ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2017
สัปดาห์ที 2 เทศกาลมหาพรต
บทอ่าน ดนล 9:4ข-10 / ลก 6:36-38
     พระวรสารได้บอกให้เราทราบถึงวิธีการ ที่จะเป็นผู้มีใจเมตตากรุณา เช่น การหยุดตัดสินคนอื่น การหยุดประณามคนอื่น การให้อภัย และการให้คนอื่นด้วยความใจกว้าง พระบิดาเจ้าสวรรค์นั้นก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่แสดงถึงพระเมตตาของพระองค์ ในการเผยแสดงตัวของพระเป็นเจ้า ซึ่งได้ตัดแก่โมเสสว่า “พระเป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงพระกรุณา ทรงกอปรด้วยพระคุณ ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และความสัตย์จริง “(อพย 34:6)


พระเมตตาของพระเป็นเจ้านั้นกลายเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ในองค์พระเยซูเจ้า ซึ่งได้นำข่าวดีไปให้แก่คนยากจน (ลก4:18)
พระองค์ได้รักษาคนเจ็บ และได้ขับไล่ปีศาจ (ลก4:38-41;5:12-26)
ทรงอภัยบาปแก่คนบาป (ลก5:32;15:11-32) และได้เปิดพระราชัยของพระเป็นเจ้าแก่ทุกคนแม้แต่เป็นคนบาป (ลก19:10;23:43)

การตัดสินคนอื่นนั้น คือ วิธีการที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีกว่าคนอื่น มันเปรียบเหมือนกับใบหน้าที่ปกคลุมไว้ด้วยความอ่อนแอ
การตัดสินลงโทษคนอื่นจะเลวลง เพราะว่ามันให้คนอื่นไม่มีโอกาสคนอื่นลุกขึ้นมาจากความน่าสงสาร
การเตือนให้เรายกโทษ ซึ่งจะตามด้วยการ”ให้” การยกโทษควรที่จะเกิดขึ้น เหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าได้แสดงตัวของคุณเอง
 การกระทำและคำพูดของเรานั้น บ่อยๆมีผลที่ตามมา ไม่ใช่แต่เพียงต่อคนอื่นเท่านั้น แต่กับตัวเราด้วย มันเป็นสิ่งที่สามารถประเมินค่าว่า เราจะถูกตัดสินจากพระบิดาเจ้าสวรรค์…
การถือศีลอดอาหารเป็นวิญญาณของการสวดภาวนา ความเมตตากรุณาเป็นเส้นเลือดของการจำศีลภาวนา (นักบุญ Peter Chrysologus)

ข้อคิด

1) เราสามารถที่จะทำสิ่งที่เราต้องการทำ โดยมีรากฐานอยู่บนความมั่นใจส่วนตัว และพื้นฐานทางวัฒนธรรมเท่านั้น

2) แต่วัฒนธรรมจะเป็นสิ่งดี ถ้ามันทำให้เกิดความเรียบร้อยทางสังคม พระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ ก็เราบอกเราให้เป็นคนมีใจเมตตากรุณา เหมือนอย่างพระบิดาเจ้าสวรรค์

3) พระเยซูเจ้ากำลังให้มาตรฐานแก่เรา ในการที่จะแสดงความเมตตากรุณา ซึ่งควรที่จะเป็นความเมตตากรุณาของพระบิดาเจ้าสวรรค์ที่มีต่อเรา.