“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2015
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา
มก 6:53-56…
53พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์ มาจอดเรือขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเร็ธ 54เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือประชาชนก็จำพระองค์ได้ทันที 55และคนในบริเวณนั้นต่างรีบมาหา นำผู้เจ็บป่วยนอนบนแคร่มาเฝ้าพระองค์ ณ สถานที่ที่เขาได้ยินว่าพระองค์ประทับอยู่ 56ไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ใด ในหมู่บ้าน ในเมืองหรือในชนบท เขาก็นำผู้เจ็บป่วยมาวางตามลานสาธารณะ ทูลขอพระองค์ให้เขาสัมผัสเพียงชายฉลองพระองค์เท่านั้น และทุกคนที่สัมผัสแล้วก็หายจากโรคภัย

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• พระเยซูคือความหวัง “HOPE” ของมนุษย์ทุกคนที่ได้พบพระองค์ที่ได้รู้จักพระองค์และรักพระองค์ พระองค์คือความหวังจริงๆ


• ภาพที่เราเห็นได้จากการที่ทุกคนต่างแบกคนเจ็บบนแคร่ การนอนบนแคร่คือความสิ้นหวัง และการลุกขึ้นได้คือความหวัง.. ความหวังที่จะได้ลุกขึ้นมาเป็นโอกาสที่สำคัญ เป็นความจริงที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาจริงๆ พวกเขาติดตามพระองค์ ไม่ว่าพระองค์ไปที่ใด เพียงทราบว่าพระองค์อยู่ที่นั่น พวกเขาจะไปหาพระองค์และติดตามพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงทำให้ความหวังของพวกเขาได้เป็นความจริง


• พ่อเคยได้ยินรัฐมนตรีศึกษาคนหนึ่งกล่าวไว้สิบกว่าปีแล้ว เป็นคำกล่าวที่ฟังแล้วเคลิ้มมากๆ พ่อเองนะขณะที่ได้ยิน พ่อเปิดข่าวฟัง เปิดเสียงดังๆในห้องสมัยอยู่บ้านผู้หว่าน ตัวพ่อกำลังอาบน้ำอยู่แต่เช้ามืดเพื่อรีบไปถวายมิสซาที่อารามคาร์แมลตาม หน้าที่ แต่ชอบที่จะติดตามข่าวบ้านการเมืองทุกวันเพื่อให้ทันข่าว..และรับรู้ความ เป็นไปต่างๆของสังคม พ่อจำได้ว่าเช้าวันนั้น เสียงให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีคนนั้นขณะที่กำลังพูดกับเด็กๆนักเรียน เสียงและถ้อยคำของเขาทำให้พ่อต้องวิ่งออกจากห้องน้ำมาฟังชัดๆ มาดูชัดๆ ว่าเขาพูดจริงๆ เพราะคำพูดของเขาหวานหูเหลือเกิน... พ่อจำได้ดี

o เขาให้โอวาทกับเด็กๆและผู้นำการศึกษา... เขาพูดว่า “ชีวิตเราต้องมีความหวัง ชีวิตเราไม่มีความหวังไม่ได้เด็ดขาด เพราะว่าความหวังคือพระเจ้า” 

o พ่อได้ยิน พ่อวิ่งออกมาฟัง พ่อเคลิ้มตามไปเลย พ่ออยากจะบอกว่าสิ่งที่เขาพูดคือสัจธรรมจริงๆ “ความหวังคือพระเจ้า” เขาเป็นคาทอลิกไหม?? ไม่ แต่เรียนโรงเรียนคาทอลิกของเรามาแต่เด็ก เขาพูดได้สุดยอดมาก เป็นสัจธรรมเหลือเกิน “ความหวังคือพระเจ้า” พูดดีจัง ให้ความหวัง และให้การศึกษาเป็นความหวังจริงๆ 

o แต่ แต่ แต่...น่าเสียดาย ที่ในที่สุดเขาเอง..ควบหลายรัฐมนตรีและหัวหน้าใหญ่ เขาได้ทำลายความหวังของคนในชาติจนเกือบหมดเนื้อหมดตัว ดับความหวังของเด็ก ดับความหวังของประเทศ ดับความหวังของสังคม... ถ้าเขาไม่โกง ไม่คอรัปชั่น ไม่เล่นพรรคสำคัญกว่าชาติ ไม่กอบโกยความรวยล้นฟ้า ประเทศไทยของเราคงมีความหวังอีกมาก... น่าเสียดายจริงๆ ที่คำพูดที่แสนดีของเขา เรียกว่าฟังแล้วเป็นคริสตชนได้เลย แต่ความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่.. เพราะว่าสิบกว่าปีผ่านไปรัฐบาลเสียงข้างมากกลับฉ้อโกงโจ่งแจ้งไม่อายฟ้าดิน ขนาดนี้ คอรัปชั่นเชิงนโยบายเกิดขึ้น... โจ่งแจ้งกว่าที่เคย ความเลวที่ไม่ผิดกฎหมายเกิดขึ้นได้อย่างน่าทึ่งว่าโกงเก่งเช่นนี้ได้ อย่างไร... ที่สุดเป็นการจบ ความหวัง “HOPE กลายเป็นความสิ้นหวังพังสลาย HOPELESS” พระเจ้าที่พ่อฟังแล้วคิดว่าเขาบอกว่าความหวังคือพระเจ้า กลับกลายเป็นพระเท็จเทียมจนได้

o เสียแรงที่พ่อวิ่งออกมาจากห้องน้ำขณะอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เพราะพ่อได้ยินถ้อยคำที่คิดว่าเป็นความจริงโดยสัจธรรม แต่บังเอิญ ความจริง ความดี ความหวัง ถูกคนฉ้อนำมาใช้เป็นลูกกวาดหวานเคลือบซ่อนยาพิษ ประเทศเราจึงไม่ได้เจริญด้านการศึกษาเพื่อลูกหลานอย่างที่เป็น... “เสียดาย”


• ขอบคุณพระเจ้าที่เรามี “พระเยซูเจ้า” องค์ความหวังของเราจริงๆ พระองค์เป็นความหวังและความจริงที่ไม่มีทางผิดหลง พระองค์คือหลักประกันของชีวิตคริสตชนของเรา พระวรสารวันนี้ชี้ให้เห็นความจริงครับ... พ่อดีใจที่เราได้อ่าน แม้ประชาชนจะนอนบนแคร่ แต่พวกเขาก็พากันแบกมาหาพระเยซูเจ้า การนอนบนแคร่คือสภาพสิ้นหวังพิการจริงๆ วันนี้พ่อขอเปรียบเปรยและเปิดทางความเชื่อของเราหน่อยได้ไหมครับ...

o พี่น้องคิดเหมือนพ่อก็ได้ คิดต่างก็ได้ พ่อคิดว่า สังคมไทยของเราหลายปีมาแล้ว เราเหมือนคนเจ็บพิการที่นอนบนแคร่ พิการทางสังคม พิการทางความรู้ความเข้าใจ และก็แบกกันไปบอกว่ามีอิสระมีประชาธิปไตย แต่อันที่จริง เราสังคมไทยของเราป่วย และถูกบรรดาคนฉวยโอกาสจัดให้นอนแบนแคร่ที่ดีแสนสบาย... พ่อเคยเห็นครับ คนเจ็บหนักจะนอนบนเตียงที่โรงพยาบาลแพงที่สุดกับคนเจ็บหนักที่นอนห้อง อนาถา.. ความเจ็บของเขาเท่าๆกัน.. ที่สุดก็จบลงแบบเดียวกัน คือ ถูกแบกไปสู่เชิงตะกอนหรือสุสาน... บางทีสังคมไทยเราอาจถูกทำให้เจ็บป่วยทางสังคมด้วยโรคร้ายที่หลอกให้ลุ่มหลง งงงวยฉวยด้วยประชานิยมแบบต่างๆ หลอกให้เสพสุขผิวเผินด้วยนโยบายเคลิ้มฝัน.. หลอกให้นอนบนแคร่ฟูกนุ่มงาม แต่อันที่จริงคืออาการป่วยของสังคมนั้นเกินเยียวยา... และรอวันจบทั้งๆที่สามารถลุกขึ้นมามีความหวังได้....

o พ่อเห็น “ความหวัง” ในพระเยซูครับ เห็นความหวังในความเชื่อของเราคริสตชน เห็นศรัทธาในพระเยซูของพี่น้องที่รักทุกท่าน เพราะพระองค์ตรัสให้เราเป็นเกลือดองแผ่นดินและเป็นแสงสว่างส่องโลก (เทียบ มธ 5:13ff) พ่อจึงมีความหวังต่อไปอย่างมั่นใจไม่มีวันหลงหรือลวงหลอกเด็จขาด “พระเยซู คือ ความหวัง จริงๆ” ความเชื่อในพระองค์ทำให้เราได้ศาสนาคริสตชน คือคริสตชนได้เข้ามาสู่ผื่นแผ่นดินสุวรรณภูมิตั้งแต่สมัยอยุธยา... เราต้องเป็นแสงสว่างแห่งความหวังต่อไปให้ได้ เติมพระคริสตเจ้าลงในสังคมนี้ต่อไปด้วยความรักจริงๆ ไม่มีหลอกลวงครับ เรามีหลายกิจการที่ทำได้ แต่เราได้ทำไหม..ที่จะเป็นฐานแห่งการประกาศข่าวดี เรามี

i. โรงพยาบาล ครับเรามีไม่มากเลย แต่เรามีอยู่ เป็นกิจการที่เพื่อบริการความรักเมตตาแก่ผู้เจ็บป่วย 
ii. เรามีบ้านคนชรา... น่ารักมาก แต่แม้ไม่มากนัก เราต้องมีให้มากขึ้น...
iii. เรามีคณะนักบวชทำงานเพื่อคนที่ถูกสังคมค้าขายย่ำยี คณะนักบวชที่รักงานช่วยเหลือแบบน่ารักชวนศรัทธาเหลือเกิน 
iv. เรามีบ้านเด็กกำพร้าที่แสนงดงามที่พัทยา ส่งเด็กๆเรียน ให้โอกาส ส่งเรียนถึงต่างประเทศก็มี งานเมตตาที่แสนงดงามที่สุดต้องมีอีก และสังคมต้องช่วยกันรับผิดชอบ เพราะบ้านเมืองเราโปรโมตการท่องเที่ยวมากมาย กอบโกยเงินเข้าเมืองท่องเที่ยว และทิ้งไว้ซึ่งเด็กกำพร้าตาดำๆแสนบริสุทธิ์มากมายเช่นกัน... 
v. และที่เรามีมากที่สุดคือ “โรงเรียน” เป็นที่ว่าสวยหรูว่าเป็นฐานและเป็นสนามแห่งการประกาศข่าวดี เรามีโอกาสครับ เด็กอยู่กับโรงเรียนคาทอลิกเราหลักแสน ถ้ารวมมหาวิทยาลัยที่แสนดังสะท้านเอเชียและคุณภาพสูงมากด้วย.. เรามีโอกาสมากที่จะช่วยให้สังคมได้ลงจากแคร่และมีสุขภาพทางศีลธรรมจรรยายอด เยี่ยม พ่อหวังว่าเราคงจะไม่ร่วมกันแบกเพื่อนพี่น้องในสังคมไว้บนแคร่สวยงามราคาสูง แต่ก็ป่วยและทำให้พวกเขาพิการตลอดไปแต่หลงว่าสบายดี...
vi. เรามีกิจการสังคมสงเคราะห์ เรามีโคเออร์ เรามีงานสังคมพัฒนา ฯลฯ
vii. สำคัญที่สุด เรามีชุมชน “วัด” ครับ... แหล่งประกาศข่าวดีและความรัก โดยมีเจ้าอาวาสและบรรดานักบวช โดยเฉพาะคริสตชนฆราวาสเป็นกำลังหลัก เรามีความหวัง และที่สำคัญ เราต้อง “เป็นความหวัง”ครับ
o พี่น้องที่รัก พ่อเห็น ความหวังของเราคริสตชนคาทอลิกครับ เพียงแต่เราต้องไม่พลาดจากการเป็นความหวัง และเราต้องไม่ปล่อยให้เงาแห่งความมืดหรือกระแสโลกกระแสโลภ เขามากลืนเราจนเรากลายเป็นผู้ดับความหวังแทนที่จะเป็นความหวัง ขอเพียงอย่างเดียว เราต้องติดสนิทกับพระคริสตเจ้า ดุจกิ่งก้านที่ติดกำกับลำต้น (เทียบ ยน 15) หรือดุจร่างกายที่ติดกับพระคริสตเจ้าคือศีรษะ (เทียบ 1คร 12) แล้วพระศาสนจักรคือเราทุกคนจะเป็นพระกายของพระคริสต์ที่เป็นความหวังของ สังคมได้อย่างสวยงามแน่นอนครับ..

• พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าเป็นความหวังที่ไม่มีวันสิ้นหวังฉันใด เราคริสตชนพระกายของพระคริสต์ลูกของพระเจ้า เราต้องเป็นความหวังสำหรับสังคมเช่นกันฉันนั้นนะครับ... ทำสิ่งที่เราทำได้ เป็นความหวัง เป็นเกลือ เป็นแสงสว่าง ในสังคมโลกและอาชีพของพี่น้องนั่นแหละครับ ถ้ามีน้องอยู่ในสังคมฆราวาส พี่น้องก็เป็นความหวังแห่งความจริง ความรัก ความยุติธรรม ถ้าเป็นพระสงฆ์นักบวช ยิ่งต้องเป็นความหวังและเป็นผู้จุดไฟแห่งความหวัง ภาวนาและหล่อเลี้ยงความหวังให้กับทุกคนเสมอเช่นกัน


• ขอพระเจ้าองค์ความหวังอวยพรนะครับ....

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก