“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2015
สัปดาห์ที่สิบสาม เทศกาลธรรมดา
มธ 8:18-22…

18พระเยซูเจ้าทรงเห็นประชาชนห้อมล้อมพระองค์ จึงทรงสั่งบรรดาศิษย์ให้ข้ามทะเลสาบไปอีกฝั่งหนึ่ง 19ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าอยากติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ” 20พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ”
21ศิษย์อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าเสียก่อน” 22แต่พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา และปล่อยให้คนตายฝังคนตายของตนเถิด”


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าอยากติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ”


• การติดตามพระคริสตเจ้า คือ กระแสเรียกให้ติดตาม ให้ออกเดินทางติดตามพระองค์ไป... พ่อกำลังคิดถึงเรื่องที่พี่น้องคริสตชนคาทอลิกรักเสมอมา และพ่อเชื่อว่าพวกท่านรักเสมอไป.. นั่นคือ “กระแสเรียก” พี่น้องที่รัก ธรรมาจารย์อยากติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะไป และพระองค์ตรัส “บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ” พ่อคิดว่า เรื่องกระแสเรียกก็ควรเป็นเช่นนี้.. พ่อมีประสบการณ์ของพ่อเองที่พ่อจำได้ดี..

• สมัยพ่อเป็นเด็ก พ่อเรียนจบชั้น ป. 6 พ่อมีความรู้สึกว่าพ่ออยากไปเป็นพระสงฆ์จังเลย พ่อไม่รู้หรอกว่าเพื่อไปเป็นพระสงฆ์นะเป็นอย่างไร... พ่อที่ส่งพ่อเข้าบ้านเณรเขาคิดจะส่งพี่ชายพ่อไปเป็นเณรกับเพื่อนหรือญาติอีก คนเพราะเขาจบ ป.7 พ่อจำได้ว่าพ่อก็เจอหลักสูตรใหม่ จบ ป.6 ก็ต้องขึ้นมัธยมหนึ่งเหมือนกัน พ่อก็เลยไปขอพ่ออดุลย์พ่อเจ้าอาวาสของพ่อว่าพ่อขอไปด้วย พ่ออยากไปบ้านเณร พ่อก็ไม่รู้ว่าทำไม เพียงแต่ว่าชีวิตที่ผ่านมาพ่อก็ชอบทำตัวเลียนแบบพระสงฆ์ ชอบทำมิสซาจำลองที่บ้าน เอาผ้าขาวม้าของจามาทำเป็นเหมือนเสื้อกาซูลา และทำพระแท่น และก็เล่นทำมิสซาที่บ้าน เอาบ๊วยแผ่นกลมๆห่อแดงมาทำเป็นศีล.. รู้แต่ว่านานๆจะได้มาสักทีเพราะเป็นของหายาก และก็มีแต่ที่ตลาดบ้านแพน นานๆจะได้ไปสักครั้ง และนานกว่านั้น คือนานๆจะได้สตางค์จากแม่เพื่อซื้อของแบบนี้ แม้เป็นของถูกแต่เราก็จนกว่าขีดจำกัดของความถูกสำหรับของแบบนี้... ก็ดี เมื่อได้มายาก ก็ต้องรักษา เก็บ และประหยัดหลังจากเล่นเสกศีลแล้ว ก็ต้องเก็บดีๆหน่อย รักษาหน่อย... ก็แบบนี้ เด็กอย่างไร ก็เพียงอยากเล่นเป็นพระสงฆ์ อยากทำมิสซา.. ก็เท่านี้จริงๆ พ่อก็พ่อจะเห็นความน่าเชื่อของชีวิตพ่อ ในเรื่อง “กระแสเรียก” ได้..เช่น
o พ่อผู้ส่งพ่อเข้าบ้านเณร พ่ออดุลย์ผู้น่ารักเพิ่งเล่าให้พ่อฟังเมื่อช่วงเวลาที่จาป่วยหนัก สามอาทิตย์ที่แล้วนี้เอง พ่อไปรับประทานอาหารที่บ้านพ่อที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ และเราก็คุยกัน พ่อท่านคุยกับพ่อและบอกพ่อตามประสาพ่ออดุลย์ว่า “ความจริง อั๊วไม่ได้คิดจะส่งลื้อไปเป็นเณรหรอก คิดจะส่งพี่ชายลื้อ แต่ลื้อก็มาทำตาดำๆขอไปด้วย อั๊วก็ไม่ได้หวังอะไรลื้อหรอก คิดจะส่งแต่พี่ชายลื้อเพราะมันเรียบร้อยกว่าลื้อ ลื้อน่ะดื้อ และไม่ค่อยเรียบร้อยด้วย”... พ่อก็ฟัง ยิ้ม และก็อดขำตัวเองไม่ได้ พ่อนี่ “ม้านอกสายตา” จริงๆ
o พ่อจำได้ว่า เมื่อเราสองพี่น้องเข้าบ้านเณร และดำเนินชีวิตที่มาจากบ้านยากจน เราต้องมีเงินฝากบ้านเณรเพื่อใช้กันไป.. พ่อจำได้ว่า พ่อกับพี่เราประหยัดมากๆ เราติดลบบ้านเณรบางครั้ง แต่จาจะไม่ยอมให้เราติดลบง่ายๆ แม้เราจน แต่เราก็พยายามไม่ติดลบเป็นหนี้บ้านเณรเด็ดขาด... บ้านเณรก็ชีวิตเรียบง่าย พ่อก็รัก รักจริงๆ ที่จะอยู่บ้านเณร ไม่รู้ว่าทำไม.. ชอบครับ... รักครับ ลำบากเหมือนกัน แต่รักไม่อยากไปไหน.. พ่อรู้แต่ว่า ตลอดเวลาสิบกว่าปี พ่อก็มีปัญหาไม่น้อย อุปสรรคก็มากอยู่ เรื่องเรียนก็เป็นอุปสรรคเหมือนกัน แต่พ่อตลอดเวลา.. พ่อจำความได้ว่า พ่อไม่เคยมีสักวันที่อยากออก ไม่เคยคิดออกจริงๆครับ... รุ่นพ่อ ม.1 ที่เข้ามาด้วยกันในปีนั้น เรามี 11 คน พ่อเป็นเด็กบ้านนอกสุดประมาณว่า.. และก็เรียนอ่อนด้อยสุดในชั้นนั่นคือความจริงๆที่ไม่ลืมเลย แต่ แต่ แต่ที่สุดพ่อก็เหลือคนเดียวในรุ่นนั้นที่เหลืออยู่จนวันบวชเป็นพระสงฆ์.. นี่คือเป็น “ม้ามืดของรุ่นเช่นกัน” เพื่อนๆเรียนเก่งกันมาก พวกเขาฉลาดจนพ่อดูโง่ไปเลยจริงๆ แต่พ่อก็อยู่รอดมาเรื่อยวันที่บวชเป็นพระสงฆ์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน...
o อีกอย่าง ตอนพ่ออยู่ปีห้า พี่ชายพ่อก็ตัดสินใจเปลี่ยนกระแสเรียก เราอยู่บ้านเณรกันมาสิบปีเศษ เราพี่น้องติดกัน รักกัน และวันหนึ่งเขาก็ตัดสินใจที่จะไปเป็นฆราวาส พ่อก็ดีใจนะถ้าเขาได้เลือกกระแสเรียกของเขา.. พ่อจำได้ว่า ที่สุดเขาก็ลาออกไปเมื่อการเป็นพระสงฆ์อยู่ข้างหน้าอีกเพียงสามปี.. พ่อมีน้าเป็นพระสงฆ์ พ่อบุญเลิศ ธาราฉัตร ท่านทราบว่าหลานสองคนออกไปจากบ้านเณรหนึ่งคนแล้ว เขาไปที่บ้านพ่อที่เจ้าเจ็ดและไปคุยกับพี่สาวพ่อ พี่พ่อเล่าให้พ่อฟัง พ่อน้าเรากล่าวว่า “น้องชายลื้อออกไปคนแล้วรู้หรือยัง... (คำถาม)” พี่สาวพ่อตอบแบบเจียมตัวและเกรงใจกลัวนิดๆ “ทราบแล้วค่ะ” แล้วพ่อบุญเลิศท่านก็ถอนหายใจแรงหน่อย (พี่เล่าให้ฟัง) และปรารภว่า “ทำไมต้องเป็นไอ้ยศวะ” (พี่ชายพ่อชื่อสมยศ เขาเรียกกันว่า “ยศ”) นั่น... ไม่ต้องอธิบายเลยว่า คำปรารภนั้นมีนัยอย่างไร 555 คือ “ทำไมไม่เป็นไอ้เกียรติวะ” อะไรทำนองนี้...

o นี่คือประสบการณ์ขำๆในกระแสเรียกของพ่อครับ พ่อเล่าให้ฟังเพื่อสนองตอบพระวาจาวันนี้ที่กล่าวถึง “การติดตามพระเยซู” กล่าวถึง “กระแสเรียก”

• พี่น้องที่รัก พ่อดีใจที่พี่น้องรักกระแสเรียก รักการเตรียมตัวเป็นพระสงฆ์ รักสามเณร และพ่อก็ผ่านชีวิตการเดินทางกระแสเรียกนี้มาเช่นกัน.. พ่อไม่ทราบจริงๆ ว่าทำไมต้องเป็นพ่อ ทำไมต้องเป็นพ่อที่เหลือมาจากเพื่อนทั้ง 11 คน ที่เราเข้ามาร่วมกันตั้งแต่พวกเราอายุสิบสามขวบ พ่อไม่เคยเข้าใจหรอกว่า “ทำไม” ต้องเป็นพ่อ ต้องเป็นพ่อที่เดินไปหาพ่อเจ้าวัดและขอไปเป็นเณร ทั้งๆที่ท่านบอกว่าไม่ได้คิดจะส่งพ่อไปเพราะพ่อไม่เรียบร้อยเท่าพี่ชาย (จริงครับ พี่ชายพ่อเรียบร้อยกว่า พ่อเป็นเด็กไวไปทุกเรื่อง โผล่ตรงนั้น โผลตรงนี้ จนได้ชื่อเล่นว่า “แว็บ” แต่ชื่อนี้ไม่มีใครเรียกนะครับ) แต่งตัวก็ไม่เรียบร้อย ดูไม่เข้าท่าเอาเสียจริงๆ.. ก็ไม่เข้าใจพระเจ้าที่ทรงเรียกและเลือก... พ่อก็เข้าใจคำปรารภของพ่อน้าพ่อประหนึ่งว่าทำไมคนที่ออกจากบ้านเณรเป็นพี่ ชายพ่อทำไมไม่เป็นพ่อ... พ่อไม่เข้าใจแต่เมื่อดูชีวิตที่ผ่านมา มีหลายอย่างน่าคิดครับ

o ถ้าพี่ชายพ่อไม่ออกมา พ่อคงไม่มีหลานสาวน่ารักสองคนเมย์มินท์ และไม่มีพี่สะใภ้น่ารักเช่นกัน... จริงไหม 

o ถ้าพ่อเองออกจากบ้านเณร พระศาสนจักรก็ไม่มี “พ่อสมเกียรติ” ที่พี่ๆหลานๆ เรียกกันทั่วหน้าอย่างน่ารัก “พ่อเกียรติ” เป็นคำเรียกที่พ่อรักมาก ได้ยินก็รู้ว่าคนที่รักเราเขาเรียกเรา “พ่อเกียรติ” จาพ่อก็เรียกแบบนี้...

o พระเจ้าเรียก และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทุกคน...สำคัญมาก... “เพื่อพระองค์และเพื่อเพื่อนพี่น้องครับ

• พี่น้องครับ พ่อดีใจที่พี่น้องรักกระแสเรียก พ่อก็รักครับ พ่อทำงานอบรมต่อเนื่องพระสงฆ์มาตลอด พ่อสอนเณรมาตลอด รักครับ รักมาก รักกระแสเรียก รักพระสงฆ์พี่น้อง รักสามเณรดุจลูกของพ่อเอง.. พ่อไม่ได้แต่งงาน ไม่มีภรรยา แต่พ่อดีใจและมีความสุขมากที่พ่อได้ถูกเรียกว่า “พ่อ” และได้มี “ลูกๆของพระเจ้าที่พ่อเรียกว่า “ลูก” มากมาย และพ่อเรียกพวกเขาว่าพี่ น้อง และลุงป้า...มามายทั่วประเทศ”... 


• กระแสเรียกเป็นธรรมล้ำลึกแห่งความรักครับ... เราต่างตามพระเยซูในรูปแบบต่างกัน เพื่อพระองค์และเพื่อกันและกัน แต่..กระแสเรียกเป็นพระสงฆ์ ก็ต้องการเสมอในพระศาสนจักร จะมีกระแสเรียกได้เราต้องช่วยกันเรียกครับ.. เรียกเด็กๆ เรียกลูกหลาน เยาวชน หรือคนทำงานแล้ว ชายหนุ่มให้ติดตามพระคริสตเจ้าครับ... ช่วงงานศพจาพ่อ พ่อไปมิสซาที่เจ้าเจ็ดทุกวัน คุณพ่อเจ้าอาวาสจัดให้มีเด็กช่วยมิสซาน่ารักหลายคน น่ารักจริงๆ คุณพ่อเขาฝึกดีจริงๆ พวกเขายิ้มให้พ่อตลอดเวลามิสซา ก่อนมิสซา ที่สุด วันหนึ่งพ่อก็บอกกับเด็กช่วยมิสซาผู้ชายว่า “ลูก ไปบ้านเณร ไปเป็นพระสงฆ์ลูก” พ่อเห็นดวงตาของเด็ก (บางคนชัดมาก) ว่าเขาสนใจมาก เขามีความปรารถนา และตั้งแต่พ่อเรียก มิสซาทุกวัน พ่อดูว่าเขายิ้มและมองพ่อด้วยสายตาที่เห็นแววว่าเขาอยากเป็นพระสงฆ์แล้ว.. พ่อก็จะเรียกต่อไป พ่อก็จะภาวนาต่อไป และพ่อเจ้าวัดก็แสนดีเอาใจใส่พวกเขา และพ่อรู้ว่าพ่อเจ้าวัดก็จะเรียกและส่งพวกเขาไปถ้าพวกเขาเหมาะสมและต้องการ จะก้าวไป...


• วันนี้ พ่อไม่ได้ตีความพระคัมภีร์อะไรเป็นพิเศษ เพราะ “กระแสเรียก” คือ “ความปรารถนา” และ”การเรียกของพระเจ้า” แต่ต้องตอบสนองด้วยการออกเดินทาง พระองค์ตรัสให้วางใจในพระองค์แม่พระองค์จะไม่มีที่จะวางศีรษะ และพระองค์ตรัสเป็นภาษาที่มัทธิวบันทึกแบบแรงมาก เน้นมาก Hyperbole “ปล่อยให้คนตายฝังคนตายเองเถิด” นั่นเป็นภาษาที่หมายความว่า ไม่ต้องห่วง ตามไป ตามไป พระองค์จะจัดการ.. พี่น้องดูงานศพจาพ่อสิครับ.. “พี่น้องพระสงฆ์ของพ่อมาร่วมกันถวายมิซาและฝังศพกันมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ มากกว่าร้อยองค์..” ดังนั้น คำว่า “ปล่อยให้คนตายฝังคนตายเองเถิด” ไม่ได้แปลว่า ไม่ต้องฝังบิดา.. แต่หมายความว่า “วางใจ ตามพระองค์ไป ไม่ต้องห่วง เชื่อในพระองค์”

• พี่น้องที่รัก วันนี้ พ่อขอวางประสบการณ์กระแสเรียกของพ่อ ชีวิตที่ต่ำต้อยแม้นอกสายตา แต่พระเจ้าก็อยากใช้พ่อแบบนี้ที่พ่อเล่าให้ฟัง.. ทุกกระแสเรียกมีค่าครับ แต่พระศาสนจักรก็ต้องการกระแสเรียกเพื่อเป็นพระสงฆ์เพื่อรับใช้ เพื่อเป็นศาสนบริกร.. พ่อจึงขอสรุป พร้อมกับคำเชิญชวนพี่น้องคริสตชนผู้น่ารักและรักกระแสเรียกมากๆ... พ่อขอ

o ให้พวกเรา “รักกระแสเรียก” ครับ 

o ให้พวกเรา “ส่งเสริมกระแสเรียก” 

o ให้พวกเรา “ช่วยกันเรียกเด็กๆให้สนใจกระแสเรียก” 

o ให้พวกเรา “ภาวนาเพื่อพระกระแสเรียก” เพราะอันที่จริงเป็นเสียงเรียกของพระเจ้า เรียกเพื่อรับใช้พระศาสนจักรครับ 

o ให้พวกเรา “ส่งเสริมกระแสเรียก ส่งเสริมลูกหลานครับ อย่าหวง อย่าห่วง ให้กับพระ พระจะดูแลครับ และพระองค์จะดูและเรา

o ให้พวกเรา “รักและดูแลกระแสเรียก พร้อมจะร่วมแก้ไขความบกพร่องของพ่อและขอบรรดาศานาบริกรทั้งหลายด้วยความรัก และเห็นใจ แต่จริงใจที่จะช่วยเหลือ”

• ขอบคุณครับ ที่รักกระแสเรียก ขอบคุณที่รักสามเณร รักพระสงฆ์ พ่อขอให้บรรดาสามเณร พระสงฆ์ รัก ให้เกียรติ และรับใช้สัตบุรุษ และเป็น “พ่อที่ดี” เสมอครับ... ขอพระเจ้าอวยพรลูกๆและพ่อๆด้วยเช่นกันครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก