“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม 2016

สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา

อสค 12:1-12………….
         1พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 2“บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ท่านอาศัยอยู่ในหมู่พงศ์พันธุ์กบฏ เขามีตาเพื่อเห็น แต่ไม่ยอมดู มีหูเพื่อฟัง แต่ไม่ยอมฟัง เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์กบฏ 3บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ท่านจงจัดเตรียมข้าวของสำหรับถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย แล้วออกเดินทางไปเป็นเชลยในเวลากลางวันเพื่อให้ทุกคนเห็น ท่านจะต้องออกเดินทางไปเป็นเชลยจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งต่อหน้าเขา เขาจะได้เข้าใจว่าตนเป็นพงศ์พันธุ์กบฏ

4จงนำข้าวของออกมาตอนกลางวันให้เขาเห็น เหมือนเป็นข้าวของของผู้ถูกกวาดต้อนเป็นเชลย 5จงเจาะช่องในกำแพงต่อหน้าเขา แล้วออกไปตามช่องนั้น 6จงยกข้าวของใส่บ่าต่อหน้าเขา แล้วแบกออกไปเมื่อมืดแล้ว ท่านจงคลุมใบหน้าเพื่อจะไม่เห็นพื้นดิน เพราะเราทำให้ท่านเป็นเครื่องหมายสำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล”
7ข้าพเจ้าก็ทำตามที่ข้าพเจ้าได้รับคำสั่ง ข้าพเจ้านำข้าวของออกมาเวลากลางวัน เหมือนเป็นข้าวของของผู้ถูกกวาดต้อนเป็นเชลย ในเวลาเย็นข้าพเจ้าก็ใช้มือเจาะช่องในกำแพง เมื่อมืดแล้วข้าพเจ้าก็ออกไป แบกข้าวของออกไปต่อหน้าเขา
8เช้าวันรุ่งขึ้น พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 9“บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย พงศ์พันธุ์อิสราเอล พงศ์พันธุ์กบฏได้ถามท่านหรือไม่ว่า ‘ท่านกำลังทำอะไร’ 10จงตอบเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ คำพยากรณ์นี้มีไว้สำหรับเจ้านายที่กรุงเยรูซาเล็มและพงศ์พันธุ์อิสราเอลทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น’ 11จงพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นเครื่องหมายสำหรับท่าน ข้าพเจ้าได้ทำอย่างไร เขาทั้งหลายก็จะถูกบังคับให้ทำอย่างนั้น เขาจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย’ 12เจ้านายซึ่งอยู่ในพวกเขาจะต้องยกข้าวของใส่บ่าเมื่อมืดแล้ว และจะออกไปทางกำแพงที่เขาทั้งหลายเจาะช่องให้ออกไปได้ เขาจะคลุมใบหน้าเพื่อจะมองไม่เห็นแผ่นดินอีก

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• เมื่อกาลเวลามาถึง เมื่อความนอกใจพระเจ้าหันไปหาพระเท็จเทียมและความล้มเหลวทางศาสนาที่ขาดความซื่อสัตยก้าวล่วงเกินเลยมาก
o พระเจ้าเรียกร้องให้ประกาศกเอเสเคียลไปทำหน้าที่เตือนและประจานความน่าอายที่ประชากรของพระเจ้าต้องเนรเทศไปบาบิโลน...
o การเนรเทศค่อยเป็นค่อยไป หลังจาก ปี 587 ก่อนคริสตกาล เมื่อเนบูคัสเนสซาร์แห่งบาบิโลนยกทัพมาเอาชนะความฮึกเหิมของเยรูซาเล็ม... ราบเป็นหน้ากลอง...
o พังหมดเลยความยิ่งใหญ่ฮึกเหิมที่หลงลืมพระเจ้าพระยาห์เวห์ นครเยรูซาเล็ม พระวิหารที่แสนภูมิใจใหญ่โต พังหมด และที่สำคัญต้องถูกกวาดต้อน... กวาดต้อนไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน โดยเฉพาะกษัตริย์และคนชั้นสูงของสังคม... ต้องแบกสัมภาระแบบทาสไป ต้อง “เอาผ้าคลุมหน้าเพราะอับอายจริงๆ”
o พระเจ้าเตือนกี่ครั้ง ก็ไม่เชื่อฟัง หนีพระเจ้า ต้องการหลบหลีกจากพระเจ้า ไปตามใจตน... ต้องเนรเทศซึ่งเป็นการลงโทษให้หลาบจำพร้อมกับความอายในที่สุด...

• ประสบการณ์เนรเทศ...ของประชากรอิสราเอล พ่อพยายามหาภาพที่จะสื่อ... ประชากรที่ต้องตกเป็นเชลย แม้ก่อนหน้าคือความหรูหราและแสนภูมิใจ พระวิหารยิ่งใหญ่เหลือเกิน พระราชวังที่บรรยายไว้แสนงดงามตั้งแต่สมัยซาโลมอน เยรูซาเล็มนครหลวงที่ว่าสง่างามและเต็มไปด้วยความขลังและอำนาจ แต่เพราะความหรูหราเคยตัวและเกินตัวที่สุดก็ราบลง...

• ประกาศกเอเสเคียลถูกพระเจ้าส่งไปให้ทำเหมือนแสดงละครย้อนสอน... ท่านต้องไปทำให้ชาวยิวสงสัยในตัวบทของพระคัมภีร์
o บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย ท่านจงจัดเตรียมข้าวของสำหรับถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย แล้วออกเดินทางไปเป็นเชลยในเวลากลางวันเพื่อให้ทุกคนเห็น
o ท่านจะต้องออกเดินทางไปเป็นเชลยจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งต่อหน้าเขา
o เขาจะได้เข้าใจว่าตนเป็นพงศ์พันธุ์กบฏ
o จงนำข้าวของออกมาตอนกลางวันให้เขาเห็น เหมือนเป็นข้าวของของผู้ถูกกวาดต้อนเป็นเชลย
o จงเจาะช่องในกำแพงต่อหน้าเขา แล้วออกไปตามช่องนั้น
o จงยกข้าวของใส่บ่าต่อหน้าเขา แล้วแบกออกไปเมื่อมืดแล้ว ท่านจงคลุมใบหน้าเพื่อจะไม่เห็นพื้นดิน เพราะเราทำให้ท่านเป็นเครื่องหมายสำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล

• โถๆๆๆ ต้องออกตามช่องกำแพงเพราะไม่สามารถออกทางประตูอย่างสง่างามเพราะ “อาย” ต้องอับอายจริงๆ พ่อยอมรับว่า ความอับอายนี้คือบทสอน คือประสบการณ์ ประกาศกกำลังทำอาการที่สอนความฮึกเหิมของเยรูซาเล็ม ให้ต้องดูยามตกอับและต้องอับอาย....

• ใช่เมื่อวันก่อนพ่อเขียนเรื่องบ้านเมืองเรา ความยากจน ความร่ำรวย พ่อยอมรับว่าบ้านเมืองเราดูเหมือนรุ่งเรืองมาระยะหนึ่ง... (แต่หนี้ท่วมท้นล้นประมาณ) เราได้ทำตัวสูงส่งเหมือนประหนึ่งว่าประชาธิปไตยคือความล้ำเลิศ
o ตอนพ่อเรียนปรัชญาการเมือง พ่อทราบว่าประชาธิปไตยไม่ใช่ระบบที่ดี่สุด แต่เป็นระบบที่เลวน้อย
o พ่อเคยได้ยินคนไทยกล่าวกันเสมอมาว่า การเลือกตั้งถ้าเราเลือกคนที่ดีไม่ได้เพราะไม่มี ให้เราเลือกคนที่เลวน้อยที่สุดก็แล้วกัน นั่นว่าไปนั่น
o พ่อโตมาด้วยสายตาน้อยนิดของเด็กชายสมเกียรติ เคยตะโกนก้องร้องหาเสียงเลือกตั้งก็เคยมาแล้วเพราะเดินตามผู้ใหญ่เขาไปหาเสียง...

• เรื่องต่อไปนี้ต้องเล่า...
o สมัยพ่อเป็นเด็กพ่อเคยตามคนในหมู่บ้านไปหาเสียงกับเขา สนุกมากเพราะเป็นเวลาของ “โปรโมชั่น” ช่วงกินดีอยู่ดี... ไม่ทราบสิเดินตามเขาไป นั่งเรือไปกับเขา “ไปไหนไอ้เกีรยติ” คำตอบจากพ่อเวลานั้นพร้อมตาลุกวาว “ไปหาเสียงครับ” มือข้างหนึ่งถือกระป๋องกาวแป้งเปียกมีหูหิ้วพร้อมแปลงทาสีแบบไม้กวาดจุ่มชุ่มอยู่ และมืออีกข้างหนึ่งก็หอบหนีบโปสเตอร์รูปผู้สมัครลงเลือกตั้งสอสอไว้ มีรูป มีชื่อพรรค กระดาษบางๆ
o เดินไปลงเรือที่มีเครื่องเสียงวิ่งไปตามลำคลอง... ประกาศ เสียงเพลง ประกาศ ให้เลือก... “เบอร์เจ็ดๆๆๆๆๆๆๆ” พ่อจำคำได้ เวลานั้นที่เขาประกาศ... “หนุ่มโสด โดดลงสู้ เพื่อเชิดชูประชาธิปไตย” พ่อจำติดตา ติดใจ...
o พอเรือจอดที่ตลาด (เวลานั้น เจ้าเจ็ดไม่มีถนนครับ) พอเรือจอด พ่อก็เดินไปกับเพื่อนๆ กระป๋องคนละใบใส่กาวแป้งเปียกและโปสเตอร์ ทุกเสาไฟฟ้า (ไฟฟ้าแถวนั้นที่ดับเป็นประจำนั่นแหละ) มือหนึ่งทาแป้งเปียก มีมือหนึ่งแปะ แปะ แปะ ไปทั่ว ทุกกำแพงที่มีช่องว่าง โดยเฉพาะแปะบนรอยเก่าที่เลือกตั้งครั้งก่อนที่เลือกแล้ว ยุบสภาไปแล้ว กินกันจนบ้านเมืองต้องพังไปแล้ว ปฏิวัติไปแล้ว...
o พี่น้องคงไม่เคยรู้สิครับว่า “พ่อเกียรติ เคยเป็นเด็กหาเสียงมาก่อน ฮาๆๆๆ” ตอนนั้น น่าจะเจ็ดแปดขวบครับ กำลังคล่องแว็บๆๆๆ วิ่งๆๆๆ ไปทากาวแปะโปสเตอร์ และก็วิ่งไปทั้งวัน ยามหิวก็ได้กินดีพิเศษเพราะอะไรไม่รู้พวกเขามีเงินเลี้ยงเด็กๆอย่างเราดีพิเศษ ไม่เคยรู้ รู้แต่ว่าสนุกสุดๆ “เลือกตั้งเป็นอะไรไม่รู้” “ไม่รู้จริงๆ” และ “ประชาธิปไตยเป็นอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ” รู้แต่ว่าสนุกมาก แปะแหลก เสาไฟฟ้าต้นหนึ่งๆมีแปะอยู่แล้ว เราก็ปีน แปะให้สูงกว่า เด่นกว่า

• แต่ทั้งหมดก็เป็นการเรียนรู้ในวัยเด็ก... แต่พ่อเรียนรู้อย่างหนึ่งแม้เป็นเด็ก ได้เห็น ได้ฟัง ได้นั่งนอนตักผู้ใหญ่ฟังเขาคุยเรื่องกลยุทธ์หาเสียงและสถานที่... การแจกของ แหะๆๆๆ ปากายี่ห้อที่หรูมีรูปธนู เขามีแจกระดับวีไอพีเชียวนะ... พ่อเกิดมาเคยได้รับปากกายี่ห้อลูกธนูนั้นอะไรเกอร์ๆ นี่แหละ ด้ามแรกในชีวิต ก็โอกาสหาเสียงนี่แหละ... สนุก เลือกตั้ง ทำให้กินดีอยู่สนุก ได้ตังค์เหรียญๆหน่อยและได้ปากการูปที่เหน็บเป็นธนู โถๆๆๆ กับเด็กวัยแปดขวบ ได้ปากกาวิเศษมาเชยชม... สวรรค์ ทำไมจะไม่หาเสียงเล่า

• แต่ประสบการณ์ของพ่อก็บอกว่า ระบบนี้เป็นมาตั้งแต่พ่อเป็นเด็ก พ่อเห็น เห็นนักการเมืองหัวหน้าพรรคที่ผลัดกันเป็นนายกและก็ยุบ และก็ทะเลาะกัน และก็ปฏิวัติ ยุบ ฯลฯ ตลอดมาอีกสี่สิบปีในชีวิต หลายคนก็เลือกจนแก่ตายจากไปแล้ว และก็ส่งลูกหลานเข้ามาต่อกันไป...

• พ่อได้เรียนรู้ว่าการเมืองแบบที่ผ่านๆมา ทำให้เกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจายอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อย... จนเวลานี้ เริ่มมีกลุ่มอาการใหม่เกิดขึ้นที่การแพทย์การเมืองต้องศึกษาให้ยากันต่อไป คือ อาการ ที่รวยกระจุกและจนกระจายนั้น ตอนนี้มีอาการ “รวยจนจุก เกิดอาการเสียดเบียดแน่นในคุกกันเยอะเลย” หรือไม่ก็ “รวยกระจายพรายพัดพลาดพลัดพรากจากถิ่นจนบินหาย”

• พ่อได้เรียนรู้จริงๆว่า
o การเมืองที่ไม่สุจริต ที่เห็นมาตลอดชีวิต ไม่ได้ยั่งยืน เพราะมันคือความเท็จและบาป (ตอนพ่อเด็กพ่อแค่ร้องตะโกนหาเสียง แต่ตอนนี้พ่ออยากร้องหาความยุติธรรมและความดี ความถูกต้อง และความซื่อสัตย์สำหรับประเทศชาติ"
o พ่อเรียนรู้ว่า... ความดีส่วนรวมคือเป้าหมายของทุกคน ไม่ใช่ความรวยส่วนตัว หรืออำนาจคับฟ้าแต่ไม่ใช่เพื่อความดีส่วนรวม
o พ่อเรียนรู้ว่า สังคมต้องการความดีจริงๆ ดีปลอมแบบ “เล่น” ใช้ไม่ได้ เพราะได้ยินมาตลอดว่า “เล่นการเมือง” อาจไม่รู้จักโตและเล่นเป็นเด็กกันไป หรืออาจเทียบเคียงกับการ “เล่นการพนัน” ก็เป็นได้เพราะใช้เงินเยอะหวังผลเยอะคล้ายๆกัน

• สองสามวันนี้เอเสเคียลตอกย้ำ เสียงประกาศก ที่ประกาศความ “น่าอาย” และประกาศกถูกใช้ไปหา “ลูกหน้าด้าน” ที่พระเจ้าทรงย้ำเตือน ให้ไปสอนให้สำนึก สำให้รู้ตัวว่าประชาชนกำลังทำอะไรกันอยู่...

• ครับพ่อยอมเล่าเรื่อง “แฝงความน่ารักของเด็กหาเสียง” ของพ่อไว้ให้ฟัง และสะท้อนสังคมการเมืองไทยที่กำลังสุกงอมและต้องเปลี่ยนแปลงก้าวไป บางทีอาจคิดว่า “ถอยหลัง” (ไม่ได้คิดเพราะคนพูดไม่ได้คิด หรือคิดไม่เป็น) บางทีการถอยหลังนั้นจำเป็นนะครับ เพราะเราก้าวลงเหวไปมากแล้ว ตกเหวตกน้ำตกนรกกันมามากแล้ว การถอยหลังจำเป็นเพื่อเดินให้ถูกทาง การก้าวถอยหลังจำเป็นมากถ้าที่ก้าวไปข้างหน้าที่ผ่านมันผิดหลงโกงกันไปมากแล้ว

• ทำไมพ่อเขียนแบบนี้ ทำไมพ่อเล่าแบบนี้...
o เพราะวันนี้อ่านพระคัมภีร์จากเอเสเคียล พระเจ้าตรัส ไปซะ ไปเป็นเชลยที่บาบิโลนเลย ประชากรของพระเจ้าที่แสนจะเป็นคนดื้อ คนด้าน คนกบฏ เก็บของเตรียมไปเป็นเชลย ไป แห่ไปเป็นเชลยต่างแดนที่บาบิโลน ให้คนเห็นระหว่างเดินทาง ไปเวลากลางวันให้ทุกคนเห็น คนอื่นจะได้เห็นว่าอิสราเอลและยูดาห์ได้เป็นกบฏต่อพระเจ้า ดื้อต่อพระเจ้า

• ครับประกาศกเอเสเคียลเป็นเครื่องหมาย
o วิธีการของท่านเป็นเครื่องหมายถึงการอพยพที่ต้องเกิดขึ้นเพราะการกบฏต่อพระเจ้า....
o สอนประชากรให้รู้ตัวเสียบ้างว่ากบฏต่อพระเจ้า ดื้อจริงๆ จำไว้นะ....

• พ่อเล่าเรื่องดูเหมือนเป็นเด็กหาเสียง ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงกับการเมือง ใช่ตอนนี้เล่าก็รู้สึกน่ารัก แต่ตอนนั้น ในลำคลองนั้น ณ วันนั้น เมื่อมองย้อนไปกับการเมืองและประเทศชาติของเราที่ผ่านมาหลายสิบปี 40 ปีจากวันนั้นๆ มันแสนเศร้าเคล้าระทมเหมือนริมฝั่งน้ำที่บาบิโลนในชีวิตของอิสราเอลที่เนรเทศไปสี่สิบกว่าปีเช่นกัน (ดู สดด 137: By the river of Babylon) พ่อลงทุนเล่าเรื่องนี้อย่างมีความสุขในประสบการณ์ของพ่อ เพื่อช่วยให้พี่น้องได้อ่านพระคัมภีร์ต่อนะครับ
o คนเราคงมีเรื่องน่ารักมากมายไร้เดรียงสา หรือแม้น่าอายๆ หน่อย ไม่มากก็น้อย
o สังคมของเราก็มีเรื่องน่าอายๆที่สังคมต้องพยายามกลบเกลื่อนและมีเงื่อนงำทำร้ายสังคมกันมาโดยตลอดเช่นกัน
o แต่อันที่จริงพ่อว่าเรื่องของเด็กๆ ดูน่าอายบ้างแต่ก็น่ารักและเป็นบทเรียนที่ดีที่จะไม่ทำอีก...
o พ่อว่าดีนะ อ่านพระคัมภีร์วันนี้ และคิดถึงตัวเรา การเติบโตมาในประสบการณ์ที่อาจจะบาป ผิด ละเมิด และขอเพียงให้เราได้มี “สำนึก” ให้ได้สำนึก และจะได้ปรับเปลี่ยนชีวิตวิถีให้ถูกต้องเหมาะสมและมีวุฒิภาวะ
o โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราจะสามารถ “สอนคนอื่นไม่ให้ทำอะไรที่ไม่น่าทำอีก” ดีเหมือนกัน เวลาผ่านไปนาน บ่อยครั้งการทบทวนชีวิตเป็นคำสอนและประสบการณ์ที่ดีได้ครับ....
o ประสบการณ์อะไรๆที่มันบาดใจหรือบาดลึก บางทีก็ทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงเสมอมิใช่หรือ เพราะอิสราเอลในพระคัมภีร์ก็เป็นเช่นนั้นเพื่อสอนเราได้เสมอ เพราะอิสราเอลและยูดาห์ก็เป็นเรื่องเล่าขานสานความรักไม่รู้จบของพระเจ้าเหมือนกัน
o แม้ต้องไปเป็นเชลยอย่างน่าอาย แต่ลูกหลานก็ได้จดจำและได้เห็นความรักขอพระยาห์เวห์ตลอดกาล...

• พระเยซูบนไม้กางเขน แม้พระองค์จะตายเพราะอำนาจการเมืองในศาสนา และดูว่าน่าอายและสะดุดหรือโง่เขลาที่จะตายเช่นนั้น... แต่ทว่า ไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับเราเลยมิใช่หรือ ประสบการณ์นี้กลับกลายเป็นความยิ่งใหญ่แห่งความรักของพระเจ้าตลอดกาลเช่นกัน... พระเจ้าอวยพรครับ อ่านพระคัมภีร์นะครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก