“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 20 เมษายน 2016

สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา 

กจ 12:24-13:5ก.........
24พระวาจาของพระเจ้าแผ่ขยายมากขึ้น และผู้มีความเชื่อก็เพิ่มจำนวนขึ้นด้วย
25บารนาบัสและเซาโลปฏิบัติภารกิจที่กรุงเยรูซาเล็มแล้ว จึงกลับมาที่เมืองอันทิโอกโดยพายอห์น ที่รู้จักในนามว่า มาระโก มาด้วย
1ในพระศาสนจักรที่เมืองอันทิโอก มีประกาศกและอาจารย์ คือบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกกันว่าคนดำ ลูสิอัสชาวไซรีน มานาเอนซึ่งได้รับการศึกษาอบรมมาด้วยกันกับกษัตริย์เฮโรดอันทิปาส และคนสุดท้ายคือเซาโล

2ขณะที่เขาร่วมพิธีนมัสการ องค์พระผู้เป็นเจ้าและจำศีล อดอาหาร พระจิตเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงแยกบารนาบัสและเซาโลไว้ปฏิบัติภารกิจที่เราเรียกเขาให้มาปฏิบัติเถิด” 3เมื่อเขาจำศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนาแล้ว จึงปกมือ เหนือบารนาบัสและเซาโล แล้วส่งเขาทั้งสองคนออกไป4เมื่อบารนาบัสและเซาโลได้รับมอบภารกิจจากพระจิตเจ้าแล้ว จึงเดินทางไปยังเมือง เซลูเคียและจากที่นั่นก็แล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส 5ครั้นถึงเมืองซาลามิส ทั้งสองคนประกาศ พระวาจาของพระเจ้าในศาลาธรรมของชาวยิว

อรรถาธิบายเปรียบเทียบ

• “พระศาสนจักรเป็นธรรมทูตโดยธรรมชาติ” คือ พระศาสนจักรต้องมีชีวิตเพื่อการประกาศข่าวดี ทุกคนจะถือว่าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ต่อเมื่อ “เราแต่ละคนสามารถก้าวออกไปประกาศข่าวดี”

• ประสบการณ์ของพ่อครั้งแรกที่ออกจากบ้าน.... ตอนเป็นเด็กครั้งแรกที่ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นจริงๆ
o ครั้งแรกที่ต้อง “ออกจากบ้าน” ไปเข้าบ้านเณร แม้ว่าตอนนั้นใจอยากไปที่สุด ก็เพราะรู้สึกว่าอยากเป็นพระสงฆ์ อยากเข้าบ้านเณร ใจรักและต้องการไป อีกทั้งรอคอยและนับวันที่จะไป...เตรียมทุกอย่างที่บ้านเณรสมัยนั้น เรียกร้อง เสื่อ หมอน เสื้อผ้า ชุดนักเรียน 4 ชุด ชุดบ้านเณร 1 ชุด
o พ่อได้ทำทุกอย่างตามคู่มือ อยากไปบ้านเณรจังเลย.. (ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าบ้านเณรเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหนแน่ๆ เพราะไม่เคยไป แต่เห็นพี่ๆ ที่เป็นเณร บราเดอร์ เขาดูดีมาก น่าศรัทธา และน่าไปจังเลย อยากเป็นเหมือนพวกเขา....
o แต่....แต่...แต่...พอถึงวันที่ต้องจริงๆ.... ไมง่ายอย่างที่คิด... ติดหนึบ... แอบนอนร้องไห้ก่อนไป...ไปไหว้ลายาย ผู้ซึ่งเรานอนกับยาย นอนเป็นเพื่อนยายมาตลอดเป็นปี โห...ยายร้องไห้.... ไปลาป้าพี่สาวแม่... ลาแม่และจา (เชื้อสายญวณ เรียกบิดาว่า “จา”) โอแม่เจ้า “น้ำตาตกใน” ก็ไหนว่าอยากไปใจจะขาด.... พอจะไปจริงๆ ก็ไม่ง่าย “อนาคตจะเป็นเช่นไรหนอ”....
o ผลที่ตามมาคือ...จะอยู่ได้ไหม จะต้องไปไกลแค่ไหน ที่นั่นจะเจอใครไม่สำคัญในความคิดเท่ากับว่าตอนนี้จะต้องจากใครบ้างเนี่ย...เยอะเหลือเกิน...
o ที่สำคัญ “ไม่มีใครไปส่งเราเลย ต้องลงเรือไปกับบราเดอร์รุ่นพี่เวลานั้น คุณพ่อสุพจน์ หรือพ่อป้อม พ่อจำภาพตอนที่เรือมันวิ่งจากบ้าน...ยิ่งทีเรือก็ยิ่งแล่นไกลออกไป ไกลออกไป ดวงตาจับที่บ้านยาย...จนเรือมันค่อยวิ่งเข้าโค้งจนภาพของบ้านยายที่โดดเด่นค่อยๆ หายลับตาไป... ไม่เห็นอีกแล้ว จากนี้ไปกว่าจะได้กลับมาก็ต้องรอ เจ็ดเดือน....ไม่เคยจากบ้านนานเกินสัปดาห์เลยในชีวิต............

• ครับพ่อเล่าเรื่องส่วนตัวสมัยเด็กๆ ให้ฟัง เท่าทีความทรงจำดีๆจะจำความได้ ไว้มีโอกาสจะเล่าต่อครับ...
o สิ่งที่พ่อต้องการจะสื่อ คือ โตแล้ว ถึงเวลาแล้วก็ต้องไป จะทำตัวเป็นเด็กไม่ได้”
o ต้องกล้าและก้าวออกไปสู่อนาคตของตัวเองที่พระเจ้าทรงเรียกและทรงต้องการ....

• คำสอนของวันนี้คือ...... “พระศาสนจักร คือเราทุกคน และพระศาสนจักรโดยรวม ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ครับ” คือ ต้องออกไป ไปเพื่อประกาศข่าวดี จะอยู่กันเหนียวแน่นติดหนึบแต่ภายใน เป็นกลุ่ม เป็นชุมชน ตลอดไปไม่ได้.... ความเหนียวแน่นเป็นหนึ่งเดียวก็ดีแน่ แต่จะบรรลุวุฒิภาวะจริงๆ ต้องมีการออกไป ออกไป ออกไปสู่ภายนอก (Ad Gentes) ไปยังคนต่างความเชื่อ ต่างชาติ ต่างศาสนา เพื่อประกาศความดี ข่าวดีของพระเยซูเจ้า ประกาศให้พวกเขาได้ยินความรักของพระเยซูเจ้า จะเก็บความรู้สึกดีๆ กันแต่ภายในไม่ได้ ถ้าไม่ออกไปก็ไม่โต ไม่เป็นผู้ใหญ่ หรือไม่เป็นพระศาสนจักรที่มีวุฒิภาวะนะครับ ต้อง “ออกไป” ไปประกาศข่าวดี และนี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า “กระแสเรียก เพื่อประประกาศข่าวดี ไปเป็นธรรมทูต” เพราะพระศาสนจักร ต้องเป็น “ธรรมทูตโดยธรรมชาติ” ของพระศาสนจักรเอง คือ ต้องไปประกาศและแบ่งปันข่าวดีเสมอครับ
คำว่า “อัครสาว” (Apostle) มาจากรากภาษากรีก คือ “Apostello อ่านว่า อาโปสแตลโล คือ Apo+Stello: Apo แปลว่า “ข้างหน้า” และ Stello: แปลว่า “ส่งไปข้างหน้าหรือส่งออกไป” ดังนั้น คำว่า อัครสาวกที่เราใช้อันที่จริงคือคำโบราณที่เราเคยใช้ว่า “อาโปสโตโล” คือ ธรรมทูต หรืออัครสาวก คือ ผู้ที่พระเจ้าส่งไป ถูกส่งไปข้างหน้าเพื่อประกาศข่าวดี
พระศาสนจักรที่เยรูซาเล็มโตแล้วครับ แข็งแรงแล้ว ต้องไปครับ ไปประกาศข่าวดี มีวุฒิภาวะจริงๆ เพื่อการประกาศข่าวดี วันนี้อ่านกิจการอัครสาวกและจะเข้าใจดีครับ ขอให้อ่านนะครับ จะเห็นว่า พระศาสนจักรมีชีวิตชีวาที่เยรูซาเล็มและที่อันทิโอค เยี่ยมแต่ต้องไม่หยุดเพียงที่นั่น ต้องมีบ้างคน ถูกเลือก ถูกเรียก และปกมือ และส่งไปประกาศข่าวดี ไปเป็นธรรมทูตครับ.....อ่านนะครับ และงานของเปาโลและบารนาบัสจึงต้องเริ่มขึ้น ต้องจากหมู่คณะจากพี่น้องและไปประกาศข่าวดีในสถานที่ไม่เคยไป... โตแล้วนะครับ เป็นคริสตชนต้องโตในความเชื่อ ความรู้ ความรัก ความเข้าใจ และต้องไปประกาศข่าวดีเสมอ.....ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านให้โตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ ในความรัก และในความหวังในพระเจ้านะครับ และออกไป ประกาศข่าวดีเสมอครับ ขอพระเจ้าพระอวยพรครับ

“คำสอนของเปาโล” วันนี้พ่ออยากนำเสนอต่อไปซึ่งคำสอนของเปาโล ที่เป็นแนวทางชีวิตที่มาจากความเชื่อ ต่อจากเมื่อวานนี้ พ่อจะยกมาจากจดหมายถึงชาวโรม วันนี้จะเสนอบทที่ 13 ของจดหมายของเปาโลถึงชาวโรม ซึ่งเป็นชีวิตจริงๆของคริสตชนว่า เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร ถ้าเรามีความเชื่อ ลองมาดูด้วยกันนะครับ....

• ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ

• ผู้กระทำความดีไม่ต้องเกรงกลัวผู้มีอำนาจปกครอง แต่ผู้กระทำความชั่วต้องเกรงกลัว ท่านไม่ประสงค์จะกลัวผู้มีอำนาจปกครองหรือ

• จงทำดีเถิด และท่านจะได้รับคำชมจากผู้มีอำนาจปกครอง เพราะผู้มีอำนาจปกครองเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเพื่อความดีของท่าน ถ้าท่านทำผิด จงเกรงกลัวเถิด เพราะผู้มีอำนาจปกครอง จะไม่เพียงถือดาบไว้เท่านั้น แต่มีดาบไว้เพื่อลงโทษผู้กระทำชั่วเพราะเขาคือผู้รับใช้พระเจ้า

• ดังนั้น ท่านจำเป็นต้องนอบน้อมไม่เพียงเพราะกลัวการลงโทษ แต่นอบน้อมเพราะมโนธรรมด้วย
o ดังนั้น ท่านจงเสียภาษี เพราะผู้ทำหน้าที่นี้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
o จงให้ทุกคนตามสิทธิของเขา
o จงเสียภาษีแก่ผู้มีสิทธิรับภาษี
o จงเสียค่าธรรมเนียมแก่ผู้มีสิทธิเก็บค่าธรรมเนียม
o จงเกรงกลัวผู้ที่ควรเกรงกลัว
o จงให้เกียรติแก่ผู้สมควรจะได้รับเกียรติ

• อย่าเป็นหนี้ผู้ใดนอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน
o ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว พระบัญญัติกล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าลักขโมย อย่าโลภ และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความนี้ว่า จงรักเพื่อนมนุษย์ เหมือนรักตนเอง
o ความรักไม่ทำความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน

• ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า เวลา ที่จะประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มาถึงแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นจากความหลับ ขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อเราเริ่มมีความเชื่อ กลางคืนล่วงไปมากแล้ว กลางวันก็ใกล้จะมาถึง

• ดังนั้น เราจงละทิ้งกิจการของความมืดมนเสีย แล้วสวมเกราะของความสว่าง

• เราจงดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติเหมือนกับเวลากลางวัน
o มิใช่กินเลี้ยงเสพสุราเมามาย
o มิใช่ปล่อยตัวเสพกามอย่างผิดศีลธรรม
o มิใช่วิวาทริษยา
o แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์ อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง

• อ่านคำสอนของท่านนักบุญเปาโลที่พ่อคัดมาให้ ทำให้เห็นได้ใช่ไหมครับว่า ทำไมการเทศนาของเปาโลจึงกระจายไปอย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดผลดีมากมายในการประกาศข่าวดี
• กิจการอัครสาวกคือกิจการของการประกาศข่าวดีจริงๆนะครับ... ขอ
• พระเจ้าอวยพรครับ พ่อคิดว่าสำคัญมาก สำหรับเราคือ เคารพมโนธรรมของพี่น้องของเรา รักและให้เกียรติกับทุกคนเลยนะครับ... พระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก