“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 19 เมษายน 2017
วันพุธในอัฐมวารปัสกา
ลก 24:13-35….
13วันนั้น ศิษย์สองคนกำลังเดินทางไปยังหมู่บ้านเอมมาอูส ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร 14ทั้งสองคนสนทนากันถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น 15ขณะที่กำลังสนทนาและถกเถียงกันอยู่นั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาร่วมเดินทางด้วย 16แต่เขาจำพระองค์ไม่ได้เหมือนดวงตาถูกปิดบัง 17พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านเดินสนทนากันเรื่องอะไร” ทั้งสองคนก็หยุดเดิน ใบหน้าเศร้าหมอง

18ศิษย์ที่ชื่อเคลโอปัสถามว่า “ท่านเป็นเพียงคนเดียวที่แวะมาในกรุงเยรูซาเล็มหรือ ซึ่งไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นั่นเมื่อสองสามวันมานี้” 19พระองค์ตรัสถามว่า “เรื่องอะไรกัน” เขาตอบว่า “ก็เรื่องพระเยซู ชาวนาซาเร็ธประกาศกทรงอำนาจในกิจการและคำพูดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าประชาชนทั้งปวง 20บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้นำของเรามอบพระองค์ให้ต้องโทษประหารชีวิต และตรึงพระองค์บนไม้กางเขน 21เราเคยหวังไว้ว่าพระองค์จะทรงปลดปล่อยอิสราเอลให้เป็นอิสระ แต่นี่เป็นวันที่สามแล้วตั้งแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 22สตรีบางคนในกลุ่มของเราทำให้เราประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาไปที่พระคูหาตั้งแต่เช้าตรู่ 23เมื่อไม่พบพระศพ เขากลับมาเล่าว่าได้เห็นนิมิตของทูตสวรรค์ซึ่งพูดว่า พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ 24บางคนในกลุ่มของเราไปที่พระคูหา และพบทุกอย่างดังที่บรรดาสตรีเล่าให้ฟัง แต่ไม่เห็นพระองค์”

25พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เจ้าคนเขลาเอ๋ย ใจของเจ้าช่างเชื่องช้าที่จะเชื่อข้อความที่บรรดาประกาศกกล่าวไว้ 26พระคริสตเจ้าจำเป็นต้องทนทรมานเช่นนี้เพื่อจะเข้าไปรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์มิใช่หรือ” 27แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ทุกข้อที่กล่าวถึงพระองค์ให้เขาฟังโดยเริ่มตั้งแต่โมเสสจนถึงบรรดาประกาศก

28เมื่อพระองค์ทรงพระดำเนินพร้อมกับศิษย์ทั้งสองคนใกล้จะถึงหมู่บ้านที่เขาตั้งใจจะไป พระองค์ทรงทำท่าว่าจะทรงพระดำเนินเลยไป 29แต่เขาทั้งสองคนรบเร้าพระองค์ว่า “จงพักอยู่กับพวกเราเถิด เพราะใกล้ค่ำและวันก็ล่วงไปมากแล้ว” พระองค์จึงเสด็จเข้าไปพักกับเขา 30ขณะประทับที่โต๊ะกับเขา พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ทรงถวายพระพร ทรงบิขนมปังและทรงยื่นให้เขา 31เขาก็ตาสว่างและจำพระองค์ได้ แต่พระองค์หายไปจากสายตาของเขา 32ศิษย์ทั้งสองคนจึงพูดกันว่า “ใจของเราไม่ได้เร่าร้อนเป็นไฟอยู่ภายในหรือเมื่อพระองค์ตรัสกับเราขณะเดินทาง และทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟัง”
33เขาทั้งสองคนจึงรีบออกเดินทางกลับไปกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้น พบบรรดาอัครสาวกสิบเอ็ดคนกำลังชุมนุมกันอยู่กับศิษย์คนอื่นๆ 34เขาเหล่านี้บอกว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วจริงๆ และทรงสำแดงพระองค์แก่ซีโมน” 35ศิษย์ทั้งสองคนจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามทางและเล่าว่าตนจำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• หลังจากวันฉลองสมโภชปัสกาแล้ว บทอ่านบทหนึ่งที่พ่อรอคอยจะได้อ่านทุกปี จะได้ไตร่ตรองทุกปี พ่อเฝ้ารอและทุกครั้งที่จะได้ให้อรรถาธิบายหรือเทศน์เรื่องราวของพระวรสารนักบุญลูกา คือเรื่องการเดินทางของศิษย์สองคนกลับไปหมู่บ้านเอมมาอูส... พ่ออยากบรรยายแบบเล่าบรรยากาศ เล่าเรื่องให้ฟังครับ
o หลังพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน... พ่ออยากให้เราจินตนาการหน่อยครับ เพราะว่า พระองค์มีศิษย์มากมายที่ติดตามพระองค์ คนจำนวนมาเดินตามพระองค์ตลอดเวลา และปรารถนาจะให้พระองค์เป็นกษัตริย์กอบกู้อิสราเอล เพราะกษัตริย์ตามพระสัญญาหรือพระแมสซียาห์นั้นจะต้องมาจากอับราฮัม มาจากดาวิด และพระองค์ก็เป็นเช่นนั้น
o พระเยซูเจ้าผู้เสด็จมาต้องเป็นผู้ที่มาตามคำทำนายของประกาศก สามารถทำให้คนมีความสุข มีความหวัง
o พระเยซูเจ้าต้องเป็นผู้ที่นำการปลดปล่อยอิสราเอลให้เป็นอิสระจากการเป็นทาสของชาวโรมันผู้กดขี่อิสราเอลอยู่
o ดังนั้น... เราจึงเห็นในพระวรสาร เมื่อเวลาที่เราเห็นพระองค์แห่เข้ากรุงเยรูซาเล็ม มีบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมากติดตาม... คนต่างต้อนรับ หวังในพระองค์ ต้อนรับพระองค์แบบกษัตริย์ พวกเขาโบกกิ่งมะกอก ใบลาน ร้อง “โฮซานนาแด่โอรสของดาวิด ขอถวายพระพรแด่ผู้เสด็จมาในพระนามพระเจ้า” จำประโยคนี้ได้นะครับ

• สรุปว่า บรรดาศิษย์ที่ติดตามพระเยซูเจ้าทุกคน “หวัง” ครับ เชื่อและหวังในพระเยซูเจ้าสรุปว่า บรรดาศิษย์ที่ติดตามพระเยซูเจ้าทุกคน “หวัง” ครับ เชื่อและหวังในพระเยซูเจ้าจริง ก่อนอื่นเราดูคำตอบของศิษย์ที่เดินทางไปเอมมาอูสเมื่อเขาระเบิดคำตอบออกมาบนถนนที่ทั้งสองเดินกลับ ไป เคลโอปัสตอบว่า
o “ก็เรื่องพระเยซู ชาวนาซาเร็ธประกาศกทรงอำนาจในกิจการและคำพูดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าประชาชนทั้งปวง บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้นำของเรามอบพระองค์ให้ต้องโทษประหารชีวิต และตรึงพระองค์บนไม้กางเขน เราเคยหวังไว้ว่าพระองค์จะทรงปลดปล่อยอิสราเอลให้เป็นอิสระ แต่นี่เป็นวันที่สามแล้วตั้งแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น”
o นี่คือกล่าวของเคลโอปัสเมื่อได้ยินพระเยซูที่เดินไปกับเขา แม้ยังจำไม่ได้ แต่พามอเขาว่า “เรื่องอะไร” เขาก็ระเบิดคำตอบออกมา
o แต่คำตอบที่ระเบิดออกมานี้ เป็น คำสารภาพความเชื่อหรือคำประกาศความเชื่อ เป็นความเชื่อของเราคริสตชนจริงๆ ที่ต้องเชื่อ และต้องหวังในพระคริสตเจ้า ดูอีกทีนะคับ
1. พระเยซู ชาวนาซาเร็ธประกาศกทรงอำนาจในกิจการและคำพูด
2. บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้นำของเรามอบพระองค์ให้ต้องโทษประหารชีวิต และตรึงพระองค์บนไม้กางเขน
3. เราเคยหวังไว้ว่าพระองค์จะทรงปลดปล่อยอิสราเอลให้เป็นอิสระ
o สิ่งที่เราเห็น คือ แก่ของความเชื่อและความหวังในพระเยซูเจ้าเลยครับ

• พ่อชี้ให้เห็นแล้วถึงความเชื่อและความหวังของเรา ศิษย์พระเยซูในพระศาสนจักรครับ

• พ่อขอกล่าวต่อไปถึงเรื่องการเดินทางไปเอมมาอูส...ด้วยประเด็นต่างๆครับ
o พ่อเห็นหนทางเดินกลับเอมมาอูสของศิษย์สองคน... เขาอยากเห็นพระองค์เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล.. แต่พระองค์กลับมาตายบนไม้กางเขนเช่นนั้น ผลเกิดมาก็คือ “ผิดหวังและกลับบ้าน กลับเอมมาอูส เดินกลับไปกันอย่างที่เรียกว่า “คอตก” และคุยกันไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระองค์ เป็นได้อย่างไรกัน พระองค์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำไมมาสิ้นพระชนม์แบบนี้ และที่สำคัญมาก... กล่าวกันว่า พระองค์กลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ไม่ได้อยู่ในพระคูหาแล้ว...
o แต่ก็ยังไม่ได้เห็นพระองค์ ได้ยินว่า พระองค์กลับคืนชีพ... “สตรีบางคนในกลุ่มของเราทำให้เราประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาไปที่พระคูหาตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อไม่พบพระศพ เขากลับมาเล่าว่าได้เห็นนิมิตของทูตสวรรค์ซึ่งพูดว่า พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ บางคนในกลุ่มของเราไปที่พระคูหา และพบทุกอย่างดังที่บรรดาสตรีเล่าให้ฟัง แต่ไม่เห็นพระองค์””
o สิ่งสำคัญคือ “พวกเขายังไม่ได้เห็นพระองค์”

• สองคนเดินไป สนทนากันไป... ผิดหวัง คุยกัน...เราพบกว่า พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามา “ร่วมเดินทางกับเขา” พ่อชอบมาก เขาไม่ได้เดินเดียวดาย ไม่ได้สิ้นหวังในพระองค์อย่างไม่มีทางออก แต่ “พระเยซูผู้ทรงกลับคืนพระชนม์เสด็จมาร่วมเดินทางกับเขา” งดงามมากๆ

• แต่เขาจำพระองค์ไม่ได้ เหมือนดวงตาถูกปิด มีความหมายครับ...มากๆด้วยสำหรับลูกกา
o หมายความว่า พระองค์ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระองค์เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เพราะทรงกลับคืนชีพแล้ว....
o หรือเพราะว่า พวกเขายึดติดกับความปรารถนาจะเห็นพระองค์ สงสัยในการสิ้นพระชนม์อย่างไม่น่าเชื่อของพระองค์ เขาสองคนสลวนอยู่กับความคิดของตนเท่านั้น จนลืมไปที่จะเชื่อพระคัมภีร์ที่เน้นว่าพระองค์จะต้องกลับคืนพระชนม์
o บางทีพวกเขายึดติดกับการสิ้นพระชนม์ขอพระองค์ จนลืมกรกลับคืนชีพของพระองค์

• “พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านเดินสนทนากันเรื่องอะไร” ทั้งสองคนก็หยุดเดิน ใบหน้าเศร้าหมองศิษย์ที่ชื่อเคลโอปัสถามว่า “ท่านเป็นเพียงคนเดียวที่แวะมาในกรุงเยรูซาเล็มหรือ ซึ่งไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นั่นเมื่อสองสามวันมานี้”” พ่อชอบตรงนี้มากๆ มีความหมายงดงามจริงๆ
o พระองค์เข้ามาเดินกับเขา “ร่วมเดินทาง” และสนทนากับเขา พ่อคิดว่า เป็นความอ่อนโยนมาก พระเยซูผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เสด็จเข้ามาร่วมเดินทางกับศิษย์ของพระองค์
o พ่อมั่นใจครับ มั่นใจและอยากให้พี่น้องมีความสุขกับความจริงที่ว่า “พระเยซูเดินเคียงข้างเราครับ พระองค์ผู้ทรงกลับคืนชีพจะทรงเดินกับเราเสมอไป และพร้อมจะสนทนากับเรา
o เรื่องการกลับคืนชีพ เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า ทุกคนที่เยรูซาเล็มต้องรู้ทุกคน นั่นเป็นการบอกกับเราว่า “ความตายบนไม้กางเขน เรื่องราวที่ทุกคนต้องรู้จริงๆ” พ่อถามพี่น้องตรงๆก่อนเลยว่า เรารู้ เข้าใจ จริงๆไหมครับ

• พระเยซูเจ้าเน้นเชิงตำหนิเขาทั้งสอง... ““เจ้าคนเขลาเอ๋ย ใจของเจ้าช่างเชื่องช้าที่จะเชื่อข้อความที่บรรดาประกาศกกล่าวไว้ พระคริสตเจ้าจำเป็นต้องทนทรมานเช่นนี้เพื่อจะเข้าไปรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์มิใช่หรือ” แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ทุกข้อที่กล่าวถึงพระองค์ให้เขาฟังโดยเริ่มตั้งแต่โมเสสจนถึงบรรดาประกาศก”
o การไม่เข้าใจ ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับพระคริสตเจ้าแท้ๆนั้น คือความเขลา สำหรับคำสอนของพระเยซู... ใช่แล้วครับ..และจริงๆที่พวกศิษย์ได้ติดตามพระองค์ แต่พวกเขาไม่เคยรู้ความจริงเกี่ยวกับพระองค์นั้นเลย
o ภาพที่สุดยอด และยอดที่สุด เพื่อให้ใจของเขาเปิด.... คือ ฟังพระเยซูเจ้าอธิบายพระคัมภีร์ให้พวกเขาฟังตั้งแต่โมเสส จนถึงบรรดาประกาศก... เรื่องนี้พ่อยอมรับว่า สุดยอดจริงๆ เพราะการเดินทางกลับไปเอมมาอูสอย่างสิ้นหวังนี้..พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาอธิบายพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระองค์ให้สองคนนั้นฟัง.. เรียกว่า อธิบายพระคัมภีร์อย่างยอดเยี่ยม และจิตใจของเขาสองคนก็ได้รับการตอบรับจากหัวใจของศิษย์ของบรรดาศิษย์ เขาสองคนรู้สึกแบบนี้เลย... “ศิษย์ทั้งสองคนจึงพูดกันว่า “ใจของเราไม่ได้เร่าร้อนเป็นไฟอยู่ภายในหรือเมื่อพระองค์ตรัสกับเราขณะเดินทาง และทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟัง”
o พ่อมาถึงบางอ้อจริงๆ ใช่ครับ...ใจเราจะเล่าร้อนไปเป็นไฟอยู่ภายในได้จริงๆในการเป็นคริสตชน คือ การได้ฟังการอธิบายพระคัมภีร์ พ่อชอบตอนนี้ พ่อทำได้ไม่มากหรอก แต่การอ่านพระคัมภีร์ การฟังเทศน์ดีๆจริงๆ
o เชื่อพ่อสิครับ... เราจะสามารถเป็นคริสตชนที่ร้อนรนได้จริง เราอาจเป็นคริสตชนมานาน แต่เราอาจจะรู้จักและได้ฟังการอธิบายพระคัมภีร์จริงๆ ลึกๆ น้อยเกินไป... นั่นคือสิ่งที่พ่อพยายามจากมุมเล็กที่พ่อสามารถทำได้ในการเขียนบทเทศน์แบบนี้ นิดหนึ่งก็ขอทำเผื่อผู้อ่านจะร้อนลุกเป็นไฟในความรักต่อพระเยซูเจ้า...
o พวกเขาคงฟังเพลินและร้อนรนมาก จน เวลาผ่านไป และพระองค์ก็จะเสด็จผ่านไปเมื่อถึงเอมมาอูส จนสองคนร้องขอว่า “แต่เขาทั้งสองคนรบเร้าพระองค์ว่า “จงพักอยู่กับพวกเราเถิด เพราะใกล้ค่ำและวันก็ล่วงไปมากแล้ว” ภาษาร้องขอนี่น่ารักจริงๆ น่าอบอุ่นจริงๆ ได้เดินไป ฟังพระองค์อธิบายพระคัมภีร์ จนอดไม่ได้ที่จะเชิญพระองค์เข้ามาพักกับพวกตน... พ่ออยากให้เป็นเช่น พี่น้องอ่านพระคัมภีร์ ฟังพระวาจาบ่อยๆ พี่น้องจะรู้ว่า เราจะอดไม่ได้ที่จะเชิญพระองค์เข้ามาในบ้านของเรา เข้ามา “พักกับเรา”

• “พวกเขาจำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง” พ่อยอมรับว่าตอนนี้สุดยอด.. พระองค์เทศนาสอนเขาเรื่องพระคัมภีร์ เหมือนไฟเผาอยู่ภายในจิตใจตลอดการเดินทาง...ไปเอมมาอูส ใช่ไฟแห่งความเชื่อเผาเขาอยู่ภายใน แต่เขาจำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง... มีความหมายมากเหลือเกิน
o บูชาขอบพระคุณ การบิขนมปัง ทำให้พวกเขาจำพระองค์ได้จริงๆ พ่อเชื่อว่าหมายถึงมิสซานั้น ทำให้เราจำพระองค์ได้... แต่ มากไปกว่านั้น
o พ่อเชื่อว่า “การบิและการแบ่ง ดังเช่นพระองค์เท่านั้น” จะทำให้ทุกคนจำพระองค์ได้แน่นอน
o พ่อเชื่อว่า ทันทีที่พระองค์หายไปจากสายตาพวกเขา เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องเห็นพระองค์อีกแล้ว เพราะจากนี้ไป...ทุกคนจะเห็นพระองค์ได้ทุกครั้งที่มีการบิขนมปัง...
o พี่น้องที่รักครับ...คงไม่ใช่เพียงมิสซา
o แต่ทว่าเป็นการบิ และการแบ่งปันชีวิตของเราแต่ละคน เพราะพระองค์เดินอยู่กับเรา เดินกับเราเสมอไป

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก