ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม  2017
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน อสค 18:25-28/ฟป 2:1-11/มธ 21:28-32
      "เราขอบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนเก็บภาษีและหญิงแพศยา 'ศาสนา พระเยซูเจ้าได้เล่านิทานเปรียบเทียบเรื่องบุตรชายสองคน
      คนแรกคือคนที่รับปากกับบิดาว่า จะไปทำงาน แต่แล้วก็ไม่ไปทำ
      คนที่สองปฏิเสธบิดา แต่ต่อมารู้สึกเสียใจ จึงไปทำตามที่บิดาบอก

       นิทานเรื่องนี้จึงให้บทสอนแก่เราว่า การสัญญาอย่างเดียว ไม่สามารถทดแทนการปฏิบัติ บุตรชายที่บอกว่า เขาจะไปแต่ไม่ได้ไป ได้แก่ผู้นำศาสนา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า แต่กลับปฏิบัติตรงกันข้าม

      ส่วนคนเก็บภาษีและหญิงแพศยานั้น ได้ปฏิบัติตัวตามวิธีการของตัว แต่ต่อมาก็ยืนดีทำตามวิธีการของพระเป็นเจ้า บรรดาผู้นำศาสนาได้ดูหมิ่นคนเก็บภาษีและหญิงแพศยา เพราะพวกนี้ไม่นบนอบต่อพระเป็นเจ้า แต่เมื่อได้ยินคำเทศนาของท่านยอห์น พวกเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต ตรงข้ามกับผู้นำประชากรของพระเป็นเจ้า ได้ปฏิเสธที่จะเชื่อในวิธีการของพระเยซูเจ้า และได้เปลี่ยนแปลงชีวิต จึงไม่เหมาะสมที่จะเข้าสู่พระราชัยของพระเป็นเจ้า บุตรชายและบุตรสาวที่ดี คือ คนที่ยอมรับคำสั่งของบิดาด้วยความนบนอบ และได้ลงมือปฏิบัติด้วยความเต็มใจ...

ข้าพเจ้าประพฤติตนเหมือนบุตรคนใดในนิทานเปรียบเทียบนี้?...

ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดให้ลูกทำตามพระประสงค์ของพระองค์ทุกๆวัน

เมื่อจากชีวิตนี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถนำเงินและทอง ที่ข้าพเจ้าหามาได้ ไปพร้อมกับข้าพเจ้า ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าหวงแหนและกักตุนไว้ จะคงอยู่ในโลกนี้ หลังจากข้าพเจ้าจากโลกนี้ไปแล้ว

      บ่อยๆข้าพเจ้าถามว่าในชีวิตหน้า ข้าพเจ้าจะได้อะไร เมื่อข้าพเจ้าจากไปคนเดียว พระองค์จะพบอะไร และจะเห็นอะไร ในวิญญาณของข้าพเจ้า และเมื่อพระองค์เรียกข้าพเจ้าๆจะตอบพระองค์อย่างไร พระตุลาการที่ยิ่งใหญ่ จะตรวจดูการงานของข้าพเจ้าทุกชิ้นอย่างละเอียด วิญญาณข้าพเจ้าได้รวบรวมอะไรไว้บ้าง หรืออย่างน้อย มีสิ่งใดบ้างที่ข้าพเจ้าจะค้นพบว่าเป็นงานที่ข้าพเจ้าเคยทำ และปล่อยไว้ข้างหลัง.