ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันพุธที่ 2 สิงหาคม 2017
สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน อพย 34:29-35 / มธ 13:44-46
              “เมื่อโมเสสลงมาจากภูเขาซีนาย ท่านไม่รู้ว่า ผิวหนังบนใบหน้าของท่านนั้น ได้ส่งแสงเป็นประกายเพราะท่านได้สนทนากับพระเป็นเจ้า” สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เราคิดว่า ในท่ามกลางพวกเรา ยังมีคนที่มีใบหน้าสดใส และมีประชาชนทุกยุคทุกสมัย ซึ่งใบหน้าสดใส ด้วยแสงสว่างของพระเป็นเจ้า โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่า พวกเขา เป็นประจักษ์พยานของพระเป็นเจ้า

มันเป็นความร้อนซึ่งส่องแสงบนใบหน้า ซึ่งสะท้อนปรากฏการณ์ภายในจิตใจ หมายความว่า หัวใจของพระเป็นเจ้านั้น ได้แสดงออก ด้วยความยินดีเงียบๆ เป็นเหมือนพลังขับเคลื่อน ของความรัก ที่เปลี่ยนแปลงบุคคลนั้น เพื่อทำให้บุคคลนั้นเป็นเหมือนเครื่องมือ  ที่นำแสงสว่างของพระเป็นเจ้า

 ในจดหมายถึงชาวโครินธ์ฉบับที่ 2  นักบุญเปาโลได้เปรียบเทียบแสงสว่าง บนใบหน้าของโมเสส กับเกียรติมงคลอันสว่างสุกใส ของพันธสัญญาใหม่ และท่านได้กล่าวว่า เรากำลังสะท้อนเหมือนกระจกเงา ให้เห็นถึงเกียรติมงคลของพระเป็นเจ้า และเราได้เปลี่ยนแปลงเกียรติมงคลนั้น ไปเป็นกิตติมงคลในรูปแบบ ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ท่านได้เขียน ขณะที่กำลังมีความทุกข์ เป็นต้นเกี่ยวกับพระศาสนจักร ที่เมืองโครินธ์ แต่ความชื่นชมยินดี นำท่านเลยไป เกินกว่าความทุกข์ และทำให้ท่านพร้อมที่จะตะโกนว่า “เรากำลังสะท้อนเหมือนกระจกเงา ถึงเกียรติมงคลของพระเป็นเจ้า”

 พระวรสารก็ได้เห็นถึงจุดมุ่งหมาย ของความชื่นชมยินดี ที่เปลี่ยนแปลงบุคคลนั้น เนื่องจากเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์ จึงยินดีไปขายทุกสิ่งที่มี “พระราชัยของสวรรค์นั้น เปรียบเหมือนกับขุมทรัพย์ ที่ซ่อนไว้ คนที่ไปพบมัน ก็มีความยินดี ไปขายทุกสิ่งที่ตัวเองมี และนำเงินมาซื่อขุมทรัพย์นั้น”...ความรู้เป็นสิ่งเดียว ที่ขโมยอาชีพ ไม่อาจจะขโมยไปได้ เพราะฉะนั้น ความรู้จึงเป็นขุมทรัพย์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด ที่เราจะต้องแสวงหา....

ชีวิตนั้นแสนสั้น จงอย่าเสียเวลากับคนที่ไม่เคารพท่าน ไม่เห็นความสามารถของท่าน และคุณค่าในตัวท่าน...

คนที่ทำเวลาเสียไปหนึ่งชั่วโมง ไม่สามารถค้นพบ คุณค่าของชีวิต.