“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 30 สิงหาคม 2017
สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา
มธ 23:27-32…
27“วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านเป็นเหมือนหลุมศพทาสีขาว ภายนอกดูงดงามแต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสิ่งสกปรกทุกอย่าง 28ท่านก็เป็นเช่นเดียวกัน ภายนอกปรากฏแก่มนุษย์ว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคด และความอธรรม


29“วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านสร้างหลุมศพให้บรรดาประกาศก ประดับอนุสาวรีย์ของผู้ชอบธรรม 30ท่านกล่าวว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัยบรรพบุรุษ เราคงจะไม่ร่วมมือในการหลั่งเลือดบรรดาประกาศกเหล่านี้’ 31ดังนี้ ท่านก็เป็นพยานกล่าวโทษตนเองว่า เป็นลูกหลานของผู้ที่ได้ฆ่าบรรดาประกาศก 32ฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงทำงานที่บรรพบุรุษของท่านได้เริ่มไว้ให้สำเร็จไปเถิด”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระวรสารนักบุญมัทธิวที่เราได้อ่านยังคงต่อเนื่อง ในบทที่ 23 ความเข้มข้นในการตำหนิฟาริสีนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พระเยซูเจ้าทรงตำหนิความ “หน้าซื่อใจคด” ของชาวฟาริสี ธรรมาจารย์ เพราะพวกเขาเป็นคนศาสนาที่มีเปลือกดูดีภายนอก แต่ภายในหาได้เป็นเช่นนั้นไม่...

• ฟาริสี ภาษาฮีบรูมาจากราก “P R Sh” (Parash / Perushime) แปลว่าพวกที่เก็บรักษาธรรมบัญญัติของโมเสสอย่างเคร่งครัด เป็นพวกยิวชาตินิยม รากศัพท์ของคำว่า “ฟาริสี” แปลว่าพวกที่เก็บรักษาธรรมบัญญัติของโมเสสอย่างเคร่งครัด และยึดมั่นในขนบธรรมเนียมของชาวยิวมากๆ พวกนี้มีความเป็นอยู่คู่ๆ กับพวกยิวนิยมกรีกคือพวกซะดูสี
o สำหรับฟาริสีแล้ว “โมเสส” เปรียบเหมือนบิดาหรือต้นตระกูลฟาริสี ที่ฟาริสีทุกคนให้ความเคารพมากที่สุด เพราะโมเสสให้กฎหมาย และพวกเขาเป็นพวกเคร่งครัดในกฎหมาย แต่ได้ขยายกฎหมายออกไปมากมายเพื่อความได้เปรียบของพวกตน เพื่อโอกาสและหากินกับบทบาททางศาสนาของพวกตน...
o ฟาริสีจะเสนอตนเองเป็นคนชอบธรรมเอาหน้ามากกว่าใครๆ แต่ลึกๆในใจคือความใจร้าย อยุติธรรม และความผิดต่างๆนาๆ

• เราทราบจากพระคัมภีร์สมัยพระเยซูเจ้า เราเห็นพฤติกรรมและนิสัยของชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ พระคัมภีร์เขียนชัดว่า...
o เพราะชาวฟาริสีและชาวยิวโดยทั่วไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ
o เขาไม่กินอาหารโดยมิได้ล้างมือตามพิธีก่อน
o เมื่อกลับจากตลาด เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ทำพิธีชำระตัวก่อน
o เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่น ๆ อีกมาก เช่น การล้างถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง

• ความเคร่งครัดของชาวฟาริสีจริงๆ ก็ดีนะ แต่บ่อยครั้งพวกเขาเคร่งครัดมาก “กับคนอื่น” เน้นธรรมเนียมมากกว่าความจำเป็นของชีวิต

• ปัญหาใหญ่ของฟาริสี และซัดดุสี อีกทั้งธรรมมาจารย์ และผู้ใหญ่ของศาสนาสมัยพระเยซูเจ้า คือ “หน้าซื่อใจคด” ภาษากรีกใช้คำว่า Hy-po-cri-tes หรือ Hypocrite รากศัพท์หมายถึง เขียน สอน แต่สิ่งที่ทำนั้นไม่เหมือนที่เขียนไม่เหมือนที่สอน คือปฏิบัติเกินเลยและไม่ตรงจากที่เขียนที่สอน
o คำว่า “หน้าซื่อใจคด” ก็ตรงดีในภาษาไทย
o แต่มีอีกคำที่น่าจะไปได้ดีมากๆ คือ “มือถือสากปากถือศีล” โอ คำนี้แรงมากๆ ตรงเป๊ะจริงๆเรียกว่า “เป๊ะเวอร์”
o นี่คือปัญหาของบรรดาธรรมาจารย์และฟาริสีที่มีอยู่มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ “มือถือสากปาถือศีล” คือ สอนสวยงามแต่ปฏิบัติตรงกันข้ามเลย คำนี้ราชบัณฑิตอธิบายว่า “มักแสดงตัวว่าเป็นคนมีศีลมีธรรม แต่กลับประพฤติชั่ว”

• พี่น้องที่รัก ประกาศกอิสยาห์ได้เคยกล่าวถึงคนพวกนี้และพระเยซูเจ้าก็ทรงอ้างอิงถึงคนพวกนี้จริงๆ “ประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม” พวกเขาเน้นธรรมเนียมมากมายที่สร้างขึ้นมาประหนึ่งเป็นบัญญัติที่มาจากพระเจ้า...

• บัญญัติของพระเจ้าแสนดี แต่พวกเขานำมาขยายความให้กลายเป็นธรรมเนียมเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากมาย...
o พ่อคิดว่าบ่อยครั้งคนของพระเจ้า คนของศาสนา ผู้นำศาสนา ศาสนบริกรอย่างพวกเรา อย่างพ่อเป็นต้น และบรรดาผู้เป็นบุคลากรของพระศาสนจักรต้องระวังมากๆ เพราะบางทีกระแสโลกก็รุกล้ำเข้ามาจนเราเองก็เกินเส้นของมาตรฐานบัญญัติของพระเจ้า
o บางทีพวกเรากลับไปมุ่งสู่ธรรมเนียมต่างๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อตนเองหรือเพื่อสถาบัน เพื่อพวกพ้องครอบครัวของตน... พ่อคิดว่าเรามีตัวอย่างที่เราได้เห็นกันมาแล้วในหลายระดับครับ...
o ระดับการเมือง.. ได้อำนาจ การได้พรรคพวก การออกกฎหมายที่ทำให้ผิดเป็นถูกได้ เสียงข้างมากยกมือกันตีสามตีสี่ก็ทำกันได้ ขอให้รู้ว่าถูกกฎหมาย ทำได้ และจะได้ทำร้ายทำลายประเทศชาติ เพื่อช่วยพวกตนเอง ประสบการณ์เหล่านี้เราได้เห็นในประเทศของเรา หนักกว่าฟาริสีสมัยพระเยซู คือ บรรดาคนที่อยู่ในหน้าที่ในตำแหน่งและทำทุกอย่างดูดีปากถือศีลมือถืออาวุธร้ายแรงคืออำนาจและคอรัปชั่น ทำให้ดูดีมีสง่า ทำถูกกฎหมายแต่ผิดศีลธรรม.. ไม่เป็นไร.. เพราะถูกกฎหมาย... นี่คือปัญหาของสังคมที่ร้ายแรงที่มาจากการเมือง.. เศรษฐกิจก็ผูกขาดทางการค้า กินรวบ และไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งรอดเรื่องเหล่านี้พ่อคงไม่สามารถเขียนถึงทั้งหมด...

• ระดับที่พ่อห่วงใยคือคือศาสนาครับ...
o ศาสนิกชนและโดยเฉพาะคนของศาสนา คือ ศาสนบริกรเช่นพ่อเองนี่แหละ และบรรดานักบวชและผู้ร่วมงานอภิบาลทั้งหลาย
o พ่อต้องเตือนตนเองด้วยพระวาจาของพระเยซูเจ้าจริงๆ เพราะบางทีพวกเราเองกำลังตกเป็นเหมือนฟาริสีหรือซัดดุสีหรือคัมภีราจารย์เช่นพ่อนี่แหละ...
o บ่อยครั้ง “การเมืองในหมู่เรา” ประโยคนี้ไม่ใช่ของพ่อ แต่เป็นของพระสันตะปาปาฟรังซิสเอง พระองค์เตือน “การเมือง” ในหมู่คนศาสนา
o พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเตือนหนักให้เรากลับใจจริงๆ บ่อยครั้ง การใช้อำนาจ หรือความหน้าซื่อใจคดทำให้เราเองทำให้ศาสนาได้รับความนับถือน้อยลงไปมากจริงๆ พระสันตะปาปาฟรังซิสเตือนแรงๆว่า “พอเถอะการเมืองในหมู่เรา”

• พ่อเตือนตัวเองจริงๆ เพราะบางทีเมื่อวัดของเรา ศาสนาของเรา มีเรื่อง “พาณิชย์” เรื่องการเงิน รายได้ และกำไร เข้ามาเกี่ยวข้อง “ทรัพย์สินและเงินตรา” ช่างอันตรายต่อศาสนาที่แสนบริสุทธิ์จริงๆ เมื่อใดก็ตามที่พระเจ้าเท็จเทียมหรือเงินตราเข้ามาเป็นคู่แข่งกับพระเจ้าเที่ยงแท้... เมื่อวัดของเราต้องทำกิจศาสนาขณะเดียวกันเมือเราคิดถึงคำว่า “กำไร” อันนี้แหละอันตรายที่สุด..
o สมัยพระเยซูเจ้าและสมัยก่อนพระองค์ พระวิหารของพระเจ้าต้องมีการถวายบูชานานาชนิด การถวายโค แกะ แพะ นกเขา นกพิราบ ต้องถวายเงิน... ก็เกิดพาณิชย์ในบริเวณพระวิหาร อ้างว่าเพื่ออำนวยความสะดวกแกะประชาชน... ก็จัดให้ จัดไป ขายไป คนทำธุรกิจเหล่านี้ก็คนในพระวิหาร ตระกูลของสมณะหรือเครือญาติ ก็พากันวุ่นวายไปหมด เอากำไร กีดกัน และข่มขู่กัน สร้างระบบการเมืองในพระวิหาร... พระเยซูเจ้าเคยใช้คำว่า “อย่าทำบ้านพระบิดาของเราให้เป็นซ่องโจร(ตลาด)” เออ คำว่าตลาดหรือซ่องโจรมักจะสับๆสนๆกันในการแปลพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ทรงตำหนิพวกเขา...

• พี่น้องที่รัก วันนี้เขียนเท่านี้ เทศน์เตือนตนเองและไตร่ตรองเท่านี้ดีกว่า เขียนต่อไปเทศน์ต่อไปเจ็บปวดและเรียกว่า “เข้าเนื้อ” ได้ง่ายๆ แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่พ่ออยากตอบสนองพระวาจาของพระเจ้าคือคำสอนของพระสันตะปาปาฟรังซิสครับ... อ่านคำสอนของพระสันตะปาปาหน่อยดีไหมครับ “ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร” (Evangelii Gaudium) พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเขียนพระสมณะสาสน์เตือนใจนี้ตรงๆกับลูกของพระองค์
o “มีสงครามเกิดขึ้นมากมายภายในประชากรของพระเจ้า และในชุมชนต่าง ๆ ในย่านถิ่นที่ทำงาน มีสงครามอันเกิดจากความอิจฉาริษยา และในระหว่างคริสตชนด้วยเช่นกัน จิตตารมณ์ทางโลกในคริสตชนบางคน ก่อให้เกิดสงครามกับคริสตชนอื่นๆ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาอำนาจ อภิสิทธิ์ ความพอใจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของพวกเขา ยิ่งกว่านั้น บางคนยังเลิกดำเนินชีวิตการเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร หล่อเลี้ยงจิตตารมณ์การต่อต้าน แทนที่จะเป็นสมาชิกของพระศาสนจักรทั้งมวล ที่มีความหลากหลาย เขากลับเป็นสมาชิกของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าตนเองแตกต่างหรือพิเศษกว่าคนอื่น
o ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจที่เห็นว่าในชุมชนคริสตชนบางแห่ง และแม้แต่ในระหว่างนักบวชด้วยกัน เราให้ที่ว่างแก่ความเกลียดชังรูปแบบต่างๆ ทั้งความแตกแยก การดูถูกเหยียดหยาม การแก้แค้น ความอิจฉาริษยา ความต้องการยัดเยียดความคิดของตน จนกระทั่งถึงการเบียดเบียนข่มเหง ที่คล้ายคลึงกับการตามล่าบรรดาแม่มดในสมัยโบราณ เราจะประกาศพระวรสารด้วยพฤติกรรมเช่นนี้แก่ใครได้เล่า”

• พี่น้องที่รัก บ่อยครั้งในสมัยพระเยซูเจ้า พวกที่แตกแยกกันแรงๆ ก็คือฟาริสี ซัดดุสี และพวกสมณะ ธรรมาจารย์นั่นแหละครับ... บัดนี้ ยุคของเราเราต้องไตร่ตรองและเรียนรู้จริงๆที่จะกลับใจอย่าแท้จริง และนำพวกเราให้พ้นจากความแตกแยกและผลประโยชน์ใดๆ โดยเน้นประโยชน์สูงสุดคือความดีส่วนรวมและความรอดพ้นของทุกคนครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก