ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2017
สัปดาห์ที่ 9 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน ทบต 12:1,5-15,20 / มก 12:38-44
        พระเยซูเจ้าทรงเป็นคนของประชาชน ทรงเป็นศูนย์กลางของความสนใจ เพราะการรักษาโรคและการทำอัศจรรย์ ปรกติคนที่เป็นนาย คือบุคคลแรกที่จะยืนอยู่ข้างหน้า ให้คำสั่งสอนมากกว่าที่จะนั่งอยู่กับคนอื่น และได้แต่รับฟังอย่างเดียว แม้ว่าในสายตาของสาธารณชน และในพระวรสาร พระองค์ได้ตัดสินคัมภีราจารย์

เพราะวิธีการที่เขาแสดงตัวต่อสาธารณชน สิ่งที่ทำให้พระเยซูเจ้าแตกต่างจากพวกคคัมภีราจารย์ คือ พระองค์ทรงอยู่ในฝูงชน เพื่อจะรับใช้พวกเขา ขณะที่พวกคัมภีราจารย์อยู่ที่ตรงนั้น เพื่อจะเป็นที่สังเกต นั่นคือการกล่าวหาในพระวรสาร พวกเขาชอบที่จะสวมเสื้อยาวที่มีราคาแพง ต้องการที่จะนั่งในที่มีเกียรติในงานเลี้ยง และได้รับการคำนับในที่สาธารณะ พวกเขาพยายามที่จะดึงดูดประชาชน พวกเขาสวดภาวนา เพื่อให้ดูเหมือนว่าเป็นคนศักดิ์สิทธิ์  ไม่ใช่เพื่อสรรเสริญพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้าทรงทราบการหลอกลวง และพระองค์ได้บอกประชาชนไม่ให้หลง ในการหลอกลวงของพวกเขา เราเองสามารถที่จะอยู่กับฝูงชนได้อย่างไร? และทำไมจึงอยู่อย่างนั้น ?เพื่อจะเป็นจุดเด่นใช่หรือไม่? เพื่อจะได้ปรากฏตัวในฝูงชนทุกแห่ง เราสามารถที่จะรับใช้ โดยให้กำลังใจ ให้ความเห็นอกเห็นใจคนอื่น และให้การเอาใจใส่ทุกคน นั่นคือสิ่งที่พระองค์ได้ปฏิบัติกับฝูงชน
 
        และในวันนี้ พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ระหว่างพวกคัมภีราจารย์และหญิงม่ายที่ยากจน ในขณะที่พวกคัมภีราจารย์ ได้รับประโยชน์จากการเรียนด้านศาสนา พระองค์ได้ชี้ให้เห็น บุญกุศลของหญิงม่ายคนนั้น แม้เธอจะไม่มีความรู้เรื่องธรรมบัญญัติต่างๆ แต่เธอก็ได้แสดงความมีใจกว้าง ที่เป็นเครื่องหมายของการเสียสละวัตถุ และมอบความไว้ไว้วางใจกับพระเป็นเจ้า เธอทำบุญด้วยเงินเหรียญที่มีค่าน้อย แต่เธอก็ให้สิ่งที่เธอมีทั้งหมด เธอจึงให้มากกว่าคนอื่น เธอให้มากกว่า ไม่ใช่ในปริมาณ แต่ว่าในเรื่องของคุณภาพ ไม่ใช่จำนวนเงินที่ให้ แต่เป็นเรื่องของความเสียสละ”
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ ได้ทำทานมากกว่าทุกคน”