ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์  2017
สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน บสร 2:1-11 / มก 9:30-37
         มีสุภาพสตรีคนหนึ่งจากประเทศอัฟริกาใต้ ซึ่งเคยมีความรู้สึกว่า เธอได้รับกระแสเรียกให้ดูแลเด็กกำพร้าและเด็กข้างถนน

เธอได้แบ่งปันประสบการณ์ว่า ครั้งแรกเธอได้กระทำกิจการนี้ด้วยความผิดหวังและด้วยความโกรธว่า
ไม่มีใครที่จะดูแลเด็กกำพร้าและเด็กข้างถนนเหล่านี้


จึงได้สละทรัพย์สมบัติที่มี เวลาและแม้แต่บ้าน เพื่อดูแลพวกเขา เธอยังได้แบ่งปันประสบการณ์อีกว่า
แม้เธอจะพยายามทุ่มเทเพื่อให้คนยอมรับและให้รางวัลแก่เธอ แต่เธอก็ไม่เคยมีความสุขเลย  และคิดว่าความโกรธทำให้เธอมีพลัง
แต่เธอรู้สึกว่าเธอกำลังเดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย ถ้ายังมีความโกรธในหัวใจ เธอเริ่มเป็นคนที่หมกมุ่นกับตัวเอง ชอบตัดสินคนอื่น
ชอบวิจารณ์ในด้านลบกับทุกคน มีความจองหองและมีความโกรธมากขึ้น เธอเกือบที่จะเลิกกิจการดังกล่าว
ก่อนที่เธอจะคิดได้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ใช่อยู่ที่กลายเป็นคนที่ใหญ่ขึ้น หรือการอุทิศตัวทั้งกายและใจ
แต่อยู่ที่การทำตัวเป็นคนใช้ที่มีแต่ความรักเท่านั้น

       ในขณะที่พวกสานุศิษย์ยังขาดความเข้าใจในคำทำนาย เกี่ยวกับมหาทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระองค์
พวกเขากลับถกเถียงกันว่า ใครจะเป็นใหญ่กว่ากัน
 พระเยซูเจ้าจึงทรงตักเตือนพวกเขาด้วยความอดทนว่า
ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้น อยู่ที่การทำตัวเป็นคนสุดท้าย และเป็นคนรับใช้คนอื่น
พระองค์จึงได้นำเด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา
เพื่อชี้ให้เห็นลักษณะพิเศษของเด็ก คือ ความเรียบง่าย
ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้นต้องแสดงออก ด้วยการรับใช้คนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ หรือคนที่อยู่ที่ชายขอบของสังคม...
สิ่งที่ฉันปรารถนาอย่างแท้จริง คือ ฉันไม่ต้องกลายเป็นคนที่พิเศษและยิ่งใหญ่ ในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า และในสายตาของมนุษย์
แต่อยู่ที่การให้ความรักที่จะรับใช้ในพระนามของพระองค์และการแสดงความรักต่อผู้อื่น…
ความรัก คือเสียง...ที่อยู่ใต้ความเงียบทุกชนิด...
ความหวังที่ไม่มีความกลัว... เป็นพลังที่เข้มแข็ง...
เป็นความจริงที่มาก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้า... และก่อนที่ดวงดาวจะลับฟ้าก่อนรุ่งอรุณ.