูกและตำหนิ... Looking down มายาวนาจริง

• และวันนั้นเป็นวันสับบาโต.. วันนั้น “พระเยซูเจ้า ประกาศกแท้จริงๆ อาจารย์แท้จริง ผู้เทศน์สอนแท้จริง และพระเจ้าแท้จริง” ได้เสด็จมา พระเยซูแห่งนาซาแรธ พระองค์เสด็จมาที่ศาลาธรรมนั้น และเมื่อนางได้เข้ามาในศาลาธรรม พ่อเชื่อว่าที่ประชุมนั้นคงมองนาง และเซ่งแซ่ไปด้วยการตัดสินทางว่านางเป็นคนบาป พระเยซูเจ้ามิได้เพียงเทศนาสั่งสอน แต่วันนี้เราได้ยิน “คำเชิญ”
o “เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็น จึงทรงเรียกนางเข้ามา”
o พระองค์ต้องก้มลงมองหน้าเธอ และเธอก็ต้องพยายามเอียงหน้าขึ้นบ้างเพื่อได้เห็นพระเยซู เสียงเรียกแสนอ่อนโยน “เข้ามานี่สิ” แน่นอนว่าจินตนาการได้เลยว่า นางคงค่อยพยุงร่างกายที่แสนยึดแน่นค่อม ผ่านสายตาคนมากมายเข้ามากยังที่ประชุมในศาลาธรรม และปกติ คนแบบนี้จะต้องอยู่ท้ายปลายห้องศาลาธรรม เพราะนางถูกถือว่าเป็นคนบาป
o “นางเอ๋ย เธอพ้นจากความพิการของเธอแล้ว” ถ้อยคำแสนอ่อนโยน “นางเอ๋ย” เป็นเสียงเรียกอย่างอ่อนโยนเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ... ยิ่งกว่านั้น พระองค์วางมือสัมผัสนางเพื่อปลดปล่อยจากความ “ค่อม” ทำให้นางได้รับพลังที่จะยืนตัวตรงขึ้นทันที หลังที่ค่อมกลับยืนตรงได้และนางก็สรรเสริญพระเจ้า งดงามมากๆครับ วิธีการถ่ายทอดของพระวรสาร

• ความขัดเคืองของหัวหน้าศาลาธรรมง... เพราะทรงกระทำในวันสับบาโต เขาจึงอ้างกฎเกณฑ์แบบฟาริสีกระทำกัน อ้างหลักการ อ้างกฎเกณฑ์ ว่าชอบธรรมถูกต้อง แต่ผลก็คือ ไม่ได้ช่วยอะไรแก่คนด้อยโอกาสในวันพระเจ้านั้น เชาตำหนิพระองค์และตำหนิหญิงหม้าย... “วันที่ทำงานได้มีถึงหกวัน จงมารับการรักษาโรคในวันเหล่านั้นเถิด อย่ามาในวันสับบาโตเลย”
o พ่อเห็นความหน้าซื่อใจคด และใจแคบจริงๆ หัวหน้าศาลาธรรมคนนี้น่าจะเห็นหญิงหลังค่อมคนนี้มาสิบแปดปีแล้ว กี่ร้อยวันสับบาโตแล้ว แต่เขาไม่ได้ทำอะไรที่ช่วยเหลือหรือรักษานางเลย... เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าทรงกระทำกิจการดี เขาก็อ้างหลักการเดิมๆที่ตนเคร่งครัดแต่ไม่ได้ช่วยอะไรเพื่อนพี่น้องเลย...

• พระเยซูเจ้าจึงตรัสตอบอย่างมีอารมณ์ต้องดัดนิสัยพวกเขาจริงๆ “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด เจ้าแต่ละคนมิได้แก้โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินน้ำในวันสับบาโตดอกหรือ

• หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะถูกแก้จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ”
o พระดำรัสชัดเจน ตำหนิความหน้าซื่อใจคดที่ไม่ใช่หลังค่อ เพราะพวกเขาตัวตรง ถือว่าตนเอง พวกตนเที่ยงตรง แต่ค่อมในหัวใจ “หน้าซื่อใจคด” อาการคดก็เหมือนกับค่อม แต่เมื่อคดในใจก็เป็นเช่นนี้.. เราได้ยินพระดำรัสแบบนี้มาตลอดกับพวกฟาริสีธรรมาจารย์ คนศาสนาระดับผู้นำ และที่นี่ก็หัวหน้าศาลาธรรม... อ้างธรรมบัญญัติของโมเสส และตำหนิพระเยซูเจ้า
o คำตอบของพระองค์อ่อนโยน และแรงมาก “หญิงผู้นี้เป็นบุตรของอับราฮัม” ถ้าจะแปลก็คือ “หญิงผู้นี้ก็เป็นลูกสาวของโคตรบรรพบุรุษของพวกแก และโมเสสด้วย” พระองค์อ้างถึงอับราฮัม ไม่ใช่เพียงแค่โมเสสที่ยิ่งใหญ่ด้านกฎหมายสำหรับชาวยิว... แต่อ้างไปถึงต้นตระกูลบรรพบุรุษของเขาเลย... เหมือนกับบอกกับพวกเขาให้สำนึกว่า นางผู้หลังค่อมคนนี้คือบุตรหญิงของอับราฮัม นางคือน้องสาว พี่สาวของพวกเขา.. สำนึกนนหน่อย ตระหนักหน่อย.... และนางก็ถูกปีศาจล่ามให้หลังค่อมสิบแปดปี จะไม่สมควรได้รับการยืนตัวตรงถวายเกียรติพระเจ้าในวันพระเจ้าดอกหรือ....
o พระวาจาเหมือนดุพวกเขาว่า พวกเขาทำอะไรกันอยู่ตลอด 18 ปี ที่พี่น้องคนนี้ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ เคยคิดช่วยเหลือรักษากันบ้างไหม หรือเพียงแต่ตำหนิว่าเป็นคนบาป และไล่ไปอยู่ท้ายศาลาธรรมที่ทำให้พระองค์ต้องเรียกเชิญนางเข้ามา...

• จุดที่แรงที่สุด สำหรับพระวาจาวันนี้.. ความเมตตาสงสาร...
o “เจ้าแต่ละคนมิได้แก้ (λύω) to loose โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินน้ำในวันสับบาโตดอกหรือ
o หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะถูกแก้ (λύω) to loose จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ””
• พ่ออ่านแล้วรู้สึกแสบลึกบาดทรวงจริงๆ พวกเขาเคร่งวันสับบาโต ไม่ทำงาน แต่ก็อดสงสารลาหรือโคไม่ได้จึงต้องยอมทำงาน “ปลดปล่อย” ให้พวกมันไปกินน้ำเป็นอย่างน้อยในวันสับบาโต
o คำกริยาสำคัญคือ “ปลดปล่อย” ภาษาอังกฤษใช้คำว่า to loose ปลดปล่อย หรือปลดออก... น่าทึ่งมากๆ ครับ พระเยซูเจ้าในภาษาต้นฉบับบันทึก ใช้คำกริยาภาษากรีกคำเดียวกัน “λύω” to loose
o พวกเขาปลดปล่อยโคลาในวันสับบาโตเพราะสงสารพวกมัน แต่หญิงคนหนี้ 18 ปี กี่น้อยสับบาโตแล้วที่พวกเขาไม่เคยปลอดปล่อย และวันนี้นางได้รับพระเมตตาปลดปล่อยจากความค่อมที่ติดยึด... หัวหน้าศาลาธรรมกลับตำหนิ
o ช่างเป็นพระวาจาที่แสนคมคายสะเทือนใจจริงๆ พวกเขาต่างเป็นลูกหลานของอับราฮัมทุกคน ให้ความเมตตาสงสารแม้กระทับโคและลาสัตว์เลี้ยงในวันสับบาโตโดยปลดเชือดปล่อยมันให้ไปหาน้ำ... แต่หญิงหลังค่อมที่ถูกซาตานผู้ไว้ให้หลังค่อมมายาวนา เป็นเพื่อนมนุษย์วงศ์วานเดียวกับเขา พวกเขากลับตำหนิที่นางได้รับการปลดปล่อยในวันสับบาโต...

• พ่ออยากบอกจุดสำคัญอีกประการ แม้หญิงค่อมคนนี้นักบุญลูกาไม่ได้บอกชื่อ แต่พระเยซูเจ้าตรัสถึงนางด้วยชื่อจะเรียกว่าชื่อสกุลเต็มเลยก็ว่าได้ ภาษากรีกใช้คำว่า “θυγατέρα Ἀβραὰμ” ต้องบอกว่า ชื่อนามสกุลของเธอเลย “บุตรสาวของอับราฮัม” เป็นการเรียกอย่างหรูให้เกียรติที่สุด เหมือนเรียก “เยซูบุตรอับราฮัม” วลีการเรียกแบบนี้ไม่ปรากฎที่ใดเลยในพระวรสารของลูกา การทรงเรียกเช่นนี้เป็นการยืนยันว่า “หญิงหลังค่อมคนนี้ได้รับการเน้นหนักว่า นางคือบุตรสาวแห่งพันธสัญญา และนางคือสมาชิกคนหนึ่งที่ถูกต้องครบครันของศาลาธรรม” ถ้าศาลาธรรม หัวหน้าศาลาธรรมเข้าใจแท้จริง

• พี่น้องที่รักครับ... ที่สุดหญิงคนนี้ได้ถวายเกียรติสรรเสริญพระเจ้า ได้รับการปลดปล่อย to loose จากพันธนาการที่ทำให้ค่อมมายาวนาน... พ่อเชิญชวนเรานะครับ
o ขอให้เราเป็นเหมือนพระองค์
o เมตตาเหมือนพระองค์ สัมผัส เมตตา และเห็นใจ พร้อมทั้งช่วยปลดปล่อยพี่น้องของเราจากพันธนาการของบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาปความโลภและเห็นแก่ตัวของเราหรือของใครๆ ที่ทำให้พี่น้องของเราต้องค่อม เงยหน้าตาในสังคมไม่ได้เพราะความยากไร้ และจนมุมหรืออับจน
o ให้เราเมตตา ช่วยปลดปล่อย to loose พี่น้องหญิงชายของเรา ด้วยความเมตตารักจริง เพื่อพวกเขาและเราจะได้สรรเสริญพระเจ้าร่วมกันเสมอนะครับ...
o ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก