ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2017
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน 1ทธ 2:1-8 / ลก 7:1-10
        นายร้อยทหารโรมันมีทหารอยู่ในบังคับบัญชาประมาณ 100 นาย นายร้อยคนนี้รับราชการอยู่ที่คาเปอร์นาอุม ที่ทำหน้าที่รักษาสันติภาพของเฮโรด มากกว่าจะเป็นนายทหาร ที่ขึ้นตรงต่อจักรพรรดิ์โรมัน เมื่อคนรับใช้ของเขาป่วย เขาได้ส่งหัวหน้าชาวยิวที่ประจำอยู่ที่ศาลาธรรม ให้ไปเชิญพระเยซูเจ้ามาเพื่อจะรักษาคนใช้ของเขา

พวกยิวระลึกถึงบุญคุณที่นายร้อยคนนี้ ได้สร้างศาลาธรรมให้แก่พวกเขา จึงไปขอร้องพระเยซูเจ้าให้เสด็จมา และรักษาคนใช้ของนายร้อยคนนั้น แต่นายร้อยกลับบอกกับพระเยซูเจ้าว่า เขาไม่สมควรที่จะให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของเขา เพราะชาวยิวจะไม่เข้าไปในบ้านของคนต่างชาติ เพราะถือว่าเป็นสถานที่ไม่สะอาด นายร้อยคุ้นเคยกับการใช้อำนาจ จึงยอมรับอำนาจในองค์พระเยซูเจ้า เขาแน่ใจว่า เพียงแต่พระเยซูเจ้าทรงเอ่ยพระวาจาเท่านั้น พระองค์ก็สามารถรักษาคนใช้ของเขา พระเยซูเจ้าทรงประหลาดใจในความเชื่อของคนต่างชาติคนนี้ ที่ตรงข้ามกับความเชื่อ ของประชากรของพระองค์เอง เมื่อผู้ส่งข่าวของนายร้อยกลับมาบ้าน เขาก็พบว่าคนใช้ของนายร้อนนั้นได้หายจากโรคแล้ว...

เราเคยเป็นคนกลาง เพื่อสวดภาวนาให้คนที่มีความต้องการหรือไม่?...”พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมควรจะรับเสด็จมาประทับอยู่กับข้าพเจ้า โปรดตรัสเพียงพระวาจาเดียว และจิตใจข้าพเจ้าก็จะบริสุทธิ์”เป็นบทภาวนาก่อนรับศีล.
เกมส์ฟุตบอลเหมือนกับเกมส์ชีวิต ที่ต้องการทั้งความอุตสาหะ ความอดกลั้น การทำงานหนัก ความเสียสละ การอุทิศตน และการเคารพต่อคำสั่ง...เงื่อนไขของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คือ คนที่ใช้บารมี ไม่ใช่คนที่ใช้อำนาจ ...

เกรดเฉลี่ยในการเรียน ไม่ได้วัดว่านักเรียนมีความอดทน ความกล้าหาญ การมีภาวะผู้นำ สัญชาตญาณ หรือสิ่งอื่นใด ครูบาอาจารย์หรือคนที่มีอำนาจ จึงไม่ควรบอกนักเรียนว่า พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ เพียงเพราะพวกเขาเรียนไม่ได้เกรดเอ...

คนที่ชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐี คือ คนที่กล้าทำสิ่งที่เสี่ยง และพวกเขาจะกลายเป็นมหาเศรษฐี ตอนที่มีอายุ 40 หรือ 50 ปี เพราะมันเป็นขบวนที่ค่อยเป็นค่อยไป
ไม่เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่คิดว่า การกลายเป็นเศรษฐีนั้นเกิดขึ้น เพียงชั่วค่ำคืนเท่านั้น.