“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2016

วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา ลก.14:25-33

ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่า บิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

“ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำเร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะเยาะเขา พูดว่า “คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้” หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำนวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีกำลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยังอยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้

(พระวาจาของพระเจ้า)
_____________________________________________


 การคาดเดา หรือ เขาเล่าว่า เป็นเรื่องที่วนปน เข้าในชีวิตของเราอยู่เสมอ
 เราจึงแยกไม่ออกระหว่าง “พยากรณ์” กับ “เดาสุ่ม”
 “คำนวน” กับ “นั่งทางใน”
 “ความเสี่ยง” กับ “การใบ้” ที่มาใช้กับการซื้อสลากรางวัล หรือ ใต้ดิน
 พระวาจาวันนี้ มีแง่คิดในด้านนี้
 “ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่”
 “หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำนวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีกำลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่”
 เพื่อพูดถึง “นิสัยใจคอของเรา ที่ได้วางแผน วางระบบ” ในชีวิต
 แม้ความเชื่อจะพูดถึง “ความวางใจในพระเจ้า” บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้หมายถึง “วางมือ” ต้องลงมือ เดินเท้า ออกแรง เปลี่ยนแปลงพัฒนาตน พัฒนาใจ วางแผนประเมินผล เหมือน “ศาสตร์ ทฤษฏี การวางแผนงานโดยทั่วไป”
 ความเชื่อจึงไม่ใช่ เรื่องลอยลงมาจากเบื้องบน ไม่ใช่ทำให้คนอยู่ในที่ปลีกตัวแล้วจะได้ดี ความเชื่อต้อง ลงไปในชีวิตจริง ต้องทำให้คนและสังคมดีขึ้นได้ ต้องปฎิบัติจริงได้ไม่ใช่ได้แต่ตัวคนเดียว
 อะไรที่เพื่อตัวเอง อะไรที่ได้แค่ตัวเอง ไม่ได้ทำตนเป็นคนเพื่อคนอื่น อาจจะ “ฉายแววความเห็นแก่ตัว” ไม่ใช่ “ความเชื่อ” ความเชื่อในพระต้องทำให้เรา “กลายเป็นคนเพื่อคนอื่น” ถึงจะ “ฉายภาพของบุคคลแห่งพระอาณาจักรสวรรค์” ที่ไม่ใช่ “คนบนเกาะส่วนตัว” หรือ “อาณาจักรตัวเองที่ แวดล้อมไปด้วย ความพึงพอใจในทรัพย์ ในข้าทาสบริวาร ที่ล้อมวงเข้าตัวเองทั้งสิ้น”
 ดังนั้น “ความเชื่อ” และ “ศาสตร์การพยากรณ์” และ “ไสยศาสตร์” จึงมี “เส้นบางๆ” แบ่งไว้ แต่ถ้า “ประเมินผล” และ “ทดสอบได้” ว่า ทั้งหลายนั้นเป็น ความเห็นแก่ตัว เป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นการตักใส่ให้ตัวเองเพียงคนเดียว เราก็อาจประเมิน สรุปได้ว่า “ทำเพื่อตัวเอง”  มากกว่า “ทำเพื่อคนอื่น”
การพยากรณ์ ความเชื่อถือแบบโบราณ โดยเนื้อแท้ ต้องการให้เรา “เป็นคนเพื่อคนอื่น” อย่างเช่น
“ห้ามนอนหันศรีษะไปทางทิศตะวันตก” คนโบราณท่านห้ามนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก เพราะจะทำให้อายุสั้น มีความหมายในทางความเชื่อว่า คนเราถ้าไม่ขยันจะไม่ตื่นเช้า แสงจากทิศตะวันออก จะปลุกเราให้ตื่นเช้า แดดแยงตาจะนอนต่อไม่ได้ ทำให้เราลุกจากที่นอน ไม่จมอยู่ในที่นอนทั้งวัน ตื่นมาเพื่อเป็นคนเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ “มีเวลาจมอยู่ ในที่ส่วนตัว” ทั้งวันจนเกินความจำเป็น

การพยากรณ์ ความเชื่อโบร่ำโบราณ ไม่ได้เป็น ไสยศาสตร์ ไร้สาระ แต่มี “คติสอน” ทั้งหลายเป็นการเป็นคนเพื่อคนอื่น เหมือนคำว่า "นอนหลังหมา ตื่นก่อนกา หากินแบบไก่"
หมา...ทำหน้าที่เฝ้าบ้านของมัน ประมาณเที่ยงคืนเมื่อมันมั่นใจว่าปลอดภัยดีแล้ว มันจึงจะหลับได้
กา...ขยันออกหากินตั้งแต่เช้าตรู่ประมาณตีสี่ และกลับรังเมื่อพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน
ไก่...จะหากินโดยการคุ้ยเขี่ยหาอาหารเพื่อวิเคราะห์อาหารที่มันจะสามารถกินได้ไปตลอดทั้งวัน
ดังนั้น ความขยันหมั่นเพียรทำงานเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะนำพาให้เราได้ไปประสบพบเจอกับความสำเร็จเข้าสักวันหนึ่ง
หนังสือปรีชาญาณ จึงบอกเราว่า “การจะเรียนรู้สิ่ง ต่างๆ ของโลกนี้ยากมาก การจะพบสิ่งที่อยู่แค่เอื้อม ก็ยากนักหนา”
จึงมีความหมายว่า ไม่มีวิธีลัด มีแต่ความบากบั่น
ไม่มี คุณไสยฯ ใดๆ จะอุ้มชู มีแต่ต้องสู้บนความเป็นคน
ไม่มีสูตรสำเร็จ ที่จะบรรลุความสมบูรณ์แห่ง ชีวิตความเชื่อ ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นคน กับคน ด้วยคน
ดังนั้น การบรรลุความดี ความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้มาจากการทุ่มทำบุญ สร้างโบสถ์วิหารอลังการ หรือปลีกตัวออกไปจากโลก ไปหลบภาวนาเป็นบ้าเป็นหลัง เพื่อ “ตัวเองเท่านั้น” แต่ต้อง “ละลาย ปนไป” ในคนทั้งหลาย จนเรากลายเป็นคนเพื่อคนอื่น
การคำนวน “สร้างหอคอย”
การคำนวน “พลหนึ่งหมื่น”
ราวกับว่า “อย่าฝันหวาน” “อย่าสร้างวิมานในอากาศ” อย่าคิดว่า “อาณาจักรสวรรค์ได้มาเพราะเงินทำบุญ” แต่เราจะเป็นบุคคลแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ มาจาก
การบากบั่น ท่ามกลาง พี่น้องทั้งหลาย
การไต่บันไดงู เดินบันไดเวียน เพียรทน บนความสำเร็จและความล้มเหลว แต่ได้เวลาใคร่ครวญ ตกตะกอน จนเข้าใจ “แนวทางแห่งความรัก ที่ไม่ใช่แนวทาง แห่งการได้รับชัยชนะ”
จึงสะท้อนความคิด “สู้ชีวิต” แบบนักบุญเปาโลที่เขียนในจดหมายถึงชาวฟิเลโมนว่า
 “ข้าพเจ้าถูกจองจำเพราะข่าวดี แต่ข้าพเจ้าไม่ต้องการทำสิ่งใดโดยท่านไม่เห็นชอบ เพื่อมิให้ท่านความดีเพราะถูกบังคับ”
แนวทางแห่งความรักตามแบบอย่างพระเยซูเจ้า  การวางแผนการดำเนินชีวิต
โดยไม่ต้อง “บังคับ” ด้วยวิธีเดิม วิธีเดียว ดังที่เรามีสูตรสำเร็จว่า
“ไปสวรรค์ต้องเป็นคนดี เป็นคนดีได้ไปสวรรค์”
คนดีก็คือ คนสวดเยอะ
คนดีก็คือ คนทำบุญเยอะ
แต่ถ้าความดีนั้น เบียดเบียนพี่น้อง ก็ไม่ได้รัก
ความดีนั้นกีดกัน แบ่งระดับ นับเนื่องบางคน ก็ไม่ได้รัก
ความดี วักใส่ ตักตวง เข้าตัว ก็ไม่ใช่ความดี เป็นความเห็นแก่ตัว
การบากบั่น นั่งคำนวน
การเพียรทน ต้องใคร่ครวญ ไตร่ตรอง มองคนให้ได้ มองรอบด้าน และได้แบ่งปัน ช่วยกัน ไปด้วยกัน เป็น “คุณธรรมแห่งการดำเนินชีวิตคริสตชน” ที่ต้องผ่านกระบวนการดำเนินแบบวางแผน ประเมินผล สรุปข้อดีข้อเสีย นำไปปรับปรุงพัฒนา ที่ไม่ได้เป็น “การวางแผนเพื่อให้ได้แค่ตัวเองคนเดียว” แต่เป็น “ประโยชน์ตกถึงทุกคน” อันเป็น “ภาพลักษณ์แห่งพระอาณาจักรสวรรค์” ที่ผ่านในในกระบวนการวิธี “การวางแผนชีวิต ด้วยความเชื่อ และความวางใจในพระเจ้า” ที่ไม่ต้อง กลัวการประเมินผล เพราะผลประกอบการแห่ง ความดีที่ชี้แสดงนั้น “อยู่ความสุขมวลรวมของพี่น้อง” นั่นเอง
เราจึงพยากรณ์ได้ว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้า” ก็คือ “อาณาจักรที่มีพี่น้องที่รักกัน เพราะได้บากบั่น พากเพียร เรียนรู้ในชีวิตนี้ ที่บ่งชี้ ถึงชีวิตหน้านั่นเอง”


ขอพระเจ้า องค์ความรักแห่งพระอาณาจักรสวรรค์ อวยพรพี่น้อง

(Credit จาก Facebook คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์)

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก