“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2015
สัปดาห์ที่สาม เทศกาลมหาพรต

ลก 18:9-14…
9พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรม และดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า 10‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี 11ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้

12ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” 13ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” 14เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• ตั้งแต่พ่อเป็นเด็กเล็กๆ พ่อจำได้ว่าที่วัดเจ้าเจ็ด วัดบ้านนอกห่างไกลความเจริญจากกรุงเทพฯ โดดเดี่ยวในท้องนาและริมคลอง วัดที่เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน ศูนย์รวมจิตใจและความเชื่อ วัดคือเป้าหมายสำคัญที่สุดในหมู่บ้านจริงๆ แม้พ่อเองไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านคาทอลิก แต่อยู่ไกลออกไปสักสองกิโลเมตร การเดินทางไปวัดก็มีแต่ทางเรือ เรือเครื่องยนต์ หรือสำหรับพ่อตอนเด็กๆก็เรือพาย พาย พายไปวัด เป้าหมายสำคัญทุกวันคือไปเรียนคำสอน ไปมิสซา หรือไปหาพ่อเจ้าวัด...

• พ่อจำได้ว่าเวลามิสซาหรือพิธีกรรม สมัยนั้นยังชัดในการแยกแยะในวัด ที่นั่งฝั่งชายและฝั่งหญิง ชายฝั้งซ้ายมือ หญิงฝั่งขวามือ ทุกคนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติ เด็กๆแถวหน้า และก็ไล่อายุถอยมา ยิ่งอายุมากก็ห่างจากพระแท่นมาก มากขึ้น มากขึ้น... จนถึงรุ่นยายรุ่นป้า ท้ายสุดเลย หลังชุดม้านั่งตลอดจากหน้ามาถึงหลัง จากพระแท่นไล่มาถึงหน้าประตูวัด สุดม้านั่งก็ยังมีกลุ่มอาวุโส ยายพ่อเป็นหลักเลย ย่าๆยาย พวกท่านนั่งพื้นเลยครับ เรียกว่า ไปฟังมิสซาจริงๆ ไม่เห็นหน้าพ่อเจ้าวัดเลย เพราะพวกท่านนั่งต่ำกว่าม้านั่ง สายตามองไปก็เห็นแต่หลังผู้คน... ไม่ยอมนั่งม้านั่งแต่นั่งพื้น พับเพียบ... คงมีหลายเหตุผล...พ่อก็ไม่เข้าใจทั้งหมด แม้แต่เวลานี้วิเคราะห์ได้ว่าทำไมแต่ก็ละครับ ปล่อยให้เหตุผลเป็นเหตุผลของพวกท่านต่อไป พวกท่านไม่อยู่กันแล้ว (อ้อ เกือบลืม ยังไม่สุดท้ายครับ มีอีกพวกหนึ่งคือบรรดาชายอาวุโส บางคนรวมกลุ่ม มาวัด แต่ไม่ได้เข้าวัดแต่จับกลุ่มหน้าวัดเลย ร่วมพิธีแบบเทเลปาร์ติสิเปชั่นคือร่วมมิสซาระยะไกล... ก็คุณพ่อติดลำโพงไว้บนหาระฆังดังสนั่น และเรียกให้มาฟังมิสซา ให้มา”ฟัง” เอาน่า ไม่นอนฟังอยู่ที่บ้านฝั่งโน้นก็บุญแล้ว)


• ที่พ่อเริ่มเรื่องแบบทบทวนความจำรำลึกเช่นนี้ ก็เพราะพระวรสารวันนี้เพราะพ่อคิดถึงวัดครับ วัดของเราคริสตชนคาทอลิกก็ได้ความคิดหลายอย่างมาจากพระวิหารของชาวยิว พระวิหารที่พระเยซูเจ้าเองคุ้นเคยในพระชนมชีพของพระองค์ พระวิหารคือที่ประทับของพระเจ้า พระวิหารคือที่เราไปพบพระเจ้า ไปถวายบูชา ไปสวดภาวนา และไปขออภัยพระเจ้า...ใช่ครับ วัดของเราก็มีความหมายเช่นนี้...


• วันนี้พระเยซูเจ้าเล่าอุปมาถึงฟาริสีและคนเก็บภาษีที่ขึ้นไปภาวนา พ่อขอนำคำภาวนาของสอคนนี้มาสรุปให้ดูนิดหนึ่งครับ...

o คำภาวนาของชาวฟาริสี เขายืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า”

o คำภาวนาของคนเก็บภาษี ยืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อน-อก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด”


• คำภาวนาของคนที่มีความเชื่อและเสนอตัวเองไว้สูงส่งสำหรับพระเจ้า ฟาริสีมักคิดว่าตนเองเป็นคนชอบธรรม เป็นคนดี เพราะฟาริสีจริงๆนั้นเขาถือว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของโมเสส เป็นยอดคนแห่งศาสนา เป็นคนเคร่งครัดธรรมบัญญัติ... เรียกว่า เคร่งครัดขนาดที่พวกเขาอธิบายกฎเกณฑ์ทางศาสนาไว้มากมาย และก็อธิบายขยายความจนกระจายเป็นกฎเล็กกฎน้อยเต็มไปหมด และพวกขา “ภูมิใจ กระหยิ่มใจ มั่นใจ เรียกว่า proud ภูมิใจ จนบ่อยครั้งก้าวไปถึง pride คือทะเยอทะยานชูตัวเองขึ้น” นี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้จากพระคัมภีร์... ดังนั้นคำภาวนาจึงกลายเป็นการ “เสนอหน้า (ภาษาไทยชัดดี “เสนอหน้า”) ให้กับพระเจ้า เสนอความดีของตน ประกาศให้พระเจ้าพอใจ เรียกร้องให้พระเจ้าสนพระทัยว่าเขาเป็นคนดี....

• ประเด็นของคำภาวนาของฟาริสีวันนี้ที่พ่อต้องนำมาไตร่ตรอง คือ 

o “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้” ประเด็นแรกคือ เขารู้สึกว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น...แรงมาก เขาคิดว่าเขาเหนือจากมนุษย์คนอื่น จึงไปยืนใกล้พระเจ้ากว่าใคร ไปยืนภาวนา เงยหน้าขึ้นในพระวิหารดุจจ้องมองพระเจ้าและเจรจา เพราะเขาต่างจากคนอื่นๆที่เขาสรุปเพื่อเปรียบเทียบว่ากระทบคนอื่นเป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี และแรงกว่านั้น คือประกาศตนเองไม่เหมือนคนเก็บภาษีคนนั้น “คนนั้น” ที่เขากำลังเห็นว่าภาวนาอยู่เช่นกัน

o พ่ออ่านพระวาจาถึงตอนนี้ พ่ออ่านย้ำหลายครั้ง พ่ออยากจะบอกว่า “ช่างกล้า” ช่างกล้าจริงๆที่จะยกตัวขึ้นไปสู่ความภูมิใจและทะเยอทะยาน (Proud and Pride) จริงๆ กล่าวได้ว่าช่างไม่สุภาพเสียเลย ช่างเวอร์จริงๆ 

o พ่อจินตนาการต่อ...ฟาริสีคนนี้ยืนภาวนา แหงหน้าขึ้นหาพระเจ้า พ่อกำลังจิตนาการว่า...ถ้าพ่อเป็นพระเจ้าที่ฟาริสีคนนั้นแหงนหน้าขึ้นมา พ่อก็คงก้มหน้าลงมองเขา ก็เท่านั้น...แต่สำหรับคนเก็บภาษีอยู่ด้านหลัง คุกเข่าหรือหมอบกราบ ทุบหน้าอกตนเองด้วยความทุกข์ ก้มหน้าไม่กล้าเงย แล้วร้องขอความเมตตาอภัยบาป... จินตนาการต่อคือถ้าพ่อเป็นพระเจ้าในพระวิหาร พ่อคงจะต้องก้มลงมาหาเขา พ่อคงต้องย่อลงมาก้มลงไปหรือเอื้อมมือลงมาช้อนหน้าเขาขึ้นมา หน้าทั้งน้ำตาที่พ่อต้องช้อนขึ้นมาเพื่อดูว่าหน้าตาเป็นอย่างไร และอาจต้องเช็ดน้ำตาให้เขาด้วย... (พ่อคิดว่าภาวนาแบบคนเก็บภาษีแบบนี้ดีจัง)
• ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” กลับมาที่ฟาริสีที่ภูมิใจและทะเยอะทะยานแล้วจังโอ้อวดตนเองด้วย เสนอหน้าและเรียกค่าตอบแทนจากพระเจ้าอะไรประมาณนั้น... แสดงตนให้พระเจ้ารู้ว่า เขาอดอาหารสองวันต่อสัปดาห์ (เยอะกว่าคนอื่น แปลว่าชอบธรรมกว่าคนอื่น...กระนั้นหรือ???) และได้ถวายเงินหนึ่งในสิบของรายได้...โอ นี่เยอะไหม ไม่ครับ นี่คือตามกฎเกณฑ์ธรรมดาของชาวยิว แต่ฟ้าริสีคนนี้กำลังโอ้อวดให้กับพระเจ้า...


• สิ่งที่พ่อเรียนรู้จากพระวาจาวันนี้
o พ่อคิดว่าพ่อเลือกเป็นเหมือนคนเก็บภาษี คือคนบาปคนนั้น เพราะพ่อเองก็เป็นคนบาปคนหนึ่ง เป็นคนบาปจริงๆ พ่อคิดว่าพ่อต้องยอมรับความบาปของตน พ่อไม่มีอะไรจะเงยหน้าขึ้นโชว์พระเจ้า ไม่มีอะไรจะร้องบอกพระเจ้าว่าพ่อมีอะไรดีจริงๆ อาจจะมีบางอย่างนี่อวดพระเจ้าสักหน่อย... แต่เมื่อหักลบกลบหนี้เก่าคือบาปและความเมตตาที่พ่อได้รับจากพระเจ้า แล้ว....พ่อรู้เลยว่า พ่อต้องก้มหน้าทุกอบของพ่อต่อไป “ขอทรงพระกรุณาเทอญพระเจ้าข้า” พี่น้องที่รัก พ่อเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดา พระองค์ทรงดีว่าเราต้องการอะไร ในการภาวนาของเรา ของพ่อ เราแทบไม้ต้องขออะไรมาก “ขอเพียงพระประสงค์จงสำเร็จ” ก็พอ... มีอะไรจะอวดพระเจ้าหรือ... อย่างเดียวที่ที่สุดพ่ออวดได้จริงๆ อวดได้ ประกาศได้ คือ “ความรัก ความเมตตาของพระเจ้า” พระเจ้าทรงเมตตาพ่อ ทรงเมตตาเราทุกคน ไม่มีอะไรที่จะมาเสนอให้พระเจ้า นอกจากความต่ำต้อยของเรา ความไม่มีอะไรของเราจริงๆ... ไม่รู้สิ พ่อรู้สึกและมั่นใจว่า ถ้าเรารู้ว่าพระเจ้าทรงเมตตาเรา.. ถ้าเรารู้ถึงความแสนดีและแสนเมตตาของพระเจ้าต่อเรา เราคงภาวนาถึงพระองค์ได้อย่างมีความสุข ถ่อมตนและเต็มไปด้วยความไว้ใจ โดยศูนย์กลางของการภาวนาอยู่ที่พระองค์

o การภาวนาแท้จริงของเรา คือ ร้องหาพระเจ้าพระบิดา... เราวางใจในพระองค์ และพร้อมจะรักพระองค์เสมอไป พ่อคิดว่าถ้าพ่อเป็นเหมือนคนเก็บภาษี พอคงมีความสุขที่สุด ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นเชิดให้เมื่อ ก้มหน้า ซบลง ร้องหาพระกรุณาจากพระเจ้า และพระเจ้าเองจะทรงเสด็จมากอบกู้ เสด็จมาสัมผัสวิญญาณอันต่ำต้อย และพระองค์อาจจะจับหน้าพ่อให้เงยขึ้นด้วยความรักอาทร และพ่อก็คงจะได้เห็นพระพักตร์แสนอ่อนโยนของพระองค์


• พี่น้องที่รัก... พ่อคิดว่าการภาวนาวันในพระวิหาร การภาวนาในวัดด้วยศรัทธา น่ารักและควรทำต่อไป นั่งในวัดตรงไหนๆก็ได้ แต่ขอให้จิตใจของเราสุภาพ ถ่อมใจต่อพระเจ้า เชื่อมั่นจริงๆในความรักต่อพระองค์ และภาวนาของพระเมตตาจากพระองค์ ขอการอภัยจากพระเจ้า พ่อเชื่อว่าเป็นพระองค์ที่จะประทานสันติสุขให้เรากลับไปบ้านพร้อมกับได้รับ พระเมตตาจากพระองค์ เป็นพระองค์ที่ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขแท้จริงแก่เราที่จะประทานให้ เรา....


• พ่อขอให้เราได้รักที่จะไปหาพระเจ้าต่อไป ไปวัดไปวา ไปหาพระเจ้า โดยเฉพาะมหาพรต เคยมีโวหารที่เขาเขียนว่า “มหาพรตมาหาพระ” มีถ้อยคำงามๆ แบบนี้ที่พ่อเคยได้ยิน พี่น้องครับ พ่อขอบอกตรงๆ ว่า ไปวัด ไปบอกรักพระเจ้า ไปสรรเสริญพระเจ้า ไปขอบคุณพระเจ้า ไปขอโทษพระเจ้า และไปวอนขอพระกรุณาจากพระเจ้าบ่อยนะครับ แล้วเราจะมีความสุขเมื่อกลับไปบ้าน กลับไปสู่ครอบครัวและสังคม... พ่อขอให้เราได้ถ่อมตนถ่อมใจต่อพระเจ้ามากๆนะครับ... ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก